Yamaha Nmax Turbo รถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Yamaha ที่เพิ่งเปิดตัวไปในประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับชื่อพ่วงท้าย TURBO ที่ชวนให้เรางงว่ารถบ้านที่ไม่ได้มีระบบอัดอากาศเทอร์โบติดตั้งอยู่ ทำไมถึงใช้ชื่อรุ่นว่า TURBO แล้วอะไรกันแน่ที่ช่วยให้รถรุ่นนี้แรงขึ้นกว่าเดิม?
Yamaha Nmax รุ่นใหม่นั้นจะมีทั้งรุ่นมาตรฐานที่ไม่ได้พ่วงชื่อ TURBO ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์แบบระบายความร้อยด้วยน้ำ 1 สูบ 155 ซีซี ติดตั้งระบบวาล์วแปรผัน VVA ลูกเดิมที่ใช้อยู่ในรถรุ่นเก่า ให้พละกำลังสูงสุด 15.1 Hp และแรงบิดสูงสุด 14.2 Nm
แต่ในรุ่นย่อยที่พ่วงชื่อ TURBO จะมาการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบ YECVT หรือ Yamaha Electric Continuously Variable Transmission หรือระบบเกียร์อัตราทดแปรผันต่อเนื่องควบคุมด้วยไฟฟ้า ที่เป็นของเล่นใหม่ซึ่งเราจะมาเจาะลึกกัน
โดยประเด็นแรกที่เราขอมาลงรายละเอียดกันก่อนคือระบบ YECVT หรือเกียร์อัตราทดแปรผันต่อเนื่องแบบควบคุมด้วยไฟฟ้า ที่ทางค่ายส้อมเสียงเอามาเป็นตัวชูโรงกันก่อน ซึ่งหลายคนคงจะทราบกันอยู่แล้วว่าระบบเกียร์ CVT แบบปกติในรถมอเตอร์ไซค์ออโตเมติกทั่วไป จะควบคุมอัตราทดเกียร์ด้วยชุดชามและเม็ด ที่แปรผันตามแรงเหวี่ยงและความเร็วในการหมุน ซึ่งรูปแบบอัตราทดที่เปลี่ยนไปจะมีความตายตัวตามที่ตั้งค่าไว้จากโรงงาน
แต่ในระบบ YECVT ชุดชามและเม็ดที่ควบคุมด้วยแรงเหวี่ยงจะถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่สามารถปรับเปลี่ยนอัตราทดได้เองตามความต้องการของผู้ขี่ แปลว่าเราสามารถตั้งค่าให้รถของเรามีอัตราเร่งที่ต่ำแต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี หรือจะไม่สนอัตราการกินน้ำมันเพื่อเอาอัตราเร่งที่ทันใจมากขึ้นแทนก็ทำได้ ทำให้รถรหัส TURBO จะมาพร้อมโหมดการขับขี่ T Mode สำหรับการขี่ที่นุ่มนวลไว้เน้นใช้งานในเมือง และ S Mode สำหรับการขับขี่แบบกระฉับกระเฉงที่ต้องการอัตราเร่งที่มากขึ้น
ระบบต่อมาที่น่าสนใจคือ Y Shift ซึ่งปุ่มที่ว่านี้จะเป็นปุ่มควบคุมการลากรอบก่อนการเปลี่ยนเกียร์ของระบบ YECVT เนื่องจากปกติแล้วรถที่ใช้ระบบเกียร์ CVT จะมีรูปแบบการเปลี่ยนเกียร์ที่ตายตัว ทำให้รถของเรามักจะเปลี่ยนเกียร์ตามค่าที่ตั้งไว้จากโรงงานเอง แต่ในเมื่อจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของ Yamaha Nmax TURBO สามารถควบคุมได้ด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้เราสามารถลากรอบเครื่องยนต์แบบตามสั่งได้เลย
โดยการกดที่ปุ่ม Y Shift จะเป็นการเลือกรอบเครื่องยนต์สูงสุดที่เราสามารถลากไปได้ก่อนจะมีการเปลี่ยนเกียร์เกิดขึ้น เราสามารถเลือกรอบเครื่องยนต์ได้ตั้งแต่ 3500-5000-7000 รอบต่อนาที ยิ่งตั้งรอบเครื่องยนต์ไว้สูงมากเท่าไร อัตราเร่งที่เราทำได้ก็จะดีมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็แลกมากับอัตราการกินน้ำมันที่สูงขึ้นแทนนั่นเอง ซึ่งการตั้งค่ารอบเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Y Shift จะส่งผลไปถึงอัตราแรงดึงของ Engine Brake ที่จะเกิดขึ้นตอนที่รถชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน คล้ายกับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ CVT
จะเห็นได้ว่าความแรงของรถรุ่นนี้ไม่ได้มาจากการติดตั้งตัวช่วย หรือระบบอะไรที่เข้ามาเพิ่มพละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์เลย แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นได้ผ่านการลากและเปลี่ยนเกียร์ในสไตล์สปอร์ต ให้เหมาะสมกับอัตราเร่งที่ต้องการเพียงเท่านั้น ซึ่งการติดตั้งระบบนี้ทำให้เราสามารถเลือกขี่รถแบบแรงหรือประหยัดก็ได้ โดยไม่ต้องเลือกรูปแบบการใช้งานอย่างไดอย่างหนึ่งแบบถาวร
อ่านข่าวสาร Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่