Yamaha USA เปิดตัว 2018 Star Eluder แบกเกอร์ครุยเซอร์รุ่นใหม่เอาใจขาเที่ยวทั้งหลายที่ชื่นชอบในความเป็นครุยเซอร์เครื่องยนต์ V-Twin ไซส์ยักษ์ต่อยอดพื้นฐานตัวรถจาก 2018 Star Venture ที่เคยเปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ อย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้น สำหรับเครื่องยนต์หรือขุมกำลังหลักของเจ้า 2018 Star Eluder นั้น เป็นพื้นฐานเดียวกับ 2018 Star Venture ซึ่งก็คือเครื่องยนต์แบบ V-Twin ขนาด 1,854cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบอำนวยความสะดวกสบายของผู้ใช้ก็ยกมาให้หมด ทั้ง Traction Control, Drive Mode, ชุดหน้าจอ/ระบบเครื่องเสียง, เบาะและแฮนด์ทำความร้อน, และอืนๆอีกมากมาย โดยส่วนแตกต่างระหว่างรุ่น Star Eluder และ Star Venture ที่เราพอจะเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ ชุดวินชิลด์ที่ถุูกปรับให้เตี้ยลง, และชุดกระเป๋าซึ่งทำหน้าที่เป็นพนักหลังให้กับผู้ซ้อนอีกทีนึงถูกถอดออกไป ส่งผลให้น้ำหนักตัวรถลดลงเหลือ 396.8 กิโลกรัม จากเดิมที่มีอยู่…
Author: admin
นี่อาจจะเป็นการบอกลาอย่างไม่เป็นทางการของแบรนด์ดังจากอิตาลีก็เป็นได้ หลังจากที่ทาง Bimota เลือกปิดโรงงานในเมืองริมินี ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตหลักแห่งเดียวของแบรนด์ชนิดที่ว่ายกเครื่องไม้เครื่องมือออกไปจากโรงงานแทบทั้งหมด โดยอุปกรณ์ต่างๆที่เคยอยู่ในโรงงานที่อิตาลีนั้น มีรายงานแจ้งไว้ว่าในตอนนี้มันได้ถูกขนส่งไปยังช็อปเล็กๆที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแม่ของ Bimota ในปัจจุบัน เพื่อผลิตชิ้นส่วนตัวรถที่ทำตลาดอยู่ในรูปแบบของอะไหล่เท่านั้น แต่ด้วยความที่ทางบริษัทแม่ดังกล่าวนั้นแทบไม่มีแพลนในการผลิตโมเดลใหม่ใดๆทั้งสิ้น แม้แต่แผนการปรับปรุงโมเดลที่ทำตลาดอยู่ในปัจจุบันก็ยังเงียบกริบทั้งๆที่โมเดลล่าสุดของพวกเค้าออกมาได้ไม่ต่ำกว่า จึงทำให้เรายังไม่สามารถสรุปได้ว่าทิศทางของ Bimota จะเป็นอย่างไรต่อไปกันแน่หลังจากนี้ ขอบคุณที่มา Visordown อ่านข่าว Bimota เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หลังจากที่ทาง Honda เลือกเปิดตัว X-ADV สกูตเตอร์แนวแอดเวนเจอร์คันแรกของโลกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ดูเหมือนว่ามันจะได้กระแสตอบรับที่ดีพอสมควร จากความอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้ทั้งการขับขี่สบายๆในเมืองจากระบบส่งกำลังแบบสายพานอัตโนมติ และด้วยความสูงใต้เบาะ ตำแหน่งแฮนด์กับลักษณะหน้ายางก็สามารถใช้ลุยกรวดทรายได้อย่างหมดห่วง ทำให้ล่าสุดได้มีแบรนด์จากไต้หวันนาม KYMCO เตรียมเจาะตลาดแนวนี้ด้วยอีกคันเพื่อตามกระแสของค่ายปีกนก โดยพื้นฐานตัวรถที่ทาง KYMCO จะนำมาต่อยอดเพื่อทำเป็นสกูตเตอร์แนวแอดเวนเจอร์นั้นคือสกูตเตอร์รุ่น AK550 ซึ่งแต่เดิมก็ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียงความจุ 550.4cc พละกำลังสูงถึง 53.5 แรงม้า (PS) กับแรงบิด 55.6 นิงตันเมตร เป็นขุมกำลังหลักของตัวรถอยู่แล้ว และเมื่อประกอบกับหน้าตาที่ดุดันเป็นทุนเดิม แล้วนำมาปรับแต่งเพิ่มเติมด้วยการจัดแจงตำแหน่งแฮนด์ ท่านั่ง ยกสูงและเพิ่มระยะยืดยุบของระบบกันสะเทือน เพียงเท่านี้ก็พร้อมบุกป่าฝ่าดงได้เต็มที่ในสไตล์ของตัวลุยแล้ว สำหรับ KYMCO อาจจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าใดนัก เพราะไม่มีเคยมีประวัติการทำตลาดในบ้านเรา และอาจจะด้วยความที่แต่เดิมฐานการผลิตของแบรนด์นี้จะเน้นไปที่รถมอเตอร์ไซค์ 4 ล้อ (ATV) ซะมากกว่า แต่ถ้าพูดถึงตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในใต้หวันแล้วล่ะก็ แบรนด์นี้ถือเป็นแบรนด์อันดับต้นๆของประเทศพวกเค้าเลยทีเดียว นอกจากนี้ถ้าว่ากันในตลาดระดับโลกแล้ว แบรนด์ KYMCO ถือเป็นแบรนด์สกูตเตอร์ที่ใหญ่เป็นลำดับที่ 5 ของโลกเลยทีเดียว…
อาจจะดูเงียบหายไปได้พักใหญ่ๆ สำหรับข่าวคราวของสปอร์ตครุยเซอร์จากค่าย BMW ที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวแว่วๆออกมาว่าพวกเค้าอาจจะนำเจ้า “Concept 101” ที่เคยปรากฏโฉมออกมาเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2015 ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วตัวรถคอนเซปท์รุ่นนี้นั้นใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงและซับเฟรมจากตระกูล K1600 เป็นหลัก แต่ล่าสุดได้มีภาพเรนเดอร์จากสื่อในยุโรประบุว่าสปอร์ตครุยเซอร์ที่ BMW กำลังซุ่มเงียบพัฒนาชึ้นมาเพื่อต่อกรกับ Ducati XDiavel นั้นจะใช้พื้นฐานเครื่องยนต์จาก R1200GS โดยขนาดความจุเครื่องยนต์ 2 สูบนอนจาก 1,170cc ให้กลายเป็นราวๆ 1,600cc พร้อมตั้งชื่อให้กับตัวรถว่า BMW R1600C ดังที่เรากำลังเห็นอยู่ในตอนนี้ (สำหรับชื่อตระกูล R1XXXC ทางค่ายได้เคยใช้มาแล้วก่อนหน้านี้กับโมเดลครุยเซอร์ที่ยุบสายการผลิตไปตั้งแต่ปี 2005 คือ R1200C) โดยในส่วนของดีไซน์คร่าวๆของตัวรถนั้น ผู้ออกแบบได้ให้แนวคิดว่าเพื่อความสปอร์ตเต็มขั้น ทาง BMW น่าจะเลือกติดตั้งชุดปั๊มเบรกและจานเบรกจาก Brembo เพื่อรองรับกับพละกำลังของตัวรถที่สูงขึ้น พร้อมกันนั้นก็ยังออกแบบเส้นสายรอบตัวรถให้ดูล้ำสมัยแต่สวยงามอย่างลงตัวเพื่อไม่ให้น้อยหน้าทางฝั่งของคู่แข่งตัวสำคัญอย่าง XDaivel จาก Ducati และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือชุดระบบกันส่งกำลังแบบเพลาขับกับชุดระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนก “Duolever” ที่ทางค่ายภูมิใจนักหนาว่าให้เสถียรภาพและประสิทธิภาพในการขับขี่เชิงท่องเที่ยวมากกว่าใครเพื่อนติดตั้งมาให้ด้วย…
Ducati เตรียมเปิดตัว 2018 Ducati XDaivel S รุ่นใหม่เพื่อทำตลาดในฐานะโฉมปี 2018 ในงานแรลลีระดับตำนานของยุโรป “Faaker See Rally” ครั้งที่ 20 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 ถึง 10 กันยายนที่จะถึงนี้ในประเทศออสเตรีย โดยจุดเด่นของตัวรถ 2018 Ducati XDaivel S ที่กำลังจะเปิดโฉมภายในไม่กี่วันนับจากนี้จะมาพร้อมกับชุดสีขาว “Iceburg White” พร้อมปรับปรุงระบบช่วงล่างใหม่โดยเน้นที่การเสริมความนุ่มนวลเป็นหลัก เพื่อการขับขี่ที่สมกับความเป็นครุยเซอร์มากขึ้น ในด้านของราคาเปิดตัวอาจจะต้องให้ทาง Ducati ออกมาให้ข้อมูลภายในวันเปิดตัวอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนี้ทางค่ายได้ทำการเกริ่นและปล่อยรูปตัวรถคร่าวๆออกมาเพียงเท่านั้น อ่านรีวิว Ducati XDiavel S เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หลังจากที่ทาง Yamaha ได้เปิดตัวทัวร์ริ่งครุยเซอร์รุ่นท็อปสุดอย่าง 2018 Star Venture ไปเกือบๆ 3 เดือนที่แล้ว โดยใช้ทีเซอร์ที่เล่าเรื่องราวระหว่างเหล่าไบค์เกอร์กับการเดินทางข้ามรัฐด้วยรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ก็ดูเหมือนว่าตัวเนื้อหาของทีเซอร์ชุดดังกล่าวจะสร้างเรื่องราวก่อนการเปิดตัวได้ดีอย่างมาก ทำให้ทางค่ายเลือกที่จะนำมันมาใช้กับว่าที่ครุยเซอร์ของพวกเค้าอีกครั้ง พร้อมใช้คำนิยามว่า Elude Conformity โดยคลิปทีเซอร์ที่ทาง Yamaha ปล่อยออกมาเพื่อยั่วน้ำลายสาวกในครั้งนี้นั้น แม้ไม่ได้มาในรูปแบบของเรื่องราว 3 พาร์ทต่อเนื่อง แต่ก็ยังใช้ตัวผู้ขับที่มีประสบการณ์อันโชกโชนกับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของพวกเค้าได้แก่ Star Raider และ Road Star ซึ่งถือเป็นสองครุยเซอร์ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยของทางค่าย และน่าจะเป็นการปูแนวทางลักษณะตัวรถคร่าวๆของครุยเซอร์น้องใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 6 กันยายนที่จะถึงนี้ สำหรับพื้นฐานตัวรถนั้นคาดว่าจะเป็นแบบเดียวกันกับ 2018 Star Venture แทงทั้งหมด โดยเฉพาะเครื่องยนต์และโครงรถ แต่จะแตกต่างกันก็ตรงที่ชิ้นส่วนแฟริ่งและอุปกรณ์ติดรถอื่นๆซึ่งแต่เดิมในตัว Venture นั้นให้มาในลักษณะของทัวร์เร่อร์เต็มขั้น ส่วนน้องให่คันนี้น่าจะมาในแบบดิบๆและมาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และอาจจะใช้ชื่อประจำตัวว่า Eluder ก็เป็นได้ (จากคำนิยามในคลิปที่ Yamaha เลือกขึ้นต้นด้วยคำว่า Elude แทบทุกประโยค) อ่านข่าว…
นี่อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ BMW S1000RR รุ่นปัจจุบันที่กำลังพะวงกันอยู่ว่ารถที่พวกเค้าพึ่งซื้อไปอาจจะตกรุ่นในเร็วๆนี้ก็เป็นได้ หลังล่าสุดทางกรมควบคุมมลพิษในสหรัฐอเมริกาได้ปล่อยข้อมูลเอกสารของเจ้าฉลามบุกสำหรับทำขายในปี 2018 ออกมาแล้วพบว่าตัวเลขสเปคต่างๆโดยเฉพาะเครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นตัวเลขเดียวกันกับโฉม 2017 โดยการเปลี่ยนแปลงหลักๆจริงๆของ BMW S1000RR รุ่นปี 2018 นั้นคาดว่าคงไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากลวดลายและออพชั่นท่อไอเสียจาก Akraprovic ที่เราได้เคยเปิดเผยไปก่อนหน้านี้เท่านั้น และความเป็นไปได้อีกอย่างนึงที่ BMW ยังไม่ตัดสินใจที่จะเปิดตัวเจ้า All-New S1000RR ที่มีภาพ Spyshot ให้เห็นกันบ่อยๆอยู่ตอนนี้ภายในปีนี้นั้นเป็นเพราะว่า ถ้าจะให้นับระยะเวลาของฉลามรุ่นปัจจุบันจริงๆ มันก็พึ่งมีอายุได้แค่เพียง 3 ปีเศษๆเท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่ได้เก่าเกินไปเลยเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้า (2009-2014 BMW S1000RR)ที่มีอายุการทำตลาดถึง 6 ปีด้วยกัน แต่ด้วยความที่ตลาดรถซุปเปอร์ไบค์พิกัด 1,000cc ในช่วงนี้นั้นมีการแข่งขันสูงมาก แถมคู่แข่งตัวสำคัญอย่าง Ducati V4 ก็กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆนี้ ทำให้ทาง BMW อาจจะขยับระยะเวลาการทำตลาด S1000RR รุ่นปัจจุบันให้สั้นลงจาก 6 ปี เป็น 4…
ไม่บ่อยครั้งเท่าไหร่นัก หรืออันที่จริงเราอาจจะไม่เคยเห็นเลยก็ได้กับการคัสตอมรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ดังที่เรากำลังเห็นอยู่ในตอนนี้กับเจ้า BMW C-Evolution “E-LisaBad” สกูตเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกดัดแปลงชนิดที่ว่าไม่เหลือเค้าเดิมให้จำเลยแม้แต่น้อย และเหลือไว้ก็แค่เพียงชุดแบตเตอรี่กับชุดระบบส่งกำลังแล้วก็ล้อหลังเท่านั้น เพื่อให้เราพอมองออกว่ามันมีต้นกำเนิดมาจากไหน โดยเจ้าของผลงาน “E-LisaBad” คันนี้ก็คือดีไซน์เนอร์ชื่อ Rolf Reick จากสำนัก Krautmotors ที่โด่งดังจากการคัสตอมรถมอเตอร์ไซค์ค่าย BMW เพื่อแข่งขันแนวแดร็กเรซซิ่งมาแล้วหลากหลายครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ทางสำนักก็ได้การสนับสนุนโดยตรงจากทางค่ายใบพัดนี้เลยทีเดียวเพื่อดัดแปลงเจ้าสกูตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้สำหรับลงแข่งรายการแดร็กระยะทาง 1/8 ไมล์ที่รวมรถมอเตอร์ไซค์คัสตอมหลากหลายคันอย่าง Glemseck 101 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1-3 กันยายนที่จะถึงนี้ สำหรับการดัดแปลงเจ้า E-LisaBad ที่เราเห็นได้ชัดเจนที่สุดเลยก็คือการถอดชุดแฟริ่งรอบคันเดิมๆที่หนักกว่า 40 กิโลกรัมทั้งหมดออกไป แล้วแทนที่ด้วยแฟริ่งวัสดุคอมโพสิทชิ้นใหม่ที่ Reick ได้อาศัยงานดีไซน์ระหว่างงานศิลปะ ชุดชงกาแฟ ‘Cubic’ ของ Dane Erik Magnussen เมื่อปี 70 มาผสมกับเครื่องบินรบล่องหนรุ่น B-21 แล้ววาดมันขึ้นมาในกระดาษ ก่อนที่จะลงมือตัดแต่งชิ้นส่วนด้วยมือของเค้าเองทั้งหมด พร้อมกันนั้นเค้าก็ได้ปรับแต่งชุดระบบกันสะเทือนใหม่ให้ต่ำเรี่ยเตี้ยติดดินกว่าเดิม แล้วใช้ยางสลิคติดตั้งไปที่ล้อหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการยึดเกาะและให้มันรองรับกับแรงบิด 72…
ภาพสิทธิบัครที่เพื่อนๆกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวในเรื่องเทคโนโลยีระบบอัดอากาศใบล่าสุดจากทาง Kawasaki ที่ดูเหมือนว่าพวกเค้าอาจจะนำมันไปใช้กับโมเดล 2018 รุ่นใดรุ่นนึงก็ได้ ดังที่เราเห็นได้จากตัวรถอ้างอิงในเอกสาร ซึ่งวาดมาครบทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นกระจกมองหลัง ขาตั้งคู่ และแผ่นติดป้ายทะเบียน โดยจุดสนใจของเทคโนโลยีซุปเปอร์ชาร์จที่ถูกอ้างอิงในเอกสารครั้งนี้ก็คือ มันอณุญาติให้ผู้ใช้เลือกปรับอัตราการและระยะเวลาการบูสท์ของตัวซุปเปอร์ชาร์จก่อนอัดอากาศเข้าสู่ตัวเครื่องยนต์ได้ด้วยตัวเองจากปุ่มกดบนประกับแฮนด์ คล้ายๆกับฟังก์ชั่นปรับโหมดแทรกชั่นคอนโทรลทั้งหลายที่มีให้เห็นกันในซุปเปอร์ไบค์ตัวท็อปหลายๆคัน ซึ่งแต่เดิมใน Kawasaki H2 นั้นไม่ได้มีโหมดปรับบูสต์นี้มาให้ และผู้ใช้ทำได้แค่เพียงปรับเอนจิ้นโหมดเพื่อเลือกอัตราการตอบสนองของกำลังเครื่องยนต์ต่อคันเร่งเท่านั้น จากประโยชน์ดังกล่าวทำให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งกิริยาหรือลักษณะนิสัยของเครื่องยนต์ให้เหมาะกับสไตล์การขับขี่ของตนเองได้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่านอกจากความง่ายในการควบคุมที่สูงขึ้นแล้ว ยังช่วยไม้ให้ผู้ขับขี่เหวอจากอัตราการบูสต์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่ตั้งใจอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ในเอกสารไม่ได้ระบุไว้ว่าทาง Kawasaki จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้กับมอเตอร์ไซค์ความจุเท่าใดกันแน่ (ถึงแม้ว่ารูปรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้อ้างอิงจะเป็นโมเดล ZX-6R แต่ก็เป็นรุ่นปี 2005-2006) ซึ่งเราก็ได้แต่ลุ้นกันต่อไปว่าโมเดลไหนคือผู้โชคดีที่จะได้ใช้ระบบซุปเปอร์ชาร์จสุดล้ำนี้เป็นคันต่อไปจากเจ้าปีศาจ H2/H2R ขอบคุณข้อมูลจาก Morebikes อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
ขยับมาที่สปอร์ตเล็กพิกัด 300cc ของทางฝั่ง Yamaha กันบ้าง กับเจ้า All-New YZF-R25 ที่ก่อนหน้านี้ได้มีภาพ Spyshot อันน่าสงสัยว่าทางค่ายเอามอเตอร์ไซค์โฉมปัจจุบันมาทดสอบทำไม จนในที่สุดเราก็ได้คำตอบแล้วว่าเจ้า R25 ที่เห็นอยู่ในรูปก่อนหน้านี้นั้น กำลังใช้เครื่องยนต์ลูกใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งในโฉมถัดไปอยู่นั่นเอง โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเผยจากสื่อ Iwanbanaran ของอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนนึงมีการพูดถึงข้อความในระบบแชทกับช่างของ Yamaha ว่านอกจากเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่กำลังทดสอบอยู่ในตอนนี้แล้ว ทางค่ายก็กำลังออกแบบและทดสอบ โช้กหน้าหัวกลับและชุดโคมไฟหน้าแบบ LED ที่ดีไซน์ให้เหมือนกับของพี่ใหญ่ YZF-R1 อยู่ด้วยเช่นกัน แม้กระทั่งชุดเฟรมหรือโครงรถชิ้นใหม่ก็ด้วย ส่วนวันเปิดตัวนั้นทางสื่ออินโดได้ระบุไว้ว่ายังไม่สามารถหาคำตอบได้ในตอนนี้ เพราะก่อนที่ทาง Yamaha จะเปิดตัว All-New YZF-R25 นั้น พวกเค้าจะขอเปิดตัว YZF-R25 Facelift ซะก่อนเนื่องจากถ้านับเวลาจริงๆแล้วตัว R25/R3 โฉมปัจจุบันที่กำลังทำตลาดอยู่นั้นพึ่งมีอายุตัวถังได้เพียง 3 ปีเท่านั้นเอง ขอบคุณข้อมูลจาก Iwanbanaran อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers…