หลังจากที่ Vespiario ได้เปิดตัวรถ Vespa GTS 300 Super และ GTS 150 i-GET ไปแล้วเมื่อช่วง 3 เดือนก่อน
และเมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง Vespiario ได้จัดกิจกรรมทดสอบ Vespa GTS 300 Super และ GTS 150 i-GET ใหม่ ในงาน Vespa Media Day ในชื่องาน “Vespa Granturismo Day” ณ Motorsport park ร่มเกล้า ซึ่งวันนี้ เราจะขอมา รีวิว Vespa GTS 300 Super และ GTS Super 150 i-GET กัน
โดยกิจกรรมในวันนี้นอกจากจะมีการทดสอบรถ Vespa GTS ทั้ง 2 รุ่น Vespa GTS 300 Super และ GTS 150 i-GET บน Track และก่อนที่จะให้พวกเราสื่อมวลชนได้ทดสอบกันในสนาม ทาง Vespiario ก็ได้มีการโชว์การทำงานของเทคโนโลยี ที่น่าสนใจของรถ ได้แก่ ระบบเบรก ABS, ระบบกันล้อหมุนฟรี ASR และ ระบบ ตัดกำลังเครื่องยนต์ เมื่อรถล้ม Tilt Sensor โดยคุณ Matteo Badii Vehicles Testing Manager, R&D Department, Piaggio Vietnam Co., LTD มาเป็นผู้ทดสอบให้พวกเราได้ชมกัน
การทดสอบ ABS 2 Channel ได้ทำการทดสอบด้วยการเบรกบนพื้นผิวที่เปียก เปรียบเทียบกับรถที่ไม่มีระบบ ABS แน่นอนครับว่า รถที่ไม่มี ABS เมื่อคุณเบรกหนักล้อล็อกบนพื้นเปียกรถคุณจะสูญเสียการควบคุมและเกิดอันตรายได้ แต่บนรถที่มีระบบเเบรก ABS ป้องกันล้อล็อก เมื่อกำเบรกสุดระบบ ABS Sensor จะทำงานอย่างเหมาะสม ไม่ให้ล้อเกิดการล็อก ทำให้คุณเบรกและควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
มาต่อที่การทดสอบ ระบบกันล้อหมุนฟรี ASR (เฉพาะรุ่น GTS 300) ได้จำลองโดนการเทกองทราย และทางนักทดสอบได้ทำการทดสอบโดยการปิดระบบก่อน โดยการเปิดคันเร่ง และทำโดนัท หมุนเป็นวงกลม จะพบว่า ล้อปั่นฟรีทิ้งดีดทรายกระเด็น และเมื่อทดสอบอีกครั้งโดยการเปิดระบบ ASR ทันทีที่เปิดคันเร่งหนัก และล้อหมุนฟรีระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์โดยทันที ทำให้ล้อหยุดหมุน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณสูญเสียการควบคุม และเกิดอันตรายขึ้นได้
และการทดสอบโดยนักทดสอบในช่วงสุดท้ายคือ ระบบ Tilt Sensor โดยจำลองเหมือนว่ารถล้ม ด้วยการตะแคงรถจน เครื่องยนต์ที่ติดอยู่จะดับลงทันที
หลังจากได้รับชมเทคโนโลยีที่อยู่บนเจ้า Vespa GTS 300 Super และ GTS Super 150 i-GET กันไปเรียบร้อย ก็มาถึงในช่วงการทดสอบรถ
ทันทีที่เริ่มคร่อมรถ Vespa GTS Super มีความสูง 800 มม. แต่ด้วยความกว้างเบาะที่กว้างพอสมควรในสไตล์รถสกูตเตอร์จึงทำให้ผู้ที่ตัวเล็ก อาจจะเหยียบได้ไม่เต็มเท้านัก น้ำหนักตัวรถในรุ่น GTS 150 i-GET อยู่ที่ 140 กก. ขณะที่ GTS 300 หนัก 160 กก.
เราเริ่มกันที่รุ่น Vespa GTS 150 i-GET กันก่อน โดยในรุ่น 150 i-GET ใหม่ ได้ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 วาล์ว แทนที่ 3 วาล์ว เช่นเดิม ในช่วงติดเครื่องยนต์ idling นั้นสั่นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เครื่องยนต์ GTS 300 Quasar นั้นจะมีอาการสั่นที่มากกว่าตัว i-GET
สำหรับการตอบสนองของคันเร่ง GTS 150 i-GET มีความแรงพอประมาณสำหรับการขี่บนถนน ด้วยน้ำหนักตัว ที่มากกว่า Primavera 150 และ Sprint 150 ถึง 20 กก. จึงทำให้อัตราเร่งอาจจะไม่เร่งปรู๊ดปร๊าด เหมือนรถโครงเล็กนัก แต่เมื่อขี่บน Track ในสนามเช่นนี้ พบว่ามันยังบิดได้ไม่ทันใจนัก
ขณะที่ GTS 300 นั้น มีความแรงกว่าเห็นได้ชัด ทั้งจังหวะการเปิดคันเร่ง ที่สามารถรีดทอร์ค และกำลังสูงสุดออกมาได้ที่รอบต่ำกว่าขี่สนุก ตอบสนองได้ทันท่วงที เมื่อขี่ในสนามเช่นนี้ แต่หากขี่บนถนนที่รถติดอาจต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น
สำหรับการขับขี่ในทางเข้าโค้ง ตัวรถพลิกเข้าโค้งได้ไม่ยากเย็นนัก แต่หากพลิกเข้าโค้งด้วยความเร็วหนักๆ ช่วงล่างอาจมีอาการดีดๆ บ้างเล็กน้อย ตามสไตล์ช่วงล่างรถเวสป้า ที่แข็งดูเฟิร์ม แต่มีกระเด้งบ้างในบางจังหวะ นอกจากนี้การติดตั้งระบบ ASR (เฉพาะรุ่น GTS300) ช่วยให้การเปิดคันเร่งในจังหวะออกโค้งทำได้มั่นใจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในรุ่น 300cc ที่มีกำลังเครื่องที่แรงพอสมควร
ขณะที่ระบบเบรก ABS 2 Channel ก็ให้คุณกำเบรกหนักๆ ได้อย่างมั่นใจ เช่นเคย แม้น้ำหนักก้านเบรกจะดูแข็งทื่อไปนิดก็ตาม
สรุปเบื้องต้น Vespa GTS Super ทั้ง 2 รุ่น มากับออปชั่นใหม่ ที่น่าสนใจไม่น้อง ด้วยราคาไม่ถึง 2 แสนในคลาส GTS 300 ถือได้ว่าถูกลงกว่าเดิมร่วมแสนบาท ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว โดยสีขาว และสีเขียว ราคา 1.989 แสน, สีแดงด้าน 1.999 แสนบาท
ขณะที่ GTS 150 สีขาว และสีดำ ราคา 1.499 แสน และ สีแดงด้าน 1.509 แสนบาท
หากคุณคิดจะเล่นเวสป้ารุ่นท๊อปอย่าง GTS Super แล้วเราคิดว่ากัดฟันจบที่คลาส 300cc นอกจากแรงกว่าแล้วยังได้ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR อีกด้วย
ขอขอบคุณ Vespiario สำหรับการทดสอบ Vespa GTS Super 300 และ 150 i-GET ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
อ่านข่าว Vespa เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ