รีวิว Sleek 3 Type S, E, X ไฟฟ้า รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว
หลังจากที่ MotoRival เราได้นำเสนอข่าวเปิดตัวรถใหม่ Sleek EV 4 รุ่น ซึ่งประกอบไปด้วย Play 1.0, Type S, E, X ในวันนี้ เราได้มีโอกาสมาร่วมทดสอบรถใหม่ 3 Type จาก Sleek Type S, E, X ณ ลานทดสอบในสนามแบบสั้น ให้พอจับใจความได้ วันนี้ เราเลยจะมารีิวิว ให้ได้รับชมกัน
เริ่มกันที่ Sleek Type S น้องเล็กสุดของวันนี้ กับช่วงราคาไม่ถึง 5 หมื่น ค่าตัว 49,900- ในแบตก้อนเดียว และ 69,900- สำหรับ แบต 2 ก้อน ในรถทุกรุ่น จะเป็นแบตแบบเดียวกัน แต่รุ่น Type S ด้วยความที่เป็นมอเตอร์ กำลังน้อยที่สุด จะเคลมระยะทางวิ่งได้ไกลสุุด 100-200 กม. (ขึ้นกับว่าใส่แบต 1 หรือ 2 ก้อน)
ในการทดสอบนั้น ด้วยความที่ Type S เป็น บอดี้ขนาดเล็ก และมากับล้ออัลลอย ขอบ 10″ จึงทำให้มันเป็นรถที่ดูจะเน้นช่วงรถการควบคุมที่คล่องแคล่ว แต่เนื่องจากผมมองว่า Type S ดู จะสรีระเล็กเกินไปกับ ช่วงตัวผม (ผมสูง 175 ซม.) ท่านั่งยังรู้สึกว่า แอบจะนั่งจมๆ ไปเล็กน้อย ช่วงแฮนด์แม้จะแคบ แต่การขี่ในลานจอดเช่นนี้ ที่ต้องใช้วงเลี้ยวแคบๆ โดยเฉพาะช่วง Slalom ที่เรียกว่า ต้องหักแทบจะ Full Lock ช่วงระยะ Clearance ของเข่า กับแฮนด์แม้จะยังเหลืออยู่ แต่ ช่วงข้อศอกแอบจะดูติดลำตัวไปสักหน่อย แต่อย่างไรก็ดี การที่บอดี้มันขนาดเล็กเช่นนี้ และแฮนด์สั้น บอกเลยว่า ถ้าขี่รถติดหนักๆ ในเมือง สบายแน่นอน
ด้านของขุมกำลังมอเตอร์ 1500W เป็นรุ่นเดียวที่เราทดสอบในวันนี้ที่ให้มอเตอร์เล็กสุด แต่ โดยรวมแล้ว ในจังหวะออกตัว เมื่อผมบิดที่โหมด 2-3 ก็ยังถือว่ามีอัตราเร่งที่ทำได้ดี ตามสไตล์รถ EV Hub Motor ที่บิดทีกำลังมาให้ใช้ทันทีในช่วงออกตัว ยกเว้น ที่ปรับโหมด 1 อันนั้น จะ Drop กำลังสุด ทำให้การออกตัวจะเป็นแบบชิลๆ ค่อยๆ ไป สำหรับใครที่ยังไม่ชินคันเร่งของรถ EV
สำหรับความเร็วสูงสุด 70 kmph ก็ถือว่าเป็นความที่ ok ไม่น้อยจนเกินไปสำหรับการขี่ในเมืองบนท้องถนนจริงๆ
ต่อกันที่ Sleek Type E พี่กลาง ซึ่งคันนี้ ผมมองว่าเป็นรถที่ขี่ดีที่สุดของวันนี้ ราคา 69,900- ในแบตก้อนเดียว และ 89,900- สำหรับ แบต 2 ก้อน ในรุ่น Type E และ X เคลมระยะทางวิ่ง 75-150 กม. (ขึ้นกับว่าใส่แบต 1 หรือ 2 ก้อน)
เขยิบขึ้นมาที่รุ่นกลาง ล้อขอบ 12″ และบอดี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมา เรียกว่าเป็นไซส์มาตรฐานของรถ AT หรือ Scooter ในปัจจุบัน
โดยรวมสำหรับสรีระผม ผมว่ามันกำลังพอดีกับช่วงตัวสรีระคนไซส์เอเชียอย่างเราๆ ไม่ใหญ่ ไม่เล็กเกินไป เมื่อเทียบกับ Type S แล้ว มันนั่งได้สบายขึ้นมา และท่านั่งดูไม่จมแล้ว ช่วงแฮนด์บนแผงคอก็ดูกางออกในตำแหน่งที่เหมาะสมขึ้น ท่านั่งขับขี่จึงใกล้เคียงกับรถ AT ทั่วๆไป
พละกำลังมอเตอร์ เขยิบมาเป็น Hub Motor 3000W ถ้าเรายังขี่ในโหมด 1 ก็จะยังชิลๆ ค่อยๆออกตัวแบบช้าๆไป สบายๆ แต่ถ้าขี่ในโหมด 2-3 อันนี้เรียกว่าเริ่มดึงมาเต็ม บิดกระชากได้สะใจจริงๆ อัตราเร่งปรู๊ดปร๊าดดีขึ้นมาอีกระดับ เรียกได้ว่า เร่งแซง หรือ ออกตัวไฟเขียวสบายอย่างแน่นอน กับ TopSpeed ที่ขยับเพิ่มขึ้นมาเป็น 90 kmph ก็ถือว่า เหมาะสมกับการขี่เดินทางไกลชานเมืองมากยิ่งขึ้นไปอีก
ปิดท้ายที่พี่ใหญ่รุ่นท็อป Sleek Type X คันนี้ ราคา 69,900- ในแบตก้อนเดียว และ 89,900- สำหรับ แบต 2 ก้อน
ขนาดก็จะยิ่งใหญ่โตขึ้นมาอีก ทั้งบอดี้ ไซส์ล้อเป็นขอบ 14″ และเบาะนั่งก็ใหญ่ นั่งได้สบายทั้งผู้ขี่ และคนซ้อน เบรกก็อัพเกรดให้มาเป็นคาลิปเปอร์หน้าแบบเรเดียลเม้าท์
ใน Type X พอมาขี่ในลานแคบๆ เช่นนี้ผมกลับพบว่า มันดูจะหนืดหนักไปสักหน่อย ในส่วนช่วงบอดี้ ที่ใหญ่ขึ้น และไซส์ขอบล้อ ที่เวลาหักเลี้ยวช่วง Slalom สุด แอบหนืดๆไป นิด แต่ว่าโดยรวมเราก็ยังขี่ผ่านทางอุปสรรคไปได้
ส่วนพละกำลังมอเตอร์ 3000W เท่ากับ Type E แต่ TopSpeed ยกระดับขึ้นมา 100kmph บอกเลยว่า มันยิ่งทำได้ดียิ่งขึ้นในการขี่เดินทางไกลๆ รวมไปถึงมี นน.โหลดเยอะ หากคนขี่ตัวใหญ่ หรือว่ามีผู้ซ้อนขนาดตัวใหญ่ ก็ยังนั่งได้สบายจากขนาดเบาะ และพละกำลังตัวรถที่มีให้เรียกใช้งานได้อย่างเหมาะสม
ขณะที่ระบบเบรกเองทำได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสมกับการที่เป็นรุ่นท็อป ช่วงหยุดกำลังรถได้เป็นอย่างดี
สรุป รีวิว Sleek 3 Type ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ กับคนที่กำลังอยากจะหา EV Bike มาใช้ เพราะ ทั้ง 3 Type ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน
Type S เหมาะกับคนตัวเล็ก และขี่ไปไหนไม่ไกลๆ เน้นคล่องตัวกระทัดรัด ขี่ในเมืองที่ไม่ใช้ความเร็ว
Type E เป็นรุ่นมาตรฐานที่ผมว่าเหมาะกับ สรีระคนทุกไซส์ ขี่ได้ง่ายคอนโทรลสบายกำลังเหมาะ พละกำลังมอเตอร์ในระดับ 3000W ถือเป็นมาตรฐานของ EV ใช้งานจริงได้ TopSpeed 90 kmph ก็ถือว่าเดินทางบนได้อย่างไม่รู้สึกอันตราย
Type X เหมาะกับคนที่ใช้งานหนัก หรือ จริงจังขึ้นมามากขึ้น เพราะกับคนที่มี นน.โหลดเยอะ หรือ ขนาดตัวใหญ่ เบาะใหญ่ บอดี้ใหญ่ ออกแบบมารองรับการใช้งานประเภทนี้ พละกำลังแรง และความเร็วสูงสุด 100kmph เหมาะกับการขี่เดินทางไกลอย่างออกชานเมืองได้ดีมากยิ่งขึ้น ความเร็วในระดับเดียวกับพวกรถยนต์ใช้กัน
ผู้ที่สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามได้ทางตัวแทนจำหน่าย Sleek ได้ตัวประเทศ หรือ สอบถามทางเพจ Sleek EV