หนึ่งในบททดสอบแรกของการขับมอเตอร์ไซค์ใหญ่ที่หลายๆคนมักเจอกัน คงหนีไม้พ้นเรื่องการใช้คลัทช์ โดยเฉพาะเรื่องของ “ช่วงระยะการทำงานของคลัทช์” ซึ่งเราเชื่อว่าคงมีเพื่อนหลายคนไม่น้อยที่มึนงงกับมันอยู่พักใหญ่แน่ๆถ้าหากพึ่งเคยขับรถคลัชท์มือครั้งแรก และในคราวนี้เราก็เลยจะมาแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการฝึกหาช่วงคลัทช์ดังกล่าวนี้ให้เพื่อนๆได้ทราบในบทความ Tips Trick ครั้งนี้กันครับ แต่ก่อนที่เราจะให้เพื่อนๆหาในเชิงปฏิบัติ เราขอทวนถึงหน้าที่ของคลัทช์กันก่อนว่ามันถูกสร้างมาเพื่ออะไร ซึ่งในจุดๆนี้หลายๆคนก็คงตอบได้อยู่แล้วว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์ก่อนที่จะส่งไปยังชุดเฟืองเกียร์เพื่อขับชุดโซ่เสตอร์แล้วลงต่อไปยังล้อหลัง โดยเราสามารถสั่งการคลัชท์ได้จากก้านคลัทช์ที่อยู่ตรงแฮนด์ฝั่งด้านซ้าย ด้วยการควบคุมง่ายๆเพียงแค่ กำ เพื่อให้คลัทช์จาก (ตัดส่งกำลัง) และ ปล่อย เพื่อให้คลัชท์จับ (ต่อกำลัง) แต่เอาจริงๆแล้วมันไม่ได้ง่ายแค่นั้นน่ะสิครับ เพราะอย่าลืมว่านี่คือระบบคลัชท์ที่มีระยะหรือช่วงในการทำงาน มีเรื่องของแรงกดหน้าคลัชท์กับฟลายวีลหรือจานถ่ายกำลังน้อยไปหามาก ไม่ใช่สวิทช์ไฟฟ้า ที่มีแค่ 2 สเต็ปในการทำงานคือ เปิด และ ปิด โดยในส่วนของวิธีการหาช่วงเริ่มการทำงานของคลัทช์นั้น เราต้องขอย้อนอีกครั้ง (จะย้อนอะไรนักหนาเนี่ย 5555 ) หากเพื่อนๆยังจำครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับคำว่ารถคลัทช์มือได้คือการ สตาร์ทรถ แล้วค่อยๆปล่อยคลัทช์พร้อมกับเปิดคันเร่งสวนเพราะกลัวดับขณะออกตัวใช่มั้ยครับ ? ถ้าใช่ล่ะก็ ระวังตัวไว้ดีให้ดีนะครับ เพราะนอกจากมันจะทำให้เพื่อนๆไม่สามารถหาระยะเริ่มการทำงานของคลัชท์ได้แล้ว ความอันตรายของการเปิดคันเร่งสวนไปแบบนั้นก็คือ ถ้ากำลังเครื่องของรถที่ขับอยู่มีมากแล้วล้อหลังดันยึดเกาะกับพื้นถนนดี ล้อหน้าก็อาจจะลอยจนหงายท้องตั้งแต่ยังไม่ทันออกตัว หรือถ้าหากพื้นลื่น ท้ายรถก็จะปัดจนตัวเราตวัดขึ้นฟ้าแทน หรือถ้าเพื่อนๆจะบอกว่าก็คลอคลัทช์ทิ้งไว้ไม่ให้ล้อมันยกสิ ถ้าคิดอย่างนั้นล่ะก็…
Author: admin
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ขยายความแข็งแกร่งในธุรกิจบิ๊กไบค์ภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เปิดตัวโชว์รูมเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด บนถนนพระราม 5 ขยายศักยภาพและตอบรับกระแสตลาดบิ๊กไบค์ที่ยังคงโตอย่างต่อเนื่อง ชูการให้บริการมาตรฐานระดับโลกที่เข้าใจนักขี่บิ๊กไบค์ในทุกแง่มุม ครอบคลุมทั้งการจำหน่าย สินค้าไลฟ์สไตล์ และการให้บริการหลังการขาย มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ในการมอบที่สุดแห่งประสบการณ์บิ๊กไบค์และบริการพรีเมียมให้แก่ลูกค้าในย่านถนนพระราม 5 ความร่วมมือในครั้งนี้คือ ผลจากความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในประเทศไทย พร้อมแนวโน้มการเติบโตของตลาดบิ๊กไบค์ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น เราจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ในการขยายโชว์รูมและสร้างการเข้าถึงต่อลูกค้าในกรุงเทพฯ ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ทั้งยังตอกย้ำความแข็งแกร่งของทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และเอ็มเอฟ มอเตอร์ราด ในประเทศไทย โดยเรามีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่นี้” “MF Motorrad ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ BMW Motorrad…
จากกระแสในช่วงสาม-สี่ปีให้หลัง สำหรับการเข้ามาของชุดโช้กหน้าหัวกลับ Up Side Down หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า USD ที่ถูกเรียกร้องและตอบสนองจนเราเริ่มเห็นว่ามันได้รับการติดตั้งในกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์เล็กมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันคงไม่เพียงพอที่จะใช้อ้างเป็นจุดขายของตัวรถอีกต่อไปแล้ว ทำให้ทางค่ายเลือกใช้จุดขายต่อไปที่เป็นเรื่องของตัวเลขขนาดแกนโช้กแทน ดังที่ทาง Yamaha กำลังจะทำใน YZF-R3 รุ่นใหม่ต่อจากนี้ โดยข้อมูลในเรื่องนี้ ถูกเอ่ยเป็นครั้งแรกจากสื่ออินโดนีเซียเจ้าประจำอย่าง Iwabanaran ซึ่งแหล่งข้อมูลที่เค้าได้มาอีกทีนั้นระบุไว้ว่าตัวโช้กหน้าชุดใหม่ที่จะติดตั้งใน Yamaha YZF-R3 Gen 2 นั้น จะมีขนาดแกนใหญ่กว่าคู่แข่งตัวสำคัญอย่าง Honda CBR250RR ที่มีขนาดแกนโช้กติดรถ 37 มิลลิเมตร โดยในส่วนของโช้กคู่หน้าที่ทาง Yamaha จะนำมาติดตั้งนั้นคาดว่าจะมีแกนอยู่ที่ 40 มิลลิเมตร นอกจากนี้อีกสิ่งหนึง่ที่ทาง Yamaha ไม่สามารถสรุปได้ในตอนนี้คือ “สีกระบอกโช้ก” ซึ่งยังคงสับสนกันอยู่ระหว่าง สีทอง ที่เป็นสียอดนิยมถูกใจขาซิ่งทั้งหลาย กับสีเทา ที่ถึงแม้ว่าจะดูดรอปลงมาหน่อย แต่ก็ให้ความกลมกลืนกับตัวรถมากกว่า (แต่ผู้เขียนคิดว่ายังไงเพื่อนๆก็อยากให้มาด้วยสีทองมากกว่าอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะครับ?) อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ…
จากผลงานการคว้าแชมป์ 2 ปีติด แบบเกือบขาดลอยของ Jonathan Rea ในการแข่งขัน World Superbike ที่ดูเหมือนว่าเค้ากำลังจะทำมันได้อีกครั้งในปีนี้ ทำให้ทางผู้บริหารของ Dorna อยากดันให้นักบิดเชื้อสายอังกฤษรายนี้เข้าเป็นผู้ร่วมแข่งขันในรายการ MotoGP ในฐานะนักบิดตัวจริง ไม่ใช่ในฐานะนักบิด Wild Card เหมือนครั้งก่อนๆที่ผ่านมา โดยตำแหน่งทีมที่ Rea จะได้เข้าไปสวมสีเสื้อแทนนั้นคาดว่าจะเป็นของ Andrea Iannone จาก Suzuki ที่แม้จะมีฝีมือในการขีและความสามารถในการหาข้อบกพร่องตัวรถนั้นที่จัดว่าไม่ได้ด้อยกว่านักบิดรายอื่นในการแข่งขันระดับพรีเมียร์คลาส แต่จากสถิติการผีเข้าผีออกที่มากเกินไปทำให้อนาคตของเทพโจดูจะไม่สดใสเท่าไหร่นักในการแข่งขันระดับนี้ ถึงแม้ว่าในสัญญาของเค้าจะระบุไว้ถึงปี 2020 ก็ตามที ส่วนประโยชน์ที่ทาง Dorna จะได้จากการโยก Rea เข้ามาสู่การแข่งขันระดับ MotoGP นั้นก็มีอยู่ด้วยกันสองประการด้วยกัน อย่างแรกคือเค้าจะทำให้ทีม Suzuki ดูมีความน่าเกรงขามมากขึ้นด้วยฝีมือที่เชื่อถือได้ของเค้า (ถ้าหากเค้าสามารถไปได้ดีกับรถแข่ง Race Prototype ได้เหมือนตอนขับ Production Superbike ล่ะก็นะครับ) และประโยชน์อย่างที่สองก็คือ ความตื่นเต้นที่ได้จากการแข่งขัน…
จากกระแสความนิยมของเจ้า Kawasaki Z900 ที่ไม่ว่าใครๆก็อยากได้มาไว้เป็นรูถคู่ใจ แต่ด้วยความที่กฏหมายในยุโรประบุไว้ใช่ว่าใครก็ได้จะเดินเข้าศูนย์ กำเงินแล้วซื้อมันไปขี่ง่ายๆ ถ้าหากคุณไม่มีทักษะเพียงพอที่จะใช้ใบขับขี่ระดับ A1 (ระดับสูงสุดของใบขับขี่ในยุโรป) และจากเหตุผลดังกล่าวทำให้ล่าสุดทาง Kawasaki ได้เปิดตัวเจ้า Z900 รุ่นใหม่ที่หน้าตาไม่ได้แปลกไปจากเดิมอะไรมากมายนัก แต่จะแตกต่างก็ตรงที่เครื่องยนต์ซึ่งถูกปรับจูนแรงม้าใหม่จากเดิมที่มีอยู่ 126 แรงม้า ให้ลดเหลือแค่เพียง 93.7 แรงม้าเท่านั้น เพื่อให้ผ่านกฏใบขับขี่ระดับ A2 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ไดก็ตามที่ถือใบขับขี่เลเวลนี้ จะได้รับอณุญาติให้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่มีพละกำลังแรงม้าไม่เกิน 35 กิโลวัตต์ หรือ 47 แรงม้าเท่านั้น แต่ถ้าหากผู้ถือบัตรมีอายุ 20 ปีขึ้นไป จะใช้รถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์กี่ cc ก็ได้ ขอแค่แรงม้าห้ามเกินที่กำหนดไว้ซึ่งก็คือ 94 HP ก็พอ โดยในส่วนของฟังก์ชั่นหรือระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ต่างๆทั้ง Traction Control, Engine Map, Assist & Slipper Clutch และอื่นๆอีกมากมายที่เคยติดตั้งใน Kawasaki…
นับตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทยตั้งแต่ปี 2014 ก็ถือว่าผ่านไปได้ 3 ปีแล้วสำหรับ Honda PCX Gen 3 ที่ดูเหมือนว่าในตอนนี้ทางค่ายอาจจะเห็นว่าใกล้ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่จะเปลี่ยนโฉมมันกันซักทีหลังจากที่เราได้รับข้อมูลมาว่าจะมีการเปิดตัว PCX โฉมใหม่เร็วๆนี้ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยแหล่งข้อมูลดังกล่าวนั้นก็ใม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นสื่อชื่อดังจากอินโดนีเซีย TMCBlog ที่ให้ข้อมูลไว้ว่าในตอนนี้ทางโรงงาน HHonda ในประเทศของตนเองนั้นกำลังเตรียมขึ้นสายพานการผลิต PCX รุ่นใหม่ และเตรียมเปิดตัวในช่วงประมาณวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเปิดงาน Tokyo Motor Show 2017 ของประเทศญี่ปุ่น หรือก็คือบ้านเกิดของแบรนด์นี้ แทนที่จะเป็นประเทศไทยเหมือนครั้งก่อน หรือในอินโดนีเซียที่ถือเป็นตลาดรถเล็กที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ของ Honda ส่วนดีไซน์ตัวรถนั้นแน่นอนว่าจะเป็นการออกแบบเพื่อใช้งานในรูปแบบ Global Model (ใช้แบบเดียวกันทั่วโลก) และที่สำคัญคือการยัดฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกมาให้ครบครันในแบบที่ต้องไม่น้อยหน้ากว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง Yamaha Nmax ซึ่งสิ่งที่เราทำได้ตอนนี้ก็มีแค่เพียงรอให้มีภาพหลุดของ New Honda PCX Gen 4 ออกมาก็เท่านั้น อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่…
ไม่อิจฉาไม่ได้ซะแล้วล่ะครับ สำหรับ Erika Helminiak สาวแม่ลูกสองจากรัฐโอไฮโอประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลเป็น 2016 Yamaha R1S รุ่นตกแต่งพิเศษ “Urban Ops Sweepstakes” ที่ทำขึ้นเพียงคันเดียวในโลกเพื่อมอบให้กับผู้โชคดีจากกิจกรรมชิงโชคของ Yamaha ประเทศอเมริกา สำหรับการตกแต่งเจ้า R1S Urban Ops Sweepstakes นั้นทาง Yamaha ได้รับความร่วมมือจากหลายสำนักด้วยกันมาเป็นผู้สนับสนุนชิ้นส่วนตัวรถรอบคัน ไล่ตั้งแต่ท่อไอเสียจาก Yoshimura, วินชิลด์, ก้านคลัทช์/ก้านเบรกแต่ง, พักเท้าหลังแต่ง, กันล้ม, ท้ายสั้น, สปูนยกรถ, และดิจิตอลสีเทาดำทั้งคันซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์หรือจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของรถคันนี้ ยังไม่หมดเท่านั้น Erika ยังจะได้รับการสนับสนุนชุดยางจาก Pirelli ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของการชิงโชคครั้งนี้ ด้วยกิฟท์วอยเชอร์เป็นยางรุ่น Diablo Rosso III 3 เซ็ทพร้อมบริการเปลี่ยนแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย และยังมีคอร์สฝึกสอนการขับขี่อีก 1 คอร์สให้แบบฟรีๆจาก Yamaha อีกด้วย ว่าแต่ เพื่อนๆอยากได้กับเค้าซักคันมั้ยล่ะครับ…
จากผลงานการแข่งขัน MotoGP สนามล่าสุดที่ ซานมาริโน่ ประเทศอิตาลีของทีม Yamaha ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แย่เท่าไหร่นักเมื่อดูจากตัวเลขจบการแข่งขันก็คืออันดับที่ 4 แต่ถ้าหากดูจากเวลาจะเห็นได้ว่า Maverick Vinales นั้นเข้าเส้นชัยห่างจากอันดับหนึ่งถึง 16.559 วินาทีเลยทีเดียว โดยล่าสุดทาง Vinales ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทางสื่อ Motorsport.com ถึงสาเหตุที่ทำให้ได้อันดับตกโพเดี้ยมครั้งนี้เป็นใจความว่า “แม้ว่าที่จริงเค้าจะพึ่งได้รับเฟรมตัวใหม่ที่ปรับปรุงข้อด้อยจากเฟรมก่อนหน้าไปเมื่อสนามที่แล้ว (ซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ) และผลจากการได้ขับจริงก็พบว่ามันให้ความรู้สึกผ่อนคลายในการขับขี่เจ้า Yamaha YZR-M1 มากขึ้นเมื่อเทียบกับเฟรมก่อนหน้า และเมื่อลงสนามเปียกเจ้าเฟรมตัวใหม่นี้ก็ยังส่งความรู้สึกของล้อหน้ามาตลอดเวลา แต่ในส่วนของกริปที่สัมผัสได้จากล้อหลังนั้นแทบไม่มีเหลือเลย (พร้อมจะไถลได้ทุกเมื่อ) โดยเฉพาะกับโค้งซ้าย ทำให้ตลอดระยะเวลาในการแข่งขันที่อิตาลีนั้น เค้าสามารถใช้เข่าลงแตะพื้นสนามได้แค่เพียง 4-5 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในล้อหลังเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนี่คือจุดที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วนหากทีมต้องการคว้าแชมป์ปี 2017” สำหรับลำดับคะแนนของ Marverick Vinales ในปัจจุบันหลังจบสนามที่ 13 ของการแข่งขันปีนี้นั้นอยู่ในลำดับ 3 ซึ่งตามอันดับหนึ่งในตารางคะแนนสะสมอย่าง Marc Marquez จาก Repsol Honda…
Yamaha อเมริกาปล่อยภาพสกูตเตอร์น้องเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดพิกัด X-Max 125 ที่เพียงเกริ่นชื่อมาก็รู้กันแน่นอนแล้วว่ามันจะได้รับเส้นสายแบบเดียวกับพี่คนกลางอย่าง X-Max 300 และ X-Max 400 มาหมดจด ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงหน้าตาเท่านั้น แต่ทางค่ายยังจับระบบความปลอดภัยและระบบอัำนวยความสะดวกมาให้กับผู้ขับขี่อย่างครบครันอีกด้วย โดยจุดเด่นของ X-Max 125 นั้นนอกจากหน้าตาที่ได้รับอานิสงค์จากพี่กลางมาเต็มๆแล้ว ยังมีระบบ Traction Control, ระบบ ABS, พอร์ทชาร์จไฟกำลังขับ 12 โวลท์, ชุดวินชิลด์ปรับความสูงได้, และชุดแฮนด์บาร์แบบปรับตำแหน่งเข้าออกจากตัวผู้ขับได้ ซึ่งปังก์ชั่นท้งหมดที่เรากล่าวมานั้นล้วนเป็นแบบเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ใน X-Max 300/400 อย่างไม่มีผิดเพี้ยน เรียกได้ว่าจุดแตกต่างนั้นจะมีก็แค่เพียงขนาดความจุเครื่องยนต์ที่ให้มาอย่างกระทัดรัดเพียง 125cc อย่างเดียวก็ว่าได้ เมื่อเทียบกับพี่ๆทั้งสอง ส่วนเฉดสีที่มีให้เลือกซื้อนั้นทาง Yamaha ได้จัดมาให้ 3 เฉดด้วยกัน ได้แก่สีน้ำเงิน Phantom Blue, สีเทาอ่อน Blazing Grey, สีเทาเข้ม Sonic Grey, และสีแดงซึ่งเป็นสีโปรโมทหลัก…
กลับมาอัพเดทข้อมูลกันอีกครั้งสำหรับว่าที่เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จลูกใหม่จาก Suzuki ที่ตลอดระยะเวลานับตั้งแต่เผยโฉมออกมาให้เห็นครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทางค่ายก็ทำการจดสิทธิบัตรเพื่ออัพเดทข้อมูลที่เตรียมบรรจุลงไปในเครื่องยนต์ลูกดังกล่าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง จนกระทั่งใบล่าสุดที่เราได้นำเสนอต่อไปนี้ โดยข้อมูลในเอกสารสิทธิบัตรใบล่าสุดได้ระบุไว้ว่าทาง Suzuki เลือกที่จะออกแบบให้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จลูกใหม่นี่มีทิศทางการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยงแบบสวนทาง(หมุนกลับหลัง) ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่เทคโนโลยีที่ใหม่มากมายอะไรนัก เพราะมันเป็นที่นิยมกันอย่างมากในหมู่รถโปรโตไทป์ทั้งหลายโดยเฉพาะตัวแข่ง MotoGP ไม่ว่าจะเป็น Yamaha YZR-M1, Honda RC213V, Ducati Desmosedici GP17 และพึ่งจะถูกนำมาใช้เป็นจริงเป็นจังกับรถโปรดักชั่นครั้งแรกในเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale V4 ของว่าที่ Panigale รุ่นใหม่จากทาง Ducati ส่วนข้อดีของการออกแบบทิศทางการหมุนของแครงก์ชาฟท์ให้กลับด้านจากปกติที่ใช้ในเครื่องยนต์ทั่วไปนั้นก็เพื่อทำให้ตัวรถสามารถหักเลี้ยวได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น ส่วนสาเหตุว่าทำไมนั้น เราจะต้องอธิบายในหลักวิทยาศาสตร์ซึ่งยาวมากๆ ดังนั้นเราจึงขอไม่พูดถึง ไม่งั้นจะพากันงงไปกันใหญ่ แต่ถ้าหากเพื่อนๆคนไหนสนใจสามารถคอมเมนท์สอบถามกันเข้ามาเพิ่มเติมได้เลยครับผม ขอบคุณข้อมูลจาก Young Machine อ่านข่าว Suzuki เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว TurboCharged เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ…