เปิดตัวออกมาซักทีสำหรับเจ้า Triumph Street Triple โฉมปี 2017 ที่ได้รับการเพิ่มความจุเครื่องยนต์เป็น 765cc ไปจนถึงการอัพเดทออพชั่นอื่นๆเพิ่มเติมชนิดที่ว่าลืมตัวเก่าความจุ 675cc ไปได้เลย
อย่างที่ทราบกันดีว่าทางค่ายได้เปิดตัวรุ่นย่อยของตั๊กแตนตัวนี้ไว้ทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ S, R, และ RS ซึ่งจะให้ออพชั่นแตกต่างกันไปตามราคาที่เพิ่มขึ้น โดยในครั้งนี้เราจะเอามาเปรียบเทียบกับรุ่นปี 2016 ที่มีให้เลือกอยู่ 2 รุ่นย่อยด้วยกัน นั่นก็คือ R, RX และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าครับว่าเจ้าตั๊กแตนตัวใหม่คันนี้จะมีความเปลี่ยนแปลงไปจากโฉมก่อนหน้ามากแค่ใหน
เริ่มจากหน้าตาภายนอกของตัวรถ ที่เมื่อดูเผินๆแล้วมันแทบไม่ต่างอะไรจากโฉมก่อนหน้า แต่ถ้าสังเกตุดีๆจะพบว่ามันถูกปรับเส้นสายให้เหมือนกับ Speed Triple 1050 มากขึ้น โดยเฉพาะชุดโคมไฟหน้าที่จากเดิมเป็นแบบขอบแหลม แต่ในตัว Street Triple โฉมปี 2017 ถูกเปลี่ยนรูปทรงให้มีความโค้งมนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในรหัส RS ยังมีกระจกปลายแฮนด์แบบเดียวกับพี่ใหญ่ช่วยเสริมลุคให้ดูดียิ่นขึ้นอีกด้วย
ต่อมาเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ 3 สูบเรียงประจำตัวรถ ซึ่งเราได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ามันได้ถูกเพิ่มความจุจากเดิมที่มีอยู่ 675cc เป็น 765cc ส่งผลให้พละกำลังเพิ่มขึ้นจาก 106 แรงม้า (เท่ากันทั้งรุ่น R และ RX ของปี 2016) เป็น 111 แรงม้าในรุ่น S ตามด้วย 116 แรงม้า ในรุ่น R และ 121 แรงม้า ในรุ่น RS
ส่วนทางด้านของแรงบิดแน่นอนว่ามันก็มีตัวเลขที่สูงขึ้นเช่นกัน จากเดิม 68 นิวตันเมตร เป็น 73, 77, และ 76.8 นิวตันเมตร ในรุ่น S,R, และ RS ตามลำดับ โดยในจุดนี้เชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยกันนิดๆว่าทำไมตัว RS ถึงมีแรงบิดน้อยกว่า โดยส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะว่ารอบแรงบิดสูงสุดของตัว RS นั้น (อยู่ที่ 10,800 รอบต่อนาที) มาช้ากว่าตัว R (อยู่ที่ 9,400 รอบต่อนาที) ถึง 1,400 รอบด้วยกัน ซึ่งเราคาดว่าทางค่ายคงตั้งใจให้ตัวท็อปสุดนั้นมีบุคลิกเครื่องยนต์ไปในแนวลากรอบเพิ่มความสนุกสนานเสียมากกว่าตัว R ที่เน้นในการใช้งานทั่วไป
อีกจุดนึงที่ไม่พูดไม่ได้นั่นก็คือระบบส่งกำลังที่ Triumph ได้ปรับปรุงใหม่ด้วยการยัดระบบสลิปเปอร์คลัชท์มาให้เป็นออพชั่นพื้นฐานประจำตัวทุกรุ่น และแน่นอนว่าระบบควิกชิฟเตอร์ที่เคยติดตั้งในโฉมปี 2016 รุ่น RX ก็ติดตั้งมาพร้อมในรุ่น RS โฉมปี 2017 เช่นกัน (ส่วนอีก 2 รุ่นย่อย ถูดจัดให้เป็นออพชั่นเสริมถ้าลูกค้าต้องการ)
ยังไม่หมดเท่านั้นสำหรับระบบเครื่องยนต์ ทางค่ายยังได้ทำการปรับเปลี่ยนคันเร่งสายในโฉมเก่าให้เป็นคันเร่งไฟฟ้าในโฉมใหม่ มาพร้อมกับระบบ Traction Control และ Riding Mode ให้ผู้ขับขี่ได้ปรับเล่นกันสนุกมือ โดยหลักจะมีให้เลือกอยู่ 3 โหมดด้วยกันนั่นก็คือ Road, Rain, และ Sport ส่วนในรุ่น R จะมีโหมด Track เพิ่มเข้ามา และอนุมัติให้เปิด-ปิดแทรคชั่นคอนโทรลตามใจชอบได้อีกด้วย ส่วนตัวท็อปสุดอย่าง RS จะมีโหมดให้เลือกคล้ายๆกับตัวก่อนหน้า แต่จะต่างกันตรงที่ในโหมด Track สามารถปรับรายละเอียดค่าภายในโหมดได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าออพชั่นทั้งหมดที่เราว่ามานั้นไม่มีโฉม 2016 รุ่นใดได้รับมาเลยแม้แต่รุ่นเดียว
ต่อกันด้วยระบบช่วงล่างตัวรถ ซึ่งเราจะขอกลับไปพูดถึงโฉมเก่าก่อน โดยในโฉม 675 ปี 2016 ทั้งรุ่น R และ RX นั้นใช้โช้กด้านหน้าแบบหัวกลับ ขนาดแกน 41 มิลลิเมตร และด้านหลังโมโนช็อคมีซับแท๊งค์ ปรับได้ทุกค่าทั้งหน้า/หลังจาก Kayaba
ส่วนในโฉม 765 ปี 2017 นั้นมีการเปลี่ยนแบรนด์ไปใช้ของ Showa แทน โดยขนาดแกนโช้กหน้านั้นยังคงเดิม แต่ดีกว่าของเก่าตรงที่ในรุ่น S เป็นโช้กหัวกลับแบบแบ่งการทำงานตามสมัยนิยม (ตัวนึงควบคุมการยุบ ตัวนึงควบคุมการยืด), รุ่น R ก็คล้ายกับรุ่นต่ำกว่า แต่มีระบบ BPF (ลูกสูบแกนโช้กขนาดใหญ่) และมีฟังชั่นปรับได้ทุกค่าเสริมเข้ามา ปิดท้ายด้วยรุ่น RS ที่ดูจะงงๆหน่อยเพราะมันไม่ได้เป็นโช้กแบบแบ่งการทำงานอย่าง 2 รุ่นก่อนหน้า แต่มีระบบ BPF และสามารถปรับเช็ทได้ทุกค่าเหมือนตัว R
โช้กหลังนั้นก็เป็นแบบมีซับแทงค์แยกเช่นกันกับโฉมเก่า แต่จะแตกต่างตรงแบรนด์อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้น และในตัว S ไม่สามารถปรับค่าอะไรได้เช่นเคย ส่วนรุ่น R ก็ปรับได้ทุกค่า และพิเศษสุดๆในรุ่น RS ที่ได้รับโช้คจาก Ohlins รุ่น TX40 ติดตั้งมาให้ตั้งแต่ออกโรงงาน
ปั๊มเบรกหน้าในรุ่น S นั้นไม่แน่ใจว่าเราจะเรียกลดเกรดลงดีหรือไม่ เพราะมันใช้ปั๊มเบรกแบบแอกเซียลเมาท์ 2 ลูกสูบจาก Nissin แทนที่จะเป็น 4 ลูกสูบ เรเดียลเมาท์จากค่ายเดียวกันแบบเดียวกับตัว R โฉมปี 2016 ส่วนรุ่น R โฉมปี 2017 นั้นถือว่าจัดเต็มขึ้นมาอีกนิดด้วยการใช้ปั๊มเบรกจาก Brembo รุ่น M4.32 Monobloc ตั้งแต่ออกโรงงาน และจัดเต็มขึ้นอีกระดับในรุ่น RS ที่ใช้ปั๊มเบรก Brembo M50
ปั๊มเบรกหลังยังคงเป็นแบบเดียวกันทั้งเก่าและใหม่ นั่นก็คือปั๊ม Brembo แบบลูกสูบเดี่ยว ทำงานร่วมกับจานเบรกหลังขนาด 220 มิลลิเมตร ส่วนจานเบรกหน้านั้นยังคงใช้ขนาดเท่าเดิมเช่นกันคือ 310 มิลลิเมตร เสริมด้วยระบบ ABS เหมือนกันทั้งหมด โดยจะมีเพียงแค่รุ่น S โฉมปี 2017 รุ่นเดียวใน 5 รุ่นที่เรายกตัวอย่างมาเท่านั้นที่ปิดระบบดังกล่าวไม่ได้
ล้อแม็กหน้า/หลัง ยังคงเป็นแบบ 5 ก้าน ขนาดวงล้อ 17 นิ้วลวดลายเดียวกันทั้งโฉมเก่าและใหม่ ขนาดหน้ากว้างก็ยังคงเป็น 3.5 นิ้วที่ล้อหน้าและ 5.5 นิ้วที่ล้อหลัง รหัสยางก็ยังเป็น 120/70ZR17, 180/55ZR17 เหมือนเดิมทุกประการ จะแตกต่างตรงที่รุ่น RS โฉมปี 2017 นั้นรัดด้วยยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP ซึ่งหนึบกว่ารุ่น Diablo Rosso Corsa ที่เป็นออพชั่นพื้นฐานในรุ่น S,R ปี 2017 และ R,RX ปี 2016 ก็เท่านั้น
และเมื่อพูดถึงระบบช่วงล่างแล้ว อีกสิ่งนึงที่ต้องมองกันซักนิด คือมุมเรคและระยะเทรลที่เป็นตัวเลขอันบ่งบอกถึงบุคลิคในการควบคุมของตัวรถเบื้องต้น โดยในโฉม 2016 ทั้ง 2 รุ่นนั้น ให้มาที่ 23.4 องศา / 95 มิลลิเมตร ซึ่งในตัว 2017 ทางค่ายได้ทำการเพิ่มค่าทั้งสองอย่างเป็น 23.9 องศา / 100 มิลลิเมตร ในรุ่น R,RS และ 24.8 องศา / 104 มิลลิเมตร ในรุ่น S เพื่อเพิ่มความเสถียรของตัวรถให้สัมพันธ์กับพละกำลังที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะต้องแลกไปกับความพลิ้วในการหักเลี้ยวนั่นเอง
ระบบโครงสร้างพื้นฐานตัวรถอย่างเช่นเฟรม เป็นแบบอลูมินัมท่อคู่ในส่วนของเมนเฟรม และซับเฟรมเป็นแบบยังคงเป็นแบบ เหล็กหล่อแรงดันสูง คล้ายของเดิมเกือบจะเป้ะๆ (อาจจะมีการปรับปรุงจุดยึดและรายละเอียดยิบย่อยเพื่อรองรับกับขนาดและพละกำลังของเครื่องยนต์ไปบ้างเล็กน้อย) แม้กระทั่งระยะฐานล้อยังคงให้มาที่ 1,410 มิลลิเมตรเท่าเดิม
มิติตัวรถโดยรวมนั้นแม้ว่าทาง Triumph จะไม่ได้ระบุความยาวมาให้ แต่ในส่วนของด้านกว้างและด้านสูงของตัวรถนั้น ในโฉมปี 2017 มีขนาดเล็กลงมานิดหน่อยคือ กว้าง 735 มิลเมตร x สูง 1,060 มิลลิเมตร ในรุ่น S ส่วน R กับ RS สูง 1,085 มิลลิเมตร (ความสูงไม่รวมกระจกมองหลัง) ด้านโฉมปี 2016 นั้นกว้างกว่านิดหน่อยคือ 740 มิลลิเมตร และ สูง 1,110 มิลลิเมตร (ไม่รวมกระจกมองหลังเช่นกัน) ทั้ง 2 รุ่นย่อย
ด้านความสูงเบาะที่ดูเหมือนว่าตัว Street Triple โฉมปี 2017 นั้นจะสูงขึ้นมาเล็กน้อยในรุ่น R นั่นก็คือ 825 มิลลิเมตร (รุ่น R ปี 2016 สูง 820 มิลลิเมตร) แต่อย่าลืมนะครับว่ามันมีออพชั่นเบาะเตี้ยพิเศษซึ่งลดความสูงเบาะเหลือเพียง 780 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งน่าสนใจมากทีเดียวสำหรับคนไซส์เอเชียอย่างบ้านเรา
ปิดท้ายด้วยน้ำหนักตัวรถของโฉมปี 2017 ที่ทาง Triumph ได้เคลมไว้ที่ 166 กิโลกรัม (เท่ากันทั้ง 3 รุ่นย่อย) ซึ่งหมายความว่ามันเบากว่าโฉมปี 2016 ไป 2 กิโลกรัม และเมื่อประกอบกับพละกำลังที่ได้จากเครื่องยนต์ 3 สูบเรียง ความจุใหม่ใหญ่กว่าเดิมแล้วล่ะก็ เจ้า New Street Triple คงให้สมรรถนะที่จี้ดจ๊าดกว่าตั๊กแตนรุ่นพี่แน่นอน คิดเหมือนกันมั้ยล่ะครับ ?
อ่านข่าว Triumph เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ