หลังมีการประกาศขายสุราได้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมเป็นต้นมา ดูเหมือนจะทำให้เกิดการทำกิจกรรมในช่วงกลางดึกมากขึ้น จึงทำให้ผลการตั้งด่านตรวจ และลาดตระเวนผู้ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมา มียอดผู้ฝ่าฝืนสูงถึง 795 ราย
โดยสำหรับการตั้งตรวจ และลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อคืนวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 22.00น. ถึงเวลา 4.00 น. ของเช้าวันที่ 4 พฤศภาคมนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ระบุว่ามีการตรวจค้นบุคคลไปทั้งหมด 25,029 ราย และยานพาหนะอีก 19,138 คัน ซึ่งจำนวนผุ้ฝ่าฝืน 795 คนนั้น แบ่งเป็น ผู้ออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควรทั้งสิ้น 666 ราย และ ผู้รวมตัวมั่วสุมในเคหะสถานเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ รวม 129 ราย
แน่นอนว่าสาเหตุของการชุมนุมมั่วสุมอันดับแรกของผู้ฝ่าฝืนนั้น ก็คือ การดื่มสุราที่มีอัตราส่วนสูงถึง 60% ตามด้วยการลักลอบเล่นการพนัน 21% อันดับสอง และเสพยาเสพติดอีก 11% เป็นอันดับที่สาม ซึงผู้ฝ่าฝืนจำนวน 129 คนต่างถูกดำเนินคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินทั้งหมด ขณะที่สาเหตุการออกนอกเคหะสถานสามอันดับแรก ก็จะประกอบไปด้วย 1.ออกมาทำธุระ 33% 2. อื่นๆ 29% และ 3. เดินทางกลับที่พัก 23% โดยในผู้ฝ่าฝืนทั้งหมด 666 คน จะถูกตักเตือน 24 คน และถูกดำเนินคดีอีก 666 คน
สำหรับผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, เดลินิวส์
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ