รีวิว Yamaha MT-07 2021 สัมผัสแรก มิดไซส์เน็คเก็ทหน้าเอเลี่ยน
หลังจากที่ถูกเปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รีวิว Yamaha MT-07 2021 โดยพวกเราทีมงาน MotoRival ก็พร้อมแล้วที่จะให้เพื่อนๆได้ชมกัน ซี่งในการทดสอบแบบสัมผัสแรก หรือ First Impression กับเจ้าเน็คเก็ทไบค์พันธุ์ต่างดาวคันนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นใน รีวิว Yamaha MT-07 2021 ครั้งนี้ เราคงต้องเริ่มด้วยการไล่เรียงความแตกต่างของมันกันก่อน ว่ามันจะมีความแตกต่างจากรุ่นพี่ของมันซึ่งก็คือ MT-07 MY2018-2020 ในหลายๆจุดด้วยกัน ไล่ตั้งแต่หน้าตาภายนอก ทั้งไฟหน้า LED-Projector ที่ทำให้ตัวรถดูเหมือนกับมาจากนอกโลกมากยิ่งขึ้น
ชิ้นแฟริ่งกาบข้างและตัวพลาสติคครอบถังน้ำมันก็ปรับเส้นสายใหม่ให้ดูมีความโค้งมนมากกว่าเดิม
และไฟเลี้ยวหน้าหลังที่ปรับใหม่ให้เป็นหลอด LED
ส่วนอีกจุดที่เปลี่ยนไป และสามารถสังเกตได้จากภายนอกก็คือ ชุดหน้าจอมาตรวัด LCD ที่ถูกปรับรูปทรงใหม่ ให้ดูทันสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นจอ LCD Back Light ที่แสดงผลค่าพื้นฐานต่างๆไว้อย่างครบครันเช่นเดิม ทั้งวัดรอบเครื่องยนต์, ความเร็ว, ตำแหน่งเกียร์, ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, ระยะทาง, และเวลา
ด้านการปรับปรุงตัวรถในจุดอื่นๆที่ส่งผลถึงความรู้สึกในการใช้งานตัวรถก็มีทั้ง การปรับตำแหน่งพักเท้าและแฮนด์บาร์ใหม่ให้นั่งได้ถนัดขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกับแฮนด์บาร์ที่กว้างกว่าเดิม 15 มิลลิเมตร ซึ่งจากการทดสอบจริงในส่วนประเด็นท่านั่ง ผู้ขี่ก็พบว่า ด้วยความที่ตัวเบาะนั่งของ MT-07 MY2021 ยังคงสูง 805 มิลลิเมตร เท่าเดิม
และเป็นเบาะชุดเดิมกับของ MT-07 MY2018-2020 (อันที่จริงคือชิ้นส่วนที่อยู่ฝั่งซับเฟรมท้ายทั้งหมดไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเลยทั้งสิ้น) ลำตัวช่วงล่างของผู้ขี่ที่สูง 168 เซนติเมตร และมีน้ำหนักตัวราวๆ 90 กิโลกรัม ก็ยังคงต้องเขย่งขาทั้งสองข้างอยู่นิดๆเช่นเดิม ไม่สามารถเหยียดส้นเท้าทั้งสองข้างแตะพื้นได้ และถึงน้ำหนักตัวรถจะเพิ่มจากรุ่นก่อนมาอีก 2 กิโลกรัม จาก 182 กิโลกรัม เป็น 184 กิโลกรัม แต่โดยรวมก็ยังถือว่าเบาอยู่ดี สำหรับรถมอเตอร์ไซค์คลาสมิดเดิลเวท
และเมื่อประกอบกับแฮนด์บาร์ใหม่ ที่กว้างออกไปทางด้านข้างมากกว่าเดิมอีก 15 มิลลิเมตร จึงทำให้จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหารถพอประมาณกับ MT-07 รุ่นก่อน ที่แฮนด์บาร์บังคับให้ผู้ขี่ต้องกางศอกออกนิดๆจากองศาแฮนด์บาร์ถึงจะควบคุมรถได้อย่างทะมัดทะแมง กับ MT-07 รุ่นล่าสุดนั้น ผู้ขี่จะแทบไม่ต้องปรับตัวเข้าหารถเลย เนื่องจากการการวางแขนมีความเป็นธรรชาติมากกว่าเดิม จึงทำให้เราสามารถควบคุมตัวรถเป็นได้อย่างมั่นใจมาก ภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งในตอนเปิดคันเร่ง ตอนเบรกหรือตอนพลิกเลี้ยวต่างๆ
ส่วนเครื่องยนต์ CP2 ความจุ 689cc ของมัน ก็ยังคงเป็นบล็อคเดิม แต่ถูกปรับจูนใหม่ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับ Euro5 และส่งผลทำให้พละกำลังสูงสุดของมันลดลง จาก 74.8 PS เป็น 73.4 PS แต่อย่างน้อยก็มาที่รอบไวขึ้นจาก 9,000 รอบ/นาที เป็น 8,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดก็ลดลงจาก 68 Nm เป็น 67 Nm เช่นกัน ทว่ายังมาในรอบเท่าเดิมคือ 6,500 รอบ/นาที พร้อมประหยัดน้ำมันขึ้นอีกนิดหน่อย จาก 23.2 เป็น 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
แน่นอนถึงแม้พละกำลังสูงสุดจะหายไปทั้งในฝั่งแรงม้า และแรงบิด แต่ด้วยความที่มันหายไปแค่เพียงอย่างละหนึ่งหน่วยเท่านั้น จึงทำให้ในการทดสอบเบื้องต้น ผู้ทดสอบพบว่าเจ้า MT-07 รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่สามารถคุมคันเร่งได้ง่ายยิ่งขึ้น นุ่มนวลมากขึ้น แต่ในภาพรวมมันก็ยังคงเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของการไล่รอบจากต้น-ปลายอย่างฉับไวมากกว่าใครในคลาสเดียวกันตามฉบับ Yamaha Master of Torque เช่นเคย ทว่าน่าเสียดายที่เราไม่สามารถนำมันไปทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ในย่านความเร็วสูงๆได้เนื่องจากสถานที่ทดสอบค่อนข้างจำกัดนั่นเอง
ระบบกันสะเทือนของ MT-07 2021 ยังคงเป็นแบบ โช้คตะเกียบคู่หัวตั้ง ขนาด 41 มม. ระยะยุบ 130 มม. ทางด้านหน้า และ พร้อมระบบปรับพรีโหลด ระยะยุบ 130 มม. ทำงานร่วมสวิงอาร์มอลูมิเนียมแขนคู่ ทางด้านหลัง ที่มีหน้าตาเหมือนกันกับของ MT-07 รุ่นก่อนทุกประการ
เพียงแต่ด้วยการปรับเซ็ทค่าต่างๆภายในใหม่ และการเปลี่ยนมาใช้ยาง Michelin Road 5 ไซส์ 120/70-17 และ 180/55-17 ตามลำดับหน้า-หลัง รุ่นใหม่ จึงทำให้ในการสลาลอมต่างๆผู้ทดสอบพบว่า ลักษณะการพลิกเลี้ยวของเจ้า MT-07 รุ่นล่าสุดนั้น จะมีความหนืดมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย (ส่วนหนึ่งก็มาจากลักษณะของแฮนด์บาร์ที่เปลี่ยนไปด้วย) แต่ก็แลกมาซึ่งความมั่นคงของในจังหวะที่ตัวรถค่อยๆเอียงลงไป รวมถึงตอนที่ยังคงเลี้ยงองศาการเอียงของตัวรถไว้อย่างนั้นแทน ขณะที่การซับแรงต่างๆจากสิ่งต่างๆ รวมถึงประเด็นในเรื่องของอาการตัวรถตอนสาดเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงนั้น ก็เช่นเคยว่าน่าเสียดายตรงที่เรายังไม่มีโอกาสนำมันออกไปขี่บนผิวถนนจริงๆ จึงทำให้เราไม่สามารถเก็บข้อมูลในจุดดังกล่าวได้
ฝั่งระบบเบรก แม้ด้านหน้าจะยังคงใช้ตัวปั๊มแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์คู่ 4 ลูกสูบ เช่นเดิม ทว่าจานเบรกคู่ที่ทำงานร่วมกัน ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 298 มิลลิเมตร เท่ากับของพี่รอง MT-09 ส่วนระบบเบรกทางด้านหลังก็จะยังคงเป็น โฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์เดียว 1 ลูกสูบ ทำงานร่วมกับจานเบรกขนาด 245 มิลลิเมตร เช่นเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงใดๆ
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ที่แม้จะมีแค่เพียงจานเบรกคู่หน้าที่ใหญ่ขึ้น แต่จากการทดสอบ ผู้ขี่ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า น้ำหนักและความแรงของเบรกหน้าในการหยุดชะลอตัวรถ มีความกระชับตามแรงที่กดลงไปบนก้านเบรกมากขึ้น ทำให้ระยะทางที่ใช้ในการหยุดชะลอตัวรถ MT-07 รุ่นใหม่นั้นสั้นลงกว่าของ MT-07 โฉมเก่าอย่างเห็นได้ชัด ติดอยู่แค่เพียงในฝั่งเบรกหลัง ดูเหมือนระบบ ABS จะทำงานไวไปนิดอยู่เช่นเคย ซึ่งอันที่จริงก็เป็นสิ่งที่เราสังเกตได้จาก MT-07 รุ่นก่อนอยู่แล้ว
สรุป รีวิว Yamaha MT-07 2021 แบบสัมผัสแรกในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกที่ยังคงน่าประทับใจที่ไม่ต่างจากการได้ลองทดสอบ MT-07 โฉมก่อนหน้าเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจุดเด่นในเรื่องของขุมกำลังที่ยังมีจุดเด่นในเรื่องของแรงบิดและอัตราเร่งอันจี๊ดจ๊าดกว่าใครในคลาสเช่นเคย แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาในครั้งนี้ก็คือข้อดีในเรื่องของระบบเบรก และท่านั่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขี่ได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักกับตัวรถมากเท่าไหร่นัก ก็พร้อมแล้วที่จะสนุกไปกับมัน
โดย Yamaha MT-07 2021 สนนราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย ที่ 289,000 บาท และมีเฉดสีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบ ด้วยกัน ได้แก่ สีน้ำเงิน Icon Blue 2021 ซึ่งเป็นสีหลักประจำค่าย และ สีเทา Storm Fluo 2021 อันเป็นสีโปรโมทของเหล่า MT-Series รุ่นปี 2021 ซึ่งหากในอนาคตเรามีโอกาสได้สัมผัสกับเจ้าเน็คเก็ทไบค์พันธ์ต่างดาวรุ่นนี้แบบยาวๆอีกครั้งล่ะก็ เราจะรีบหาความสนุกของมันที่ซ่อนเร้นเอาไว้ มาให้เพือนๆได้รับทราบกันเพิ่มเติมแน่นอน ยังไงก็รอชมกันได้เลยครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ Yamaha Rider’s Club Praram 5 ที่เอื้อเฟื้อ Yamaha MT-07 ให้เราได้ทำการทดสอบกันแบบพอหอมปากหอมคอในครั้งนี้ครับ
รณกฤต ลิมปิชาติ Test Rider + Writer
อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิวอื่นๆเพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
