เรียกได้ว่าพากันยุบแบบรายวันจริงๆ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์หลากหลายรุ่นที่ลากสายการผลิตมาอย่างยาวนานจากค่ายต่างๆ และในวันนี้ก็ถึงคราวของ Honda Monkey มินิไบค์ไซส์เล็กที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศบ้านเกิด แถมยังแผ่รัศมีความน่ารักมาถึงไทยเราด้วยเป็นพักๆ โดยมันกำลังจะถูกยุติสายการผลิตในวันที่ 31 สิงหาคมที่จะถึงนี้นี่เอง แต่อย่าพึ่งเสียใจกันไป เพราะถึงแม้ว่า Monkey 50th Anniversary ที่ Honda กำลังจะส่งมอบให้กับผู้โชคดีในไม่กี่วันนับจากนี้จะถือเป็นคันสุดท้ายของสายการผลิตที่ลากยาวมากว่า 50 ปีก็จริง แต่ทางค่ายก็ได้ให้ข้อมูลไว้ว่าที่ยุบไปนั้นแค่ในฐานะรุ่นความจุ 50cc เท่านั้น และมันจะกลับมาอีกครั้งกับการเป็นเจ้าลิงที่บึกบีนยิ่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์จาก MSX125SF มินิสตรีทไบค์ยอดนิยมในบ้านเรา ซึ่งอันที่จริงเราก็ได้เคยเสนอข้อมูลเบื้องต้นและภาพสิทธิบัตรไปแล้วก่อนหน้านี้เมื่อปีที่ก่อน โดยข้อมูลด้านงานดีไซน์หรืองานออกแบบที่ปล่อยมาก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่าเจ้า Honda Monkey 125 อ้างอิงเส้นสายของ Monkey Concept ที่ปรากฏโฉมในงาน ฺBangkok Motor Show 2016 ทั้งหมด แล้วใช้ส่วนควบจำพวกโครงหลัง ระบบกันสะเทือนหน้า ระบบเบรก และชุดล้อจาก MSX125SF ส่วนชุดซับเฟรมและสวิงอาร์ม ถูกออกแบบขึ้นใหม่เพื่อรองรับกับโช้กคู่ด้านหลัง และเบานั่งตอนเดียวที่เป็นเอกลักษณ์เดิมของ Monkey รวมไปถึงถังน้ำมันทรงบึกบึนที่สื่อถึงช่วงอกของลิงกอริลล่าก็ถูกหยิบดีไซน์ติดมือมาใช้กับรุ่น…
Author: admin
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้เคยเสนอไปแล้วว่า ทาง Honda กำลังจะปรับโฉม CB1000R รุ่นใหม่ในรอบ 10 ปี ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้มีภาพจากสื่อ MCN ของทางฝั่งอเมริกาปล่อยภาพเรนเดอร์ออกมาเพื่อบอกว่าเจ้าแน็คเก็ทเรือธงรุ่นใหม่นี้จะมาในรูปแบบของ นีโอ-เรโทรแน็คเก็ท จนกระทั่งทางนิตยสาร Young Machine เองก็ได้ปล่อยภาพเรนเดอร์ของเจ้านี่ในแนวทางนี้เช่นกัน เพื่อตอกย้ำว่าทางค่ายปีกนกเอาจริงกับการออกแบบแนวนี้ จากภาพจะเห็นได้ว่าลักษณะหน้าตา CB1000R นั้นยังคงความเป็นสตรีทแน็คเก็ทในรุ่นปัจจุบันไว้อยู่พอสมควร โดยเฉาพะเส้นสายของแฟริ่งด้านข้างที่แหลมคม ชุดซับเฟรม และสวิงอาร์มหลังแบบโปรอาร์ม แต่ปรับชุดไฟหน้าใหม่เป็นแบบโคมกลม ซึ่งเราคาดว่าทาง Honda จะใช้หลอดแบบ Full-LED เนื่องจากความหนาของตัวโคมไม่ได้มากมายอะไรนัก ส่วนชื่อที่ใช้ในการทำตลาดทาง Young Machine ได้ระบุไว้ว่ามันจะมาในตอนนี้กลุ่มผู้บริหาร Honda กำลังพิจารณาที่จะใช้ชื่อต่อท้ายว่า Hornet ซึ่งอยู่ในแน็คเก็ทรุ่นกลาง-เล็กของทางค่าย แทนที่จะเป็น Barracuda ที่เป็นชื่อของ CB1000R โฉมปัจจุบัน ขอบคุณข้อมูลจาก Young Machine อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่ ชมภาพ Render…
ในขณะที่เราหลายสื่อกำลังตีความกันว่าเจ้า Kawasaki Ninja 400 ที่โผล่ไปถ่ายโฆษณาในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะเป็นตัวตายตัวแทนของ Ninja 300R หรือเพียงแค่รุ่นย่อส่วนของ Ninja 650 กันแน่ แต่ล่าสุดเทางนิตยสาร Young Machine ที่เป็นสื่อจากประเทศเดียวกับบริษัทแม่ของ Kawasaki นั้นได้ออกมาให้ข้อมูลว่าทางค่ายแตนเขียวจะใช้ตัวรถ Ninja 400 ทำตลาดคู่กับ Ninja 250 โดยใช้พื้นฐานตัวรถเหมือนกันแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะหน้าตาที่แทบจะลอกแบบมาจาก Ninja 650 เว้นก็แค่เพียงเครื่องยนต์ที่มีความจุต่างกันเท่านั้น โดยในส่วนของแรงม้าสูงสุดในรุ่น 250cc นั้นคาดว่าจะไม่ถูกบีบให้เยอะหรือสูงกว่า 38 แรงม้าที่มีอยู่ในคู่แข่งตัวสำคัญจาก Honda รุ่น CBR250RR แต่อย่างใด แล้วเน้นไปที่กำลังช่วงต้นและกลาง พร้อมปรับแชสซีย์หรือโครงรถใหม่ให้มีน้ำหนักเบายิ่งขึ้น เพื่อทำให้เป็นตัวรถที่ขับง่ายและเป็นมิตรมากกว่าที่จะไปเน้นความเป็นสปอร์ตจ๋า (รวมถึงรุ่น 400cc ก็ด้วย) ซึ่งสอดคล้องกับการที่เราเห็นว่าชุดโช้กหน้าของ Ninja 400 ที่กำลังถ่ายทำอยู่นั้นยังคงใช้แบบตะเกียบคู่ธรรมดา ไม่ได้เป็นแบบหัวกลับตามกระแสแต่อย่างใด สรุปง่ายๆก็คือว่า ถ้าหากข้อมูลเป็นไปอย่างที่ทาง Young…
หลังจากที่ทางกรมควบคุมมลพิษทั่วโลกได้ออกกฏมาตรฐานไอเสีย Euro4 และประกาศเตรียมบังคับใช้ในปี 2017 ก็ทำให้เหล่าผู้ผลิตต้องหาทางแก้ไขผลิตภันท์ในเครือกันยกใหญ่เพื่อให้ผ่านกฏดังกล่าว ถ้าไม่เช่นนั้นก็เป็นอันยกเลิกการขายไปโดยปริยาย ดังที่เราได้เคยเห็นมาแล้วกับ CBR600RR ของทาง Honda ซึ่งดูเหมือนว่ายอดมอเตอร์ไซค์ในตำนานอย่าง SR400 ของ Yamaha เองก็กำลังจะถูกยุบสายการผลิตไปด้วยเช่นกัน โดยสาเหตุนั้นก็เป็นเพราะว่า ถ้าหากจะให้เทียบพื้นฐานตัวรถแล้ว เจ้า SR400 นั้นแทบไม่ได้รับการปรับปรุงอะไรภายในเครื่องยนต์เลยตั้งแต่ยุคปลายปี 70 หรือจะว่าง่ายๆก็คือ ตัวเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 399cc ระบายความร้อนด้วยอากาศที่ติดตั้งอยู่ใน Yamaha SR400 รุ่นปี 2017 นั้นใช้เทคโนโลยีเดียวกับเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว เว้นก็แค่เพียงระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดที่ถูกติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 เท่านั้นที่เป็นของใหม่ แต่ถึงแม้เจ้า SR400 จะมีระบบจ่ายน้ำมันที่ฉลาดมากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถช่วยให้เครื่องยนต์ที่แทบไม่ได้ปรับปรุงอะไรเลยให้เผาไหม้ไอเสียได้สมบูรณ์เพียงพอที่จะผ่านมาตรฐานไอเสียที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆอีกต่อไป เว้นเสียแต่ว่าพวกเค้าจะยอมสร้างเครื่องยนต์ลูกใหม่ขึ้นมา ซึ่งดูเหมือนว่ามันไม่น่าจะคุ้มทุนเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับยอดขายที่ไม่ได้มีตัวเลขสูงลิ่วอะไรมากมายนัก จนทาง Yamaha เริ่มคิดแล้วว่ายอดตำนานเรโทรไบค์รุ่นนี้อาจจะมาถึงวาระสุดท้ายแล้วนั่นเอง ขอบคุณข้อมูลจาก Young Machine อ่านข่าวสาร Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่…
ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในคดีที่สะเทือนขวัญขาซิ่งทั้งหลายมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขโมยรถต้นแบบ รถโบราณ หรือตัวแข่งต่างๆไปทำลาย ไม่ว่าจะเป็นการเผา การทุบ หรือแยกชิ้นส่วน ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ก็ได้มีตัวแข่งที่กำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันจับความเร็วสูงสุดในประเทศอังกฤษจากทีม Holeshot Racing ถูกขโมยไปและกว่าจะพบอีกครั้งในมันก็โดนเผาเป็นถ่านไปซะแล้ว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในช่วงเช้าตรูวันที่ 18 สิงหาคม ซึ่งขณะนั้นทางทีม Holesho Racing กำลังพักผ่อนเพื่อเตรียมเข้าร่วมแข่งขันในช่วงกลางวันแล้วพบว่ารถตู้ที่บรรทุกตัวแข่ง Suzuki Hayabusa Turbo 3 คัน, จักรยานเสือภูเขา 3 คัน, ชุดแข่ง, หมวกกันน็อค, ล้อ/ยางสำรอง, และอุปกรณ์สำหรับเซอร์วิสต์ตัวรถชุดใหญ่ หายไปจากลานจอดรถของโรงแรม หลังจากนั้นไม่กี่วัน ตำรวจก็พบรถตู้คันดังกล่าวในสภาพถูกเผาทั้งคัน รวมสัมภาระภายในที่เรากล่าวไปก่อนหน้านี้แทบทั้งหมด เว้นก็แค่ตัวแข่งเพียง 1 คันเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกเผาไปด้วย และหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยค่าความเสียหายทั้งหมดคาดการณ์ไว้ว่าอยู่ที่ราวๆ 100,000 ยูโร หรือประมาณ 4,288,000 บาท ซึ่งประกันที่ทำไว้นั้นครอบคลุมแค่ตัวรถตู่ที่ถูกเผาเท่านั้น ไม่ได้รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆ และตัวแข่งที่ทางทีมลงทุนลงแรงไปกับมันแต่อย่างใด…
แม้ว่ากระแสข่าวก่อนหน้านี้จะระบุไว้ว่าเราคงไม่ได้เห็น All-New Suzuki Hayabusa ที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์แบบมีเทอร์โบชาร์จภายในปีนี้ หลังมีเอกสารยืนยันออกมาว่าทางค่ายจะยังคงใช้สเปคข้อมูลของเครื่องยนต์ลูกปัจจุบันยื่นจดทะเบียนกับกรรมควบคุมมลพิษเพื่อวางจำหน่ายในปีหน้า แต่ดูเหมือนว่านี่อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่เราจะได้เห็นเจ้าเครื่องยนต์ความจุ 1,340cc ในสารระบบของกรมควบคุมมลพิษ สาเหตุที่เราบอกแบบนั้นก็เพราะว่า ได้มีสื่อยุโรปนาม Asphaltandrubber ลงข้อมูลไว้ว่าทาง Suzuki มีแผนที่จะเปิดตัว Hayabusa ‘Turbo’ เพื่อทำตลาดในปี 2019 ดังนั้นเราอาจจะได้เห็นรูปโฉมตัวเป็นๆของมันตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 และแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่าเจ้า “เหยี่ยวอ้วน” รุ่นใหม่จะใช้เครื่องยนต์ขนาดความจุเท่าใดกันแน่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเค้าอาจจะใช้เครื่องยนต์ต้นแบบจากรถคอนเซปท์ Recursion ความจุ 588cc เป็นขุมกำลังหลักของตัวรถ อย่างไรก้็ตามสำหรับเราแล้ว ตัว All-New Suzuki Hayabusa ‘Turbo’ น่าจะมีความจุที่คงไม่หนีจาก 1,000cc ไปเท่าใดนัก เพราะถึงแม้จะมีระบบอัดอากาศเพิ่มเข้ามา แต่ขนาดความจุก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เครื่องยนต์สามารถปั่นแรงม้าและแรงบิดได้สูงพอที่จะทวงตำแหน่งเจ้าความเร็วคืนจาก ZX-14R ของค่ายแตนเขียว Kawasaki นั่นเอง ขอบคุณที่มา Asphaltandrubber อ่านข่าว Suzuki อื่นๆได้ที่นี่ เพื่อนๆ…
เนื่องในวาระครบรอบ 115 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ทาง Harley-Davidson ก็ได้ทำการเปิดตัวไลน์อัพตระกูล Softail รุ่นใหม่สำหรับทำตลาดในฐานะรุ่นปี 2018 รวมกันทั้งหมด 8 รุ่นด้วยกัน โดยชูจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่ล้ำสมัยและดุดันยิ่งขึ้น รวมไปถึงน้ำหนักตัวรถที่เบาลงและเครื่องยนต์ที่แรงกว่าเดิม โดยรุ่นย่อยของ Harley-Davidson ตระกูล Softail ที่เรากล่าวถึงนั้นเริ่มตั้งแต่ Fat Boy, Heritage Classic, Low Rider, Softail Slim, Deluxe, Breakout, Fat Bob, และ Street Rod ซึ่งพื้นฐานตัวรถทุกรุ่นที่เรากล่าวมานั้นได้รับการปรับปรุงโครงหลักตัวรถใหม่หมดจด ทั้งแข็งแรงทนทานแต่น้ำหนักเบา และเมื่อรวมกับการรีดน้ำหนักจากชิ้นส่วนอื่นๆแล้วก็ทำให้น้ำหนักโดยรวมของตัวรถเมื่อเทียบกับโฉมก่อนหน้านั้นจะเบากว่ากันถึงเกือบๆ 16 กิโลกรัมเลยทีเดียว ในขณะที่ตัวเครื่องยนต์ก็ใช้เป็นแบบ V-Twin ซีรียส์ใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้วอย่าง Milwaukee-Eight รุ่นความจุ 107 ลูกบาศก์นิ้ว หรือ 1,753cc ซึ่งมีแรงบิดสูงสุดถึง 147.7…
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการกันซักที หลังมีภาพ Spyshot ออกมาให้เห็นกันอยู่พักใหญ่สำหรับ 2017 Yamaha Fazer 25 สปอร์ตทัวร์ริ่งพื้นฐานเดียวกันกับ FZ-25 แน็คเก็ทไบค์ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์สูบเดียวระบายความร้อนด้วยอากาศรุ่นราคาประหยัดสำหรับชาวอินเดียโดยเฉพาะ สำหรับพละกำลังสูงสุดของตัวรถ Fazer-25 นั้นทาง Yamaha อินเดียยังคงเคลมไว้เท่าเดิมคือ 20.9 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แม้กระทั่งแรงบิดเองก็ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกันคือ 20 นิวตันเมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที และถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีเรี่ยวแรงอะไรมากมายนัก แต่ข้อดีของมันก็คือสามารถไปได้ไกลถึง 600 กว่ากิโลเมตร จากน้ำมันที่จุไว้เต็มถังเพียง 14 ลิตรเท่านั้น โดยจุดแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดบน Fazer-25 คือชุดแฟริ่งแบบรถสปอร์ตทัวร์ริ่งดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมติดตั้งชุดโคมไฟหน้า LED แบบใหม่, ชุดมาตรวัดฟูลดิจิตอลพร้อมแสดงผลอย่างครบครัน, ระบบกันสะเทือนปรับเซ็ทใหม่ให้มีความนุ่มนวลเหมาะกับการเดินทางไกลมากขึ้น, เบาะนั่งหุ้มวัสดุใหม่มีความหนืดมากขึ้น (กันลื่นนั่นเอง), และติดตั้งระบบ ABS ให้เป็นที่เรียบร้อย สำหรับราคาตั้งขาย Yamaha Fazer-25…
เงียบหายไปเกือบปีเลยทีเดียวกับข่าวคราวของว่าที่สปอร์ตทัวร์ริ่งซุปเปอร์ชาร์จ H2 GT จากค่าย Kawasaki ที่ในคราวนี้ทาง Young Machine ได้ปล่อยภาพ Render ที่ดูสมจริงมากขึ้นกว่าครั้งก่อนๆ พร้อมอัพเดทข้อมูลความเป็นไปอีกเล็กน้อยสำหรับตัวรถรุ่นนี้ โดยทางแหล่งข่าวได้ระบุข้อมูลไว้ว่า นอกจากชุดแฟริ่งโดยเฉพาะชุดวินชิลด์ที่ถูกออกแบบให้สามารถปรับระดับสูงต่ำได้แล้ว ในส่วนของไฟหน้าที่แต่เดิมเป็นแบบโคมโปรเจ็คเตอร์ตรงกลางเพียงโคมเดียวในรุ่น H2 จะถูกปรับดีไซน์ใหม่โดยการเพิ่มโคมไฟออกมาทางด้านข้างจากหลอดหลักอีกข้างละหนึ่งดวงในรุ่น H2 GT เพื่อใช้ตัวโคมดังกล่าวเป็นไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง ซึ่งใช้ระบบ IMU เป็นตัววัดและสั่งการ การเปิดปิดของโคมด้านข้างอีกทีหนึ่ง ในขณะที่ตัวเบาะนั่งสำหรับผู้ซ้อนเองก็ถูกเพิ่มเข้ามาด้วยเช่นกันดังที่จะเห็oได้จากในรูปภาพทั้งใบล่าสุด และใบก่อนหน้าที่ถูกเรนเดอร์ไว้เมื่อกลางปีที่แล้วเพื่อเน้นความเป็นรถมอเตอร์ไซค์แนวทัวร์ริ่ง ส่วนในเรื่องของ Riding-Position หรือท่านั่งของผู้ขับขี่ นั้นยังไม่มีข้อมูลใดๆออกมาในตอนนี้ แต่เราเชื่อว่าทาง Kawasaki ต้องปรับเปลี่ยนท่านั่ง H2 GT จากเจ้า H2 อย่างมากแน่ๆ เพราะไม่เช่นนั้นคงได้ปวดหลังกันตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขับข้ามจังหวัดแน่นอน ขอบคุณภาพจาก warungasep.net ชมภาพ Render เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ…
ขณะที่หลายคนกำลังให้ความสนใจในว่าที่ BMW F850GS รุ่นใหม่ที่กำลังทดสอบและมีภาพหลุดมาให้เห็นเป็นพักๆในตอนนี้ แต่ดูเหมือนว่าน้องสนิทอย่าง BMW F750GS นั้นเองก็กำลังจะได้เวลาเปิดตัวแบบตามมาติดๆด้วยเช่นกัน ดังที่เรากำลังจะได้เห็นจากภาพ Spyshot เหล่านี้ โดยภาพ Spyshot BMW F750GS ในครั้งนี้ ถูกดักถ่ายขณะทดสอบบนถนน ซึ่งมาด้วยกัน 3 คัน 3 สี ได้แก่ เหลือง, ขาว และ เทา โดยสิ่งที่เจ้า F750GS จะถูกปรับปรุงหรืออัพเกรดจากโฉมปัจจุบันอย่าง F700GS นั้นเรียกได้ว่าเป็นการปรับใหม่หมดทุกชิ้น ซึ่งแนวทางในการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คล้ายคลึงกับรุ่นพี่ F850GS ไม่ว่าจะเป็น เฟรมตัวถังอลูมิเนียมหล่อแบบใหม่ แทนที่เหล็กถักของเดิม, ย้ายตำแหน่งโซ่ขับเคลื่อนไปไว้ด้านซ้ายตามแบบรถมอเตอร์ไซค์ปกติทั่วไป ในขณะที่ท่อไอเสียก็ถูกย้ายไปไว้ด้านขวาและจัดระเบียบการวางแนวคอท่อใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่ช่องเก็บของใต้เบาะ, และเพิ่มขนาดความจุเครื่องยนต์ให้อยู่สูงขึ้นอีกเล็กน้อย จนสร้างแรงม้าสูงสุดได้แถวๆ 85 ตัว ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกนั้นก็จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่า มันดูมีความเฉียบคม, ปราดเปรียว, และเพรียวบางกว่าโฉมปัจจุบันอย่างมาก แต่ก็ยังถูกตัดกั้กออพชั่นไว้บ้างเพื่อลดต้นทุน เช่นคาลิปเปอร์เบรกแบบธรรมดาไม่ใช่เรเดียลเมาท์, ล้ออัลลอย,…