กลับมาอีกครั้งกับข่าวของรถสปอร์ตคลาสตำนานจากญี่ปุ่นอย่าง Honda CBR400R FOUR ที่ก่อนหน้านี้มันโผล่เป็นชื่อที่ถูกจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไปในประเทศญี่ปุ่น แต่ล่าสุดในงาน China International Motorcycle Show ที่จัดขึ้นในเมือง ฉงชิ่ง ประเทศจีน ทางค่ายปีกนกก็ได้ออกมาแง้มข้อมูลของรถคลาสตำนานยุคใหม่ พร้อมความเป็นไปได้ที่จะมี Honda CBR500R FOUR เครื่องใหญ่ตามออกมาด้วย
ซึ่งในงานดังกล่าวที่บูทของ Honda ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายรถจักรยานยนต์อย่าง Minoru Kato ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่า ค่ายปีกนกจะทำการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสกลาง ที่มีความจุเครื่องยนต์ต่ำกว่า 650 ซีซี และจะมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ซึ่งถือเป็นกลุ่มของรถที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในประเทศจีน เนื่องจากราคาไม่แพง และได้อารมณ์การขับขี่เหมือนรถรุ่นใหญ่ (รถที่อยู่ในภาพคือเงาของ CBR500R ที่ถูกนำมาใช้ประกอบการนำเสนอเท่านั้น)
แน่นอนว่าในครั้งนี้ Honda ก็ยังไม่ได้มีการประกาศว่ารถรุ่นดังกล่าวจะใช้ชื่ออะไร และไม่ได้บอกว่าสไตล์ของตัวรถจะมีความเป็นรถสนาม หรือรถที่เน้นใช้งานบนถนน แต่ถ้าดูที่ชื่อที่หลุดออกมาอย่าง CBR400R FOUR ก็มีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นรถที่ยังสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน มีแรงบิดมากกว่า แต่มีแรงม้าน้อยกว่าคู่แข่งอย่าง Kawasaki ZX-4R
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เนื่องจากรถสปอร์ตที่ยังนั่งสบายนั้นเป็นประเภทของรถที่ลูกค้าชาวจีนสนใจอยู่แล้ว เห็นได้จากรถประเภทเดียวกันในตลาดตอนนี้อย่าง CFMoto SR500 Voom หรือ Kove 450RR ที่ต่างก็เป็นมิตรกับผู้ขี่มากกว่าตัวแรงจากค่ายเขียว โดยแลกมากับพละกำลังสูงสุดที่ไม่โดดเด่นเท่า
ในขณะเดียวกันก็มีข่าวลืออีกกระแสว่าค่ายปีกนกจะทำการเปิดตัว Honda CBR500R FOUR สำหรับใช้จำหน่ายในตลาดโลก แปลว่าถ้าประเทศไทยจะเอามันเข้ามาขายบ้าง พวกเราก็คงจะได้ใช้รถรุ่นเครื่องยนต์ใหญ่คันนี้แทน ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เล็กก็จะทำไว้สำหรับตลาดบ้านเกิด ที่มีข้อกำหนดเรื่องใบขับขี่
ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุผล เพราะถ้าเราดูที่คู่แข่งจากจีนทั้ง Kove และ CFMoto ก็จะเห็นได้ว่าพวกเขาต่างตั้งความจุเครื่องยนต์ไว้ใหญ่กว่า 400 ซีซี กันทั้งหมด ถ้าค่ายปีกนกหวังจะบุกตลาดแบบไม่เสียเปรียบตั้งแต่เริ่ม การทำเครื่องยนต์ให้ใหญ่เท่าคู่แข่งก็ถือเป็นเรื่องที่จำเป็น และจะทำให้รถรุ่นนี้ในไทยถูกวางจำหน่ายในศูนย์ Honda Bigbike แทนที่จะเป็นศูนย์ของรถเล็กอีกด้วย
ที่มา autoby
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
