ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา Honda ได้ทำการเปิดตัวเครื่องยนต์ต้นแบบ ที่มาในรูปแบบ 3 สูบวี พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบไฟฟ้า E-Compressor ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่จากค่ายปีกนกที่น่าสนใจไม่น้อย ทางด้านปริมาตรกระบอกสูบถึงแม้จะไม่มีการระบุเอาไว้ แต่ก็มีการวิเคราะห์เอาไว้ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 850 ซีซี เพื่อให้สามารถเกาะกระแสไปกับเครื่องยนต์ใหม่ของ MotoGP ได้
ในเวลาต่อมาก็มีคนพบว่าทางค่ายได้ทำการจดเครื่องหมายการค้า V3R ที่เห็นชื่อแว้ปแรกก็ทำให้เรารู้ได้ทันที ว่าจะต้องเป็นชื่อของรถต้นแบบคันดังกล่าวในรุ่นโปรดักชั่นแน่นอน พร้อมยังทราบด้วยว่ามันจะมาในรูปโฉมแบบสปอร์ต
และเมื่อเดือนก่อน แอดมินฟอร์ดก็ได้ทำการวิเคราะห์เอาไว้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ Honda อาจจะแบ่งรถพื้นฐานของเครื่องยนต์ลูกนี้ออกเป็น 2 รุ่น นั่นคือรุ่นที่ทำการติดตั้ง E-Compressor เหมือนกับรถต้นแบบ ที่จะมาพร้อมกับพละกำลังและเทคโนโลยีขั้นสุดของค่าย เป็นเหมือนตัวโชว์ความก้าวหน้าของแบรนด์
ขณะเดียวกันพวกเขาก็จะทำการเปิดตัวรถรุ่นหายใจธรรมชาติ ไร้ระบบอัดอากาศ ที่จะทำออกมาเพื่อวางจำหน่ายในวงกว้างมากกว่าเดิม มีค่าตัวเป็นมิตรมากกว่าเดิม และอาจจะมีตำแหน่งการตลาดที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งในคลาสกลางรุ่นอื่น
และล่าสุดก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่แอดมินฟอร์ดวิเคราะห์เอาไว้จะถูกต้อง เนื่องจากมีการค้นแบบว่า Honda ได้ทำการจดเครื่องหมายการค้าชื่อรถแยกกัน 2 รุ่น คือ V3R (ซึ่งเป็นชื่อที่เราเห็นกันไปก่อนหน้านี้) และ V3R E-Compressor ซึ่งนี่ก็ทำให้เรารู้ว่าในอนาคตจะมีการแยกเป็นรุ่นไร้ระบบอัดอากาศ และรุ่นที่มีระบบอัดอากาศตามรถต้นแบบ
แต่คำถามที่ตามมาคือ Honda จะวางตำแหน่งการตลาดของ V3R เอาไว้แบบไหน? แนวทางที่มีความเป็นไปได้ที่สุด เรามองว่าพวกเขาอาจจะพัฒนามันขึ้นมาเพื่อแทนที่รถสปอร์ตยุคเก่าอย่าง CBR600RR ที่เสียเปรียบคู่แข่งเครื่องใหญ่อย่าง Yamaha R9 และ Ducati Panigale V2 หรือ KTM 990RC-R นอกจากนี้เครื่องยนต์สูบน้อยลูกโต ยังเอามาประยุคใส่ในรถสไตล์อื่นได้หลากหลายมากกว่าเครื่องยนต์รอบสูง 4 สูบเรียง
เรียกได้ว่าอนาคตของรถสปอร์ตคลาสกลางนั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากที่ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็คิดว่ารถกลุ่มนี้กำลังจะสูญพันธุ์ กลายเป็นว่าพวกเราอาจจะได้เห็นรถรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลาย และใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีกว่าเดิมมาแทนที่ เพราะไม่นานมานี้ก็มีข่าวลือว่า Suzuki ก็อาจจะซุ่มพัฒนารถกลุ่มนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน
ที่มา young-machine
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
