ย้อนไปเมื่อปลายปี 2019 ที่งาน EICMA2019 ทาง MICHELIN ได้มีการเปิดตัวยางมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่หลายหลายรุ่น โดยเฉพาะในตระกูลพรีเมียม-สปอร์ตอย่าง Power Series ที่เปิดตัวออกมาทีเดียวถึง 4 รุ่น โดยหนึ่งในนั้นอย่างเจ้า MICHELIN Power 5 ก็ได้ถูกส่งมาให้ทีมงาน MotoRival เราทำการทดสอบเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมันจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจ และให้สมรรถนะการใช้งานที่ดีอย่างไรบ้าง มาว่ากันใน รีวิว MICHELIN Power 5 กันเลย
ยาง MICHELIN Power 5 นี้ จะเป็นยางซีรีย์ใหม่ของปี 2020 ในกลุ่มสปอร์ต-พรีเมียม (Power Line Up) ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นใช้งานบนถนน 100% จับตลาดในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูง ซึ่งถ้าดูจาก Clip Teaser ของ MICHELIN Power 5 จะนำมาใส่กับรถ Sport Naked และ Superbike ตัวพัน ค่าย BMW ซึ่งถือเป็นพารทเนอร์ กันอยู่แล้ว
แต่วันนี้ทางทีมงาน MotoRival เราเลือกรถที่จะมาใช้รีวิวในครั้งนี้ คือ Honda CB1100RS รถทอร์คหนัก คันใหญ่ จากปีกนก เพื่อจะได้ให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่า รถคันใหญ่ ที่เดิมที การคอนโทรลควบคุมทำได้ค่อนข้างลำบาก แต่พอใส่เจ้า MICHELIN Power 5 คู่นี้แล้ว จะพลิ้วแค่ไหนกัน
โดยไซส์ยางหน้าจะมีขนาด 120/70-ZR17 ส่วนด้านหลังไซส์ 180/55-ZR17
เรามาเริ่มดูที่รูปลักษณ์ยางกันก่อนเลย
อย่างที่เราบอกไปเบื้องต้นว่า ยาง Power 5 รุ่นนี้ จัดอยู่ในกลุ่มยางสปอร์ตที่เน้นรองรับการใช้งานด้วยความเร็วสูงๆ ดังนั้นเพื่อให้มันสามารถสร้างแรงยึดเกาะกับผิวถนนได้เป็นอย่างดี ลักษณะหน้ายางของมันจึงมีพื้นที่สลิคค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับยางรถมอเตอร์ไซค์สำหรับใช้บนถนนดำทั่วๆไป
แต่ในขณะเดียวกันเพื่อให้มันสามารถรองรับกับพื้นผิวเปียกน้ำ ที่เราจะต้องพบเจออยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ดอกยางของมันจึงถูกออกแบบให้กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น POWER RS และกินพื้นที่หน้ายางมากขึ้นเป็นอัตราส่วน 11% จากหน้ายางทั้งหมด เพื่อช่วยในการรีดน้ำออกจากหน้ายางได้ดียิ่งขึ้น
และเพื่อให้อารมณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว เส้นที่เห็นเป็นรอยขีดตื้นๆตรงขอบยางนี้ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ MICHELIN ตั้งใจออกแบบขึ้นเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับหน้ายางอีกด้วย
นอกจากนี้ หากมองไปที่หน้ายางด้านข้าง แม้ดูเผินๆ อาจจะเหมือนว่าเรียบ แต่แท้จริงแล้วลักษณะพื้นผิวนั้นจะมีความเป็นหลุมตื้นๆ เหมือนผิวลูกกอล์ฟ ซึ่งมันจะมาช่วยเตือนองศาการเลี้ยวผู้ขี่ และช่วยรักษา Grip การยึดเกาะของยางเวลาที่เทโค้งไปแล้วและดันเจอน้ำบนผิวถนนกระทันหัน มันจึงช่วยเพิ่มความมั่นใจของผู้ใช้ ขณะเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี
ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณแก้มยาง ก็จะเห็นแถบเส้นขีด (ใกล้กับคำว่า Made in Spain) ผิวสัมผัสจะคล้ายกับ กำมะหยี่ ตรงก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำขึ้นมาเพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์และความโดดเด่นให้กับตัวยาง ซึ่งนี่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะที่มีให้เห็นแค่ในยางของ MICHELIN เท่านั้น
ด้านเทคโนโลยีโครงสร้าง MICHELIN Power 5
นอกจากโครงสร้างแบบเรเดียลโดยพื้นฐานสำหรับยางบิ๊กไบค์แล้ว มันยังมีเทคโนโลยี 2CT ในฝั่งของล้อหน้า ที่หน้ายางตรงกลางประมาณ 68% ของพื้นที่ทั้งหมดจะเป็นเนื้อยางที่แข็งกว่าด้านข้าง เนื่องจากมีการเพิ่มสารซิลิก้าเข้าไป เพื่อเสริมความแข็งแรงของตัวยาง
แต่ช่วงขอบยางฝั่งละ 16% จะเป็นยางที่มีส่วนผสมของผงคาร์บอนเป็นหลัก เพื่อความนุ่มและหนืดกว่า สำหรับเพิ่มแรงยึดเกาะขณะเข้าโค้ง
ขณะที่ยางด้านหลัง ก็จะแตกต่างไปเล็กน้อย เพราะเป็นเทคโนโลยี 2CT+ ซึ่งจะมีการเสริมชั้นที่เป็น Hard Compound เข้าไปที่ช่วงไหล่ยาง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางด้านใน ให้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้นในการขี่ที่ความเร็วสูงๆ ไปจนถึงมีอายุการใข้งานที่ยาวนาน
ส่วนเนื้อยางด้านข้างฝั่งละ 23% ก็จะเป็น Soft Compound ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น
การทดสอบใช้งานจริง
ต้องเรียกได้ว่า ประทับใจทันที ตั้งแต่ได้เปลี่ยนยางจากยางเดิมมาเป็น MICHELIN Power 5 แม้จะไม่ได้ Run in ยางก็ตาม เราสัมผัสได้ทันทีว่ามันช่วยให้รถหนักๆ อย่าง CB1100RS ที่หนักมากถึง 252 กิโลกรัม ขี่ควบคุมได้ง่าย แตกต่างจากยางเดิมอย่างชัดเจน
จากการลองพลิกเลี้ยวด้วยความเร็วต่ำๆดู พบว่าหน้ายางแทบไม่ได้มีความหน่วงหรือขืนให้ได้รู้สึกเลยสักนิด สามารถพลิกเลี้ยวได้อย่างคล่องตัวและมั่นใจกว่าเดิมมากๆเมื่อเทียบกับยางเดิมที่ติดรถ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะน้ำหนักยางที่ค่อนข้างเบากว่ายางเดิมมากด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าเบากว่ายางรถมอเตอร์ไซค์ในขนาดเท่าๆกัน รวมไปถึงคอมปาวน์ยางที่นิ่มมากๆ สามารถเอานิ้วกดลงไปได้แบบสบายๆ
ส่วนความสามารถในการสร้างแรงยึดเกาะ ก็ถือว่ามันสามารถทำได้ดีเช่นกันสมกับเป็นยางรถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ต แต่เพื่อนๆอาจจะต้องใช้ ระยะเวลาในเปิดหน้ายางก่อนสักเล็กหน่อย เพราะในการรันอินหน้ายางช่วงแรกหากเปิดคันเร่งแรงมากๆ ยางอาจจะมีอาการสลิปออกมาให้เห็นกันได้ เนื่องจากว่า รถคันนี้ เป็นรถที่มีทอร์คกว้าง และไม่มีระบบ TCS เข้ามาช่วยใดๆอีกด้วย ดังนั้นเปิดคันเร่งช่วงแรกๆ ที่เปลี่ยนยางมาจึงต้องระมัดระวัง
แต่ทว่าพอเปิดหน้ายางได้เต็มที่จริงแล้ว เราจะสัมผัสได้ถึงแรงยึดเกาะของยางที่มากขึ้นเรื่อยๆจนอาการสไลด์ดังกล่าวเริ่มหายแม้จะยังไม่ได้วอร์มยางเลย ทั้งนี้ก็เนื่องจากเนื้อยางมีความนิ่มมากอยู่แล้ว จึงไม่ต้องใช้เวลาในการอุ่นเครื่องกันมาก โดยเฉพาะกับช่วงขอบยางที่เราได้บอกไปในข้างต้นแล้วว่ามันมีคอมปาวน์ที่นิ่มและหนึบกว่าตรงกลางอีกพอสมควร
และแน่นอนว่าสำหรับประสิทธิภาพในการหยุดชะลอตัวรถนั้นก็จัดว่าหายห่วงเช่นกัน โดยเฉพาะหากพื้นแห้งที่มีความสากพอสมควรอย่างเช่น พื้นยางมะตอยใหม่ๆ เรียกได้วาแทบไม่มีอาการของระบบ ABS ทำงานออกมาให้รู้สึก
ขณะที่การวิ่งบนทางเปียกก็อยูในเกณฑ์ที่ไว้ใจได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของ MICHELIN Power5 รุ่นนี้ เลยล่ะ เพราะ มันสามารถรีดน้ำออกได้เป็นอย่างดี ทำให้ขี่แล้ว ไม่มีอาการกลัวน้ำ ลื่นน้ำ หรือ เหินน้ำในจังหวะที่เราวิ่งมาด้วยความเร็วระดับหนึ่ง แล้วเจอเข้าบริเวณพื้นแอ่งน้ำแข็ง ซึ่งปกติยางทั่วไป จะมีอาการแฉลบจนทำให้ผู้ขี่อย่างเราๆ เหวอได้ แต่ ไม่พบในเจ้า Power5 รุ่นนี้ และนอกจากนี้ ยังช่วยในเรื่องของระยะเบรกบนพื้นผิวเปียกที่ทำได้ค่อนข้างสั้น จนน่าประทับใจ เวลาที่เบรกหนักจน ABS ทำงาน ตัวหน้ายางเรียกว่าพบอาการไถลน้อยมากๆ ดังนั้นยาง MICHELIN Power5 นี้ ถือได้ว่าให้ระยะเบรกที่สั้นลงกว่ายางรุ่นอื่นๆ มากทีเดียว ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และมั่นใจทุกฤดูกาล
สรุป รีวิว MICHELIN Power 5 ยางสปอร์ตพรีเมี่ยม นำเข้าจากสเปน มันจะมาเจาะกลุ่มรถสมรรถนะสูง ที่เน้นขี่ใช้งานบนถนน ซึ่งที่จริงแล้ว ไซส์ของมันรองรับตั้งแต่ BigBike ขนาดกลางขึ้นไป
และแน่นอน ใช้งานได้ดีเยี่ยม จนเรียกได้ว่า รถคันใหญ่ๆ หนักๆ เช่นนี้ สามารถควบคุม และพลิกเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วกว่าเดิมมาก
MICHELIN Power 5 มีไซส์ ดังนี้
ยางหน้า
120/70-ZR17 58W
ยางหลัง
160/60-ZR17 69W
180/55-ZR17 73W
190/50-ZR17 73W
190/55-ZR17 75W
200/55-ZR17 78W
สำหรับราคา Michelin Power 5 จะอยู่ในช่วง 12,000-15,000 บาทต่อคู่
เพื่อนๆ ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลยาง MICHELIN Power 5 กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ได้เลยครับ หรือ หาช้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.michelin.co.th/motorbike/tyres/michelin-power-5
ขอบคุณ Honda BigWing สำหรับ Honda CB1100RS ครับ
อ่านข่าว Michelin เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
