รายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบระดับโลก นอกจากจะมีรายการตัวท็อปอย่าง MotoGP หรือรายการรถตลาดอย่าง World Superbike ที่แข่งกันเรซละไม่เกินชั่วโมง แต่จะแข่งกันแทบจะทุกสัปดาห์ตลอดทั้งปี ถึงอย่างนั้นมันก็มีอีกรายการหนึ่ง ที่แฟนกีฬาอย่างเราน่าจะได้เห็นผ่านตามาตลอด แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรอย่าง FIM Endurance World Championship ที่แข่งกันทั้งความเร็วและความอึดแบบต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง

FIM Endurance World Championship นั้นเป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ ที่จะไม่ได้วัดกันว่าใครวิ่งเข้าเส้นชัยก่อนเมื่อครบจำนวนรอบที่กำหนดแบบ MotoGP หรือ WSBK แต่จะเป็นการแข่งวิ่งทำจำนวนรอบให้ได้มากที่สุดภายในเวลาที่กำหนดแทน ซึ่งจะเป็นการวัดความอึดของนักแข่ง รถแข่ง รวมถึงทีมงานเบื้องหลังด้วย

โดยในฤดูกาล 2025 นั้นจะมีการแข่งขันทั้งสิ้น 4 เรซ และในแต่ละเรซก็จะมีระยะเวลาที่ใช้แข่งขันต่างกันออกไป คือ Le Mans 24 ชั่วโมง, Spa-Francorchamps 8 ชั่วโมง, Suzuka 8 ชั่วโมง, Paul Ricard 24 ชั่วโมง

รูปแบบการให้คำแนนในแต่ละเรซก็จะแตกต่างกันออกไป โดยในสนามที่แข่งกันนาน 8 ชั่วโมง ผู้ชนะจะได้รับคำแนนสูงสุด 30 คะแนน และลดหลั่นลงไปตามอันดับ

แต่ในสนามที่แข่งกันนานถึง 24 ชั่วโมง จะมีการแบ่งให้คำแนนตามระยะเวลา ผู้ที่ทำรอบได้มากที่สุดใน 8 ชั่วโมงแรก จะได้รับคะแนนสูงสุด 10 คะแนน และให้คะแนนอีกครั้งเมื่อครบ 16 ชั่วโมง และเมื่อแข่งกันจนครบ 24 ชั่วโมง ผู้ชนะในตอนสุดท้ายจะได้รับคะแนนสูงสุด 40 คะแนน

นอกจากนี้ยังมีการให้คะแนนจากลำดับการออกตัวด้วย โดยผู้ที่ออกตัวคันแรกจะได้รับคะแนนพิเศษสูงสุด 5 คะแนน และลดหลั่นลงไปตามอันดับอีกเช่นกัน อันที่จริงแล้วจุดเด่นอีกอย่างของรายการนี้ คือการออกตัวตอนเริ่มแข่งขัน โดยที่นักแข่งแต่ละคนจะต้องวิ่งข้ามสนาม เพื่อขึ้นรถแล้วออกตัวตามแบบรถแข่งยุคเก่า

แน่นอนว่าด้วยการแข่งขันที่ลากยาวขนาดนี้ ทำให้ต้องการเปลี่ยนกะนักแข่งด้วย โดยในรถแต่ละคันจะมีนักแข่งคอยสลับกันขี่อยู่ 3 คน และจะมีนักแข่งตัวสำรองอีก 1 คน ในกรณีที่มีนักแข่งคนตัวหลักป่วย หรือบาดเจ็บขณะแข่งขัน

ทางด้านตัวรถที่ใช้ลงแข่งขันจะมีด้วยกัน 3 คลาสหลัก โดยรถแข่งจากทุกคลาสจะลงแข่งพร้อมกัน คือ
Formula EWC เป็นรถซุปเปอร์ไบค์คลาส 1000 ซีซี ที่ได้รับอนุญาติให้ทำการปรับแต่งได้มากที่สุด หมายเลขของตัวแข่งจะเป็นตัวสีขาว บนพื้นหลังสีดำ ใช้ไฟหน้าสีขาว มาพร้อมถังน้ำมันใหญ่ 24 ลิตร ยางที่ใช้สามารถนั้นจะมีแบรนด์ให้เลือกใช้งานคือ Bridgestone, Dunlop, Pirelli

Superstock เป็นรถซุปเปอร์ไบค์เหมือนกัน หมายเลขของตัวแข่งจะเป็นสีขาว บนพื้นหลังสีแดง ใช้ไฟหน้าสีเหลือง แต่ถูกควบคุมและจำกัดการปรับแต่งเอาไว้ ใช้ถังน้ำมันขนาด 24 ลิตร เช่นเดียวกัน แต่ยางที่ใช้จะมีเพียงแบรนด์เดียวคือ Dunlop

EWC Experimental เป็นรถคลาสพิเศษที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาในการแข่งขันรายการนี้ไม่นาน มาพร้อมหมายเลขตัวรถสีขาว บนพื้นหลังสีเขียว และไฟหน้าสีเหลือง ตัวรถแข่งนั้นจะแทบไม่มีการกำหนดสเปคเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิง หรือติดตั้งระบบอัดอากาศก็ยังทำได้ แต่รถในคลาสนี้จะไม่ได้ถูกนับคะแนนในการแข่งขัน โดยเป้าหมายของคลาสนี้จะเน้นไปที่การโชว์เทคโนโลยีของค่ายรถเป็นหลัก

ซึ่งการแข่งขัน FIM Endurance World Championship ฤดูกาลล่าสุด สนามแรกที่ Le Mans ก็ได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยชัยชนะของ YART-Yamaha ทำให้พวกเขาขึ้นเป็นผู้นำคะแนนสะสม แต่ด้วยความที่การแข่งขันสนามนี้มีฝนตก ทำให้นักแข่งล้มกันเยอะมากเป็นพิเศษ รวมกันมากถึง 202 ครั้ง ภายในเรซเดียว
อ่านข่าวสารมอเตอร์สปอร์ตเพิ่มเติมได้ที่นี่