หากพูดถึงรถ Superbike ในฝันหลายๆ คน คงอยากฝันถึงรถยุโรปมากกว่ารถจากญี่ปุ่น และเชื่ออีกว่า หลายๆ คนที่ชอบรถอิตาลี ซึ่งถ้าเป็นขุมพลัง V4 แล้วล่ะก็ คุณคงต้องไม่ลืมแบรนด์ที่จะคิดถึง Aprilia อย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทาง บริษัท Vespiario ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Aprilia แห่งเพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชน ทดสอบ Aprilia ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ Aprilia RSV4 RF, RSV4 RR, Tuono 1100 ซึ่ง MotoRival เราได้รับเกียรติเข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้ด้วย เราจึงขอมารีวิวให้เพื่อนๆ รับชมกันครับ
Aprilia RSV4 RR และ RSV4 RF ถือเป็นรถ Superbike โดยกำเนิด โดยเบาะท้ายเป็นแบบตูดมด บ่งบอกตัวตนชัดเจนว่าคงไม่เหมาะนักที่จะซ้อนแฟนไปเที่ยวเล่น อย่างแน่นอน
Aprilia RSV4 เป็น Superbike ที่มีขนาดตัวไม่ใหญ่นัก มิติใกล้เคียง Supersport และมีน้ำหนักเบาเพียง 180 กก.
ท่านั่งนั้นยังไม่ถือว่าไม่เมื่อยหลังมากนัก ไม่ต้องก้มเตี้ยติดถังจนเกินไป
จุดต่างทั้ง 2 คันนี้ คือ ระบบช่วงล่าง Ohlins หน้า-หลัง ใน RSV4 RF จะเปลี่ยนเป็น Sachs ในRSV4 RR
สำหรับล้ออลูมีนัม 5 ก้าน ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี Forged ใน RSV4 RF
ด้าน RSV4 RR จะเป็นล้ออลูมีนัม 3 ก้าน ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธี Cast
รวมถึงลวดลายตัว RF จะมากับลาย Superpole เท่านั้น
แต่ RR จะมีให้เลือก 2 สี คือ เทาดำ และดำด้าน
ขณะที่ Tuono เป็นรถ Super Naked ที่มีความเป็นสปอร์ตกว่าคันอื่นๆ โดยแฟริ่งด้านหน้านั้นดูจะเป็นรถในสไตล์ Half Fairing
สำหรับเบาะตอนท้ายไม่ได้เป็นแบบตูดมด ทำให้ผู้ซ้อนนั่งได้
องศาแฮนด์บาร์งุ้มเข้าหาตัวผู้ขี่ และตำแหน่งต่ำ ข้อศอก งอสบายๆ ท่าทางการขี่เหมาะกับการใช้งานบนท้องถนน และใช้ในชีวิตประจำวันยิ่งขึ้น แต่ยังดูเอื้อเฟื้อต่อการขี่แบบสปอร์ต รวมไปถึงพร้อมลุยบน Track ได้ด้วย
มาตรวัดของ Aprilia ทั้ง 3 คันเป็นแบบ ดิจิตอล ปน อนาล็อก วัดรอบเครื่องแบบเข็ม ขณะที่จอดิจิตอล แสดงผลทั้งความเร็ว, เวลา Lap Time, ตำแหน่งเกียร์, Mapping, ATC, อุณหภูมิ
ทางสวิทช์ไฟซ้าย มีปุ่ม + – ซึ่งใช้ในการปรับระดับ APRC ได้อย่างสะดวกด้วยการใช้เพียงนิ้วโป้ง และนิ้วชี้เท่านั้น นอกจากนั้นก็มีปุ่มสำหรับปรับโหมดอยู่บนสวิทช์ไฟซ้ายด้วย
ขณะที่ฝั่งขวาก้านเบรกปรับระดับได้ 4 ระดับ
ขุมพลังเครื่องยนต์ RSV4 เป็นบล็อก V4 65 องศา ความจุ 999.6cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ รีดกำลังได้มากถึง 201 แรงม้า@13,000rpm แรงบิด 115 Nm@10,500rpm ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro3
ด้าน Tuono 1100 บล็อก V4 65 องศา ความจุเพิ่มเป็น 1077cc 175 แรงม้า@11,000rpm แรงบิด 121 Nm@9,000rpm ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4
โดยทุกคันส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีด พร้อม Slipper Clutch และ AQS (Quick Shift)
สามารถปรับ Engine Map ได้ 3 แบบ Sport, Track, Race โดยทั้ง 3 โหมดนี้ให้พละกำลังเต็มเท่ากัน แต่การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้าจะแตกต่างกัน
Sport คันเร่งดูจะตอบสนองเบากว่า 2 โหมดหลัง ซึ่ง Track กับ Race ผู้เขียนแทบจะไม่รู้สึกถึงจุดแตกต่างเท่าใดนัก
แต่ข้อมูลระบุว่า ใน Track Mode นั้นจะเน้นการกดเพื่อทำเวลาให้รวดเร็วที่สุด เช่นการทำเวลา Qualified
ขณะที่ Race Mode จะใช้เพื่อการแข่งขันซึ่งต้องมีจำนวนรอบที่มาก และต้องถนอมทรัพยากรเช่นยางด้วย
ทันทีที่ติดเครื่องยนต์ ด้วยซุ่มเสียง V4 ที่มีเอกลักษณ์จำเพาะนั้น ทำให้ Aprilia ทั้ง 3 โมเดลนี้ ดูจะไม่เหมือนรถ Superbike คันอื่นๆ
สไตล์ของเครื่องยนต์ V4 นั้น จะออกดิบกว่า 4 สูบเรียง แต่ก็ไม่ได้ดูสั่นกระชากจนรู้สึกว่าคุมคันเร่งยากเกินไป เหมือน 2 สูบ ที่ต้องระวังการเปิดคันเร่งให้ดี
ระบบ ATC และ AWC ที่สามารถปรับเซ็ทได้ เข้ามาช่วยทำงานได้ดีในจังหวะที่เปิดคันเร่งออกโค้งหนักๆ ช่วยบาลานซ์ทั้งหลังไม่ให้ Slip และ ล้อหน้าไม่ให้ยก
ในส่วนของแรงดึง Engine Brake นั้นผู้เขียนพบว่ามันไม่ดึงหนักรุนแรงน่ากลัว เหมือนกับพละกำลังที่มีให้ใช้ เนื่องด้วย Slipper Clutch ดังนั้นการเบิ้ลคันเร่งทิ้งก่อนเข้าโค้งจึงอาจไม่จำเป็นนัก
สำหรับคันเร่งในช่วงออกตัวนั้น Tuono ดูจะมีอัตราเร่งช่วงเปิดคันเร่งออกตัวที่ดีกว่า ดูหวือหวากว่า RSV4 จากการปรับเซ็ทให้เป็นรถ Street Bike มากกว่า เนื่องจากแรงบิดที่มากกว่าในรอบต่ำ ทำให้ผู้ขี่บิดส่งคันเร่งช่วงโค้งขึ้นเขาในสนามพีระนี้ โดยการเดินคันเร่งที่เกียร์ 3 ส่งขึ้นไปได้อย่างสบายๆ เพราะแรงบิดมีให้ใช้อย่างเหลือเฟือ
ขณะที่แรงปลาย RSV4 ดึงโสตประสาทผู้ขี่ให้เร้าใจได้มากกว่า อะดรีนาลีนสูบฉีดต่อเนื่อง เมื่อรอบเครื่องกวาดทะลุช่วง 9,000-10,000rpm ขึ้นไป เก็บคองอศอกหนีบถังให้แน่น ตามองตรงไป
ขอกลับมาที่จุดที่น่าประทับใจของ Tuono อีกสักจุด นั่นคือ มันเป็น Naked ที่มี Aerodynamic ที่ดีกว่า Naked คันอื่นๆ เนื่องจากชุดแฟริ่งหน้าได้ถอดแบบมาจาก RSV4 และมีวินชิลด์หน้าขนาดเล็กคอยไล่ลมช่วยลดการโต้ลมได้ดีกว่า Naked ค่ายอื่นๆ ที่เคยเจอมา
ระบบกันสะเทือน
RSV4 RF ใช้โช้กหน้า-หลังจาก Öhlins มาพร้อมกันสะบัดปรับระดับได้
RSV4 RR ใช้โช้กหน้า-หลังจาก Sachs
โดยรวมแล้วช่วงล่างของทั้ง RF และ RR หากขี่ใช้งานทั่วๆไปสมรรถนะคงจะดูไม่ต่างกันมาก
แต่จุดที่สัมผัสได้เมื่อได้ลองเร็วๆใน Track พบว่า RF จะดูเฟิร์มแข็งกว่า RR หน่อย ซึ่งจะสัมผัสได้เมื่อเบรกหนักๆ จุ่มลึก ให้ความมั่นใจได้ดีกว่า ช่วยให้สามารถคุมอาการตัวรถก่อนเข้าโค้งได้ดีกว่า รวมถึงช่วงเปิดคันเร่งออกจากโค้งทำได้หนักหน่วงกว่าเล็กน้อยเนื่องจากกันสะบัดที่สามารถปรับความหนืดให้มันหนักขึ้นได้ ช่วยควบคุมลดอาการหน้าส่ายได้ดีกว่า
ขณะที่ Tuono 1100 Factory คันนี้ใช้ช่วงล่าง Ohlins เช่นเดียวกับ RF แต่ไม่มีกันสะบัด
นั่นจึงทำให้ช่วงยัดทางตรง เมื่อเข้ารอบสูงๆ แตะ หมื่นรอบ จะพบอาการหน้าส่ายชกมวยเบาๆ มาให้สัมผัสตามสไตล์รถ Supernaked ตัวแรง
สำหรับทั้ง 3 คันใช้ยาง Diablo Supercorsa SP ด้านหลังกว้างถึง 200 มม. และแชสซีส์ตัวถังแบบอลูมีนัม สวิงอาร์มอลูมีนัม ร่วมกับเครื่อง V4 65 องศา ที่มีข้อดี คือ เครื่องจะมีขนาดเล็กกว่าและเบากว่า 4 เม็ดเรียง ทำให้การพลิกโค้งควบคุมรถทำได้ดีโดยเฉพาะการขี่พลิกเข้า Chicane 1 และ 2 ในสนามพีระ แห่งนี้ ทำได้ง่ายคล่องและสนุกมากทีเดียว
ระบบเบรก
ในรุ่น RSV4 ทั้ง 2 โมเดล ใช้เบรกหน้าจานดิสก์คู่ขนาด 320 มม. ปั๊มเบรก Brembo Monobloc M430
ด้านหลังจานเดี่ยวขนาด 220 มม. ปั๊มเบรก Brembo 2 สูบ
ในรุ่น Tuono เบรกหน้าจานดิสก์คู่ขนาด 330 มม. ปั๊มเบรก Brembo Monobloc M432
ด้านหลังจานเดี่ยวขนาด 220 มม. ปั๊มเบรก Brembo 2 สูบ เช่นกัน
ผู้เขียนพบว่า น้ำหนักเบรกของปั๊ม M430 ใน RSV4 นั้น ทำหน้าที่ได้หนักแน่น ตามสเป็ก Superbike ตัวท็อป หยุดพละกำลังระดับ 200 ม้าได้แบบสบายๆ ในด้านของการทำงานของ ABS ในระดับกลาง 2 เมื่อลงน้ำหนักเยอะๆ เบรกลึกๆ ในสนามช่วงสุดทางตรง พบว่า ABS เข้ามาช่วยทำงานดูจะไวไปหน่อย ในรอบถัดมาเราจึงปรับเซ็ท ABS ระดับ 1 ซึ่งตอบสนองได้เหมาะสมขึ้น
ขณะที่ฟีลลิ่งเบรกของ Tuono นั้นแม้จะใช้ปั๊มเบรก M432 ซึ่งรูปลักษณ์ อาจจะดูแตกต่างจาก M430 ใน RSV4 แต่ในด้านสมรรถนะนั้นก็ทำได้ดีเช่นกัน เบรกได้หนักแน่นทรงพลัง แม้น้ำหนักการเกาะจิกของปั๊มเบรกในช่วงบีบทีแรก อาจจะไม่จิกเท่า แต่ Tuono ก็ยังแลกมาด้วยจานเบรกหน้าขนาดใหญ่อีก 10 มม.
ระบบเทคโนโลยีความปลอดภัย Aprilia Performance Ride Control (APRC) ประกอบไปด้วย
ABS ปรับได้ 3 ระดับ และสามารถปิดได้
AWC (Wheelie Control) ปรับได้ 3 ระดับ
ALC (Launch Control) ปรับได้ 3 ระดับ
ATC (Traction Control) 8 ระดับ และสามารถปิดได้
นอกจากนี้ยังมีระบบ V4-MP ซึ่งเป็นการบันทึกข้อมูล datalogger สามารถบันทึก lap times, ตำแหน่งเกียร์, ความเร็ว และข้อมูลการขี่อื่นๆ แบบเบื้องต้น อาจไม่บอกลึกถึงตัวเลขแรงม้า แรงบิดที่ออกมา แรง G, องศา Lean โค้ง แต่ก็ถือว่า พอเพียงที่จะให้นักบิดมาดูข้อมูลการขี่ของตัวเองเพื่อใช้พัฒนาได้ต่อไป
สรุป
Aprilia RSV4 และ Tuono 1100 รถ Superbike และ Super Naked สัญชาติอิตาลี ที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของขุมพลัง V4 ซึ่งเป็นรถที่ถ่ายทอด DNA จากสนามแข่งลงสู่รถที่สามารถใช้งานบนถนนได้จริงอย่างถูกกฎหมาย
หากคุณมองหารถ Superbike เครื่อง V4 ที่จะช่วยให้คุณได้เป็นนักแข่ง #BeARacer ในแบบที่จับต้องได้ราคาไม่เกินล้าน RSV4 RR ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด แต่ถ้างบไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพิ่มเงินอีกราว 1.69 แสนบาท จะได้ช่วงล่างตัวเทพ Ohlins และล้อที่ผ่านกรรมวิธีฟอร์จ รวมถึงลาย Superpole สุดเท่ ให้คุณสวมวิญญาณของนักแข่งอย่าง Eugene Laverty และ Lorenzo Savadori ลงสนาม
สำหรับผู้ที่มองหา Super Naked ใช้งานได้ทั้งบนถนน และสนาม มีดีกรีเป็นรถที่แรงที่สุดในโลกสำหรับคลาส Naked แล้วล่ะก็ Tuono 1100 คันนี้เลย
Aprilia RSV4 RR ราคา 9.8 แสนบาท
Aprilia RSV4 RF ราคา 1.149 ล้านบาท
Aprilia Tuono V4 Factory ราคา 1.049 ล้านบาท
- ขุมพลัง V4 ที่แรงและทรงพลัง
- เทคโนโลยีความปลอดภัย ที่ถือว่าครบครันสำหรับสายสนาม
- ระบบ V4-MP ที่สามารถปรับเซ็ทได้แบบ Real Time โค้ง/โค้ง
ข้อสังเกต
- ในโฉมที่เราได้ทดสอบเป็นโมเดลปี 2016 ซึ่งปี 2017 จะมากับการอัพเกรดระบบ Electronic และเบรก (ใน Tuono)
- RSV4 RF ยังเป็นระบบกันสะเทือนปรับด้วยมือ ไม่ใช่ไฟฟ้า
ขอขอบคุณ Vespiario ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver + Photos
สุภิญญา ชำนาญกุล Photos
อ่าน รีวิว อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Aprilia เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ