เชื่อว่ามีเพื่อนๆหลายคนไม่น้อยอยากได้เจ้า BMW HP4 Race ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในไฮเปอร์ไบค์ที่มีออพชั่นจัดเต็มที่สุดคันนึง โดยเฉพาะในเรื่องของส่วนควมต่างๆที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์แทบทั้งคัน อย่างไรก็ตามด้วยความที่เจ้า HP4 Race คันนี้ถูกสร้างมาเพื่อใช้ในสนามแข่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าใดนักที่ทาง BMW จะปรับแต่งเครื่องยนต์ของมันด้วยการจัดชิ้นส่วนภายในเกรดตัวแข่ง WSBK เข้าไปจนมันมีพละกำลังสูงสุดถึง 212 แรงม้าที่ 13,900 รอบ/นาที ซึ่งแน่นอนว่าด้วยการปรับแต่งระดับนี้ก็ย่อมส่งผลให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลงไปแบบน่าตกใจจนเหลือแค่เพียง 5,000 กิโลเมตรเท่านั้น หรือถ้าให้คำนวณคร่าวๆก็คือ เจ้าของสามารถใช้งานมันในสนามได้แค่เพียง 12 ครั้ง ต่อเครื่องยนต์หนึ่งลูกเท่านั้น (คิดตามค่าเฉลี่ยในการลงแข่งแบบเต็มรอบจริงๆจะใช้ระยะทางราวๆ 400 กว่ากิโลเมตรต่อหนึ่งสนาม ไม่นับรวมรอบซ้อมและควอลิฟาย) โดยข้อมูลที่ยังขาดอยู่ตอนนี้ก็คือ เราไม่สามารถระบุได้ว่าทาง BMW จะมีมาตรการหรือบริการรับรองยังไงกับอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ที่สั้นแค่นี้ แต่สำหรับเราแล้ว ดูเหมือนว่าวิธีแก้ไขปัญหาที่ดูจะเข้าท่าที่สุดน่าจะเป็นการเปลี่ยนเครื่องยนต์แบบยกลูก ซึ่งราคาเครื่องยนต์และการซ่อมบำรุงแต่ละครั้งคงไม่ใช่ถูกๆแน่นอน แต่เจ้าของเจ้า HP4 กว่า 750 คันทั่วโลกคงไม่เดือดร้อนอะไรกันหรอกครับ เพราะแต่เดิมราคาค่าตัวตั้งต้นแบบไม่รวมภาษีของมันก็สูงระดับหลักเกือบ 3 ล้านเข้าไปแล้ว อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ…
Author: admin
ประกาศราคาตั้งขายก็แล้ว มีคนประมูลจนตัวเลขมูลค่าพุ่งสูงทะลุหลักห้าหมื่นล้านก็แล้ว ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มใดๆออกมาว่าทาง Volkswagen Group จะตกลงปลงใจขาย Ducati ให้ใครซักที แม้ว่าก่อนหน้านี้พึ่งจะมีข่าวลือว่าใกล้จะปิดดีลกับยักษ์ใหญ่อินเดียอยู่หยกๆก็ตาม แต่ล่าสุดสื่อรายเดิมอย่าง Reuters ได้ออกมาให้ข้อมูลอีกครั้งว่า ในตอนนี้ทาง Volkswagen อาจจะพิจารณาไม่ขาย Ducati (ซะงั้น) เนื่องจากกว่าครึ่งของบอร์ดบริหารมีความเห็นว่าไม่ควรปล่อยยอดแบรนด์อิตาลีออกไป เพราะถึงแม้ว่าผลจากปัญหาโกงค่ามลพิษจะยังมีอยู่ในปัจจุบันก็จริง แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาเท่าช่วงแรกๆแล้ว เนื่องจากยอดขายโดยรวมของพวกเค้าก็กระเตื้องขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งยอดหนี้สินที่ต้องชดใช้ให้กับลูกค้าก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ติดลบจนต้องรีบหาเงินมาโปะโดยด่วน และอีกสาเหตุหนึ่งสำคัญก็คือ ยอดขายหลักของแบรนด์ Ducati นั้นกระเตื้องขึ้นเรื่อยๆในช่วงหลัง จนแทบจะเป็นแบรนด์ต้นๆในเครือที่สร้างผลกำไรได้เป็นกอบเป็นกำให้กับบริษัท ดังนั้นการขายออกไปเพื่อนำเงินมาโปะหนี้แบบฉาบฉวยจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก ทางบอร์ดบริหาร Volkswagen กลุ่มดังกล่าวจึงคิดว่าการเก็บแบรนด์มอเตอร์ไซค์จากอิตาลีไว้ในเครือต่อไปเป็นผลที่ดีกว่าในระยะยาว ขอบคุณที่มา Reuters อ่านข่าวสาร Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
กลับมาอีกครั้งกับภาพ Spyshot เพิ่มเติมของว่าที่ 2018 BMW S1000RR รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าในตอนนี้ทางค่ายกำลังจะปรับโฉมแบบใหม่ทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้เรามีเพียงแค่ภาพที่ถ่ายไว้จากทางด้านข้างเท่านั้น แต่ในคราวนี้จะมีมุมเยื้องทางด้านหลัง และมุมด้านหน้าตัวรถเพิ่มเข้ามาให้เพื่อนๆได้วิเคราะห์รายละเอียดไปพร้อมๆกัน อย่างไรก็ตามเราขอเริ่มจากการดูภาพด้านข้างมุมเดิมกับที่เสนอไปเมื่อเดือนที่แล้วซะก่อน โดยจุดที่พอสังเกตได้เพิ่มเติมจากครั้งก่อนก็คือขนาดโดยรวมตัวรถซึ่งมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อยรวมไปถึงระยะฐานล้อที่สั้นลงอีกด้วย (ข้อมูลตรงนี้ทางช่างภาพได้บอกไว้) ขยับมาที่มุมด้านหน้ากันบ้าง ซึ่งจุดนี้จะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่าใน BMW S1000RR Prototype คันนี้ถูกติดตั้งชุดไฟหน้าให้เป็นแบบโปรเจคเตอร์ LED ขนาดเล็กแบบสมมาตรเท่ากันทั้งสองข้าง โดยถูกแบ่งตรงกลางด้วยช่องแรมแอร์ดีไซน์แทบจะเหมือนเดิมเป๊ะๆกับโฉมปัจจุบัน ในขณะที่เส้นสายแฟริ่งด้านหน้ามีความบึกบึนมากขึ้น พร้อมกันนั้นยังย้ายตำแหน่งการติดตั้งกระจกมองข้างที่มีโคมไฟเลี้ยวอยู่ในตัวให้ขยับสูงขึ้นอีกนิด กลับมาที่มุมด้านหลังกันบ้าง จากมุมนี้จะเห็นได้ว่าชุดเบาะคนซ้อนมีความหนากว่าเดิม แต่กลับถูกตัดลดความยาวด้านท้ายจนเกือบกลายเป็นทรงเดียวกับตัวแข่งทั้งหลาย และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงก็ๆไม่ได้คือชุดซัมเฟรมโครงถักซึ่งเราอาจจะต้องมาดูกันในภายหลังว่ามันทำจากวัสดุอะไรกันแน่ เสริมอีกนิดด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างชุดหน้าจอ ที่ถ้าหากว่าเราไม่สังเกตก็อาจจะไม่เห็นเลยทีเดียว แต่ถ้าลองเพ่งดีๆก็จะเห็นได้ว่ามันเป็นแบบฟูลดิจิตอลขนาดใหญ่ตามสมัยนิยมเรียบร้อยแล้ว ส่วนกำลังแรงม้าของเครื่องยนต์ลูกใหม่นั้นคาดว่าจะสูงถึง 205 Bhp เลยทีเดียว ทั้งๆที่มันต้องผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5 ให้ได้ในปี 2020 ขอบคุณที่มา MCN ชมภาพ Spyshot เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers…
หลังจากที่เคยมีภาพเรนเดอร์จากทางสื่อประเทศญี่ปุ่นปล่อยออกมาให้ได้รับชมเมื่อ 7 เดือนก่อน ล่าสุดก็มีข้อมูลความเป็นไปได้อื่นๆที่จะเกิดขึ้นกับ Honda Goldwing รุ่นปี 2018 ซึ่งมีทั้งการปรับปรุงเครื่องยนต์ลูกใหม่ ระบบอิเล็กทรอกนิกส์อีกชุดใหญ่และระบบกันสะเทือนหน้าที่เพื่อนๆกำลังจะได้เห็นต่อจากนี้ จากข้อมูลล่าสุดได้ระบุไว้ว่าทาง Honda จะทำการติดตั้งระบบกันสะเทือนหน้าใหม่ทรงกัลล์วิงให้ Goldwing รุ่นถัดไปซึ่งเมื่อดูหลักการทำงานเผินๆแล้วก็มีความคล้ายคลึงกับของทาง BMW ที่เคยใช้ในรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล K1600 อยู่ไม่น้อย ส่วนเครื่องยนต์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าทางค่ายจะเลือกปรับปรุงเครื่องยนต์ 6 สูบนอนของเดิม หรือสร้างเครื่องยนต์ 4 สูบไฮบริดลูกใหม่เพื่อให้ผ่านมาตรฐาน Euro5 ที่เข้มงวดกว่า Euro4 กว่าเท่าตัวได้ง่ายกว่าอย่างใดกันแน่ แต่สิ่งนึงที่ทาง Honda จะต้องติดตั้งเข้ามาแน่นอนคือระบบเกียร์คลัชท์คู่หรือ DCT ซึ่งอาจจะมีถึง 7 สปีดด้วยกัน และชุดเกียร์ถอยหลังอีกหนึ่งระดับให้อีกด้วย ด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างแทรคชั่นคอนโทรล, เอนจิ้นแมพ, Cornering ABS, และระบบกันสะเทือน Semi-Active ก็ยัดมาให้อย่างครบครัน ซึ่งค่าการปรับเช็ทต่างๆจะแสดงบนหน้าจอแสดงผลฟูลดิจิตอลทั้งหมด แถมผู้ขับขี่ยังสามารถปรับค่าต่างๆได้ด้วยปุ่มและวงล้อหมุนที่ประกับซึ่งสะดวกอย่างมาก เรียกได้ว่าการปรับโฉมของราชาทัวร์ริ่งไบค์ขนาดยักษ์ในปี 2018 ครั้งนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะถ้าหากทาง…
Triumph เตรียมประกาศรีคอลล์รถมอเตอร์ไซค์ของทางค่ายอีกครั้ง หลังมีการแจ้งจาก NHTSA ว่ารถมอเตอร์ไซค์รุ่น Street Cup โฉมปี 2017-2018 อาจจะมีปัญหาไฟผ่าหมากขัดข้องเนื่องจากความผิดพลาดในการติดตั้งสายไฟ โดยปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ที่ผู้ขับขี่ทำการหักเลี้ยวแฮนด์ เนื่องจากทาง Triumph ติดตั้งสายไฟที่เชื่อมต่อกับสวิทไฟผ่าหมากไว้ตึงหรือสั้นเกินไป ทำให้สายไฟพร้อมจะหลุดได้ทุกเมื่อทันทีที่หักเลี้ยว ซึ่งแม้ว่าปัญหาจะนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนักในยามขับขี่ปกติ แต่ทันทีที่ผู้ขับขี่ต้องการใช้ไฟผ่าหมากเพื่อขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่ามันจะส่งปัญหาในทันทีเพราะไม่สามารถเรียกใช้ได้ สำหรับวิธีแก้ปัญหานั้นทาง Triumph จะทำการติดตั้งสายไฟชุดใหม่ซึ่งมีความยาวมากกว่าเดิม โดยในตอนนี้พวกเค้าได้เริ่มเปิดให้กลุ่มลูกค้าในอเมริกาที่ครอบครอง Street Cup จำนวนทั้งหมด 635 คันนำตัวรถรุ่นดังกล่าวมาเข้ารับบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้นเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ขอบคุณข้อมูลจาก NHTSA อ่านข่าว Triumph เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าวสาร Recall เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
หลักจากที่วันก่อนเราได้นำเสนอข่าว Kawasaki JP ทำการปรับเปลี่ยนเฉดสีใหม่ของ Z1000, Versys-X 250, และ ZX-10R สำหรับทำตลาดในปี 2018 ไปแล้ว วันนี้เราจะข้ามฝั่งไปทางฝากของ Kawasaki EU กันบ้าง โดยพวกเค้าได้ทำการปล่อยภาพการอัพเดทเฉดสีใหม่ทีเดียวถึง 5 รุ่น รวมเป็นทั้งหมด 12 แบบให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกัน โดยในคราวนี้เราจะเริ่มจาก 2018 Z1000 อีกเช่นเคย ซึ่งทางฝั่ง Kawasaki EU ก็ได้ทำการปรับเฉดสีของเจ้าแรดพันใหม่ให้มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับทางฝั่งญี่ปุ่น แต่พวกเค้ายังเพิ่มเฉดสีมาอีกหนึ่งแบบให้กับลูกค้าที่อยากเปลี่ยนแนวจากเอกลักษณ์ของทางค่ายบ้าง ซึ่งก็คือสี เทา/น้ำเงิน และแน่นอนว่ารวมถึงการติดตั้งชุดไฟเลี้ยวแบบ LED ชุดใหม่เข้าไปด้วย ในขณะที่ฝั่งสปอร์ตทัวร์ริ่งไบค์อย่าง 2018 Z1000SX ก็ถูกเพิ่มพื้นที่สีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์คล้ายกับตัวแน็คเก็ทด้วยเช่นกันแต่ตัดความจี้ดจ๊าดลงเล็กน้อยด้วยกาบข้างสีเทา ตามด้วยชุดสีเงิน/ดำ เสริมลุคเรียบหรู และดำเงา/ดำด้านซึ่งให้ความดุดันมากขึ้นรวมเป็น 3 แบบสำหรับรุ่นนี้ ด้านแอดเวนเจอร์ไบค์ยอดนิยมอย่าง 2018 Versys 650 เองก็ไม่น้อยหน้านำเด่นมาด้วยเฉดสีใหม่สีเขียวขี้ม้าด้านตัดดำ…
Ducati ปรับตัวเลขแรงม้าที่แสดงไว้หน้าเว็บไซต์ตนเอง ของรถมอเตอร์ไซค์ทุกโมเดลใหม่ เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวไม่ตรงกันกับที่แจ้งไว้ในเอกสารยื่นจดทะเบียนในยุโรป ซึ่งแนวโน้มของตัวเลขแรงม้านั้นมีจำนวนลดลงแทบทุกรุ่นตั้งแต่ 2 – 10 แรงม้าเลยทีเดียว โดยสาเหตุที่ตัวเลขแรงม้าที่ระบุไว้หน้าเว็บกับในเอกสารยื่นจดทะเบียนไม่ตรงกันนั้นเป็นเพราะว่า ทาง Ducati ใช้ตัวเลขแรงม้าที่วัดได้จากล้อหลัง (Chasis Dyno) แสดงไว้หน้าเว็บ ส่วนตัวเลขแรงม้าที่ยื่นให้กับทางกรมขนส่งยุโรปนั้นเป็นตัวเลขที่วัดได้จากเครื่องยนต์โดยตรง (Engine Dyno) โดยตัวเลขที่เปลี่ยนไปในแต่ละรุ่นนั้นมีทั้งหมดดังนี้ – 959 Panigale : จากเดิม 157 แรงม้า เหลือ 150 แรงม้า – 1299 Panigale : จากเดิม 205 แรงม้า เหลือ 197 แรงม้า – 1199 Panigale R : จากเดิม 205 แรงม้า เหลือ 196…
อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ทาง Kawasaki Japan กำลังทยอยเปิดตัว ไลน์อัพมอเตอร์ไซค์ใหม่สำหรับทำตลาดในปีหน้า โดยในคราวนี้ก็เป็นทีของ 2018 Z1000 สปอร์ตแน็คเก็ทไบค์รุ่นดังของค่ายที่มาพร้อมกับเฉดสีใหม่และการอัพเดทชิ้นส่วนอีกเล็กน้อยหลังทำตลาดมาได้ 3 ปีเข้าให้แล้ว สำหรับเฉดสีหลักของ Kawasaki Z1000 รุ่นปี 2018 นั้นจะกลับมาเพิ่มพื้นที่สีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์เดิมของทางค่ายอีกครั้งหลังจากที่ในปีก่อนหน้าทำตลาดด้วยการเน้นสีดำและแซมด้วยสีเขียวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนลายกราฟฟิคนั้นแทบไม่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมมากมายนัก ถ้าไม่มานั่งจับสังเกตุดีๆ ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดนอกจากพื้นที่สีก็คือชุดไฟเลี้ยวหน้าหลัง ที่ในที่สุดทางค่ายก็ติดตั้งหลอดแบบ LED มาให้แทนหลอดฮาโลเจนของเดิม สำหรับวันเวลาในการวางจำหน่ายนั้น ทาง Kawasaki Japan ได้ระบุไว้ว่าพวกเค้าจะส่งมอบ 2018 Z1000 ให้กับทางดีลเลอร์ภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 เดือนกันยายนเป็นต้นไป พร้อมเพิ่มราคาขึ้นอีก 5,400 เยนหรือราวๆ 1,625 บาท จนมีตัวเลขกลมๆที่ 1,520,000 เยน หรือราวๆ 457,600 บาท อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers…
Kawasaki Japan เปิดตัวเฉดสีใหม่สำหรับโมเดลในเครือหลายรุ่นด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นเป็น ADV Bike ไซส์เล็กสูดของค่ายอย่าง 2018 Versys-X 250 (Versys-X 300 ในบ้านเรา) ซึ่งได้รับการปรับลวดลายใหม่พร้อมกันทั้งรุ่นมาตรฐานและรุ่น Tourer เริ่มกันก่อนด้วย Versys-X 250 รุ่นมาตรฐานที่ยังคงใช้สีหลักเป็นสีเขียวเช่นเดิมแต่ในรุ่นปี 2018 นั้นจะถูกปรับให้เฉดสีออกไปทางเขียวขี้ม้า แทนสีเขียวสว่างสดไสของเดิม และเปลี่ยนลายกราฟฟิคใหม่ซึ่งฟรอนท์ตัวหนังสือแบบนี้จะเป็นฟรอนท์ที่ถูกนำไปใช้กับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆที่ใช้สีเขียวของทางค่ายอีกด้วย ในขณะที่รุ่นพร้อมออกศึกเต็มยศอย่าง 2018 Versys-X 250 Tourer จะมาด้วยกราฟฟิคลายดิจิตอลซึ่งทาง Kawasaki ได้จับสกรีนทับแทบทั้งคัน เหลือไว้ก็แค่เพียงถังน้ำมันและบังโคลนหน้าเท่านั้นที่ยังคงเป็นสีดำเงาธรรมดา ซึ่งเฉดสีบนบังโคลนนี้คือเฉดที่จะเป็นออพชั่นพื้นฐานให้กับเจ้านี่ทั้ง 2 รุ่นย่อย ส่วนเครื่องยนต์ 2 สูบเรียงขนาดความจุ 248cc ติดรถนั้น ยังคงมีพละกำลังสูงสุดที่ 33 แรงม้า (PS) และแรงบิด 21 นิวตันเมตรเช่นเดิมแม้กระทั่งระบบเกียร์และระบบแอสซิสสลิปเปอร์คลัทช์ก็ยังไม่ได้รับการปรับปรุงใดๆมากมายนักจากรุ่นปี 2017 สำหรับราคาเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นนั้น 2018 Versys-X…
เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับชาว Ducatisi ที่กำลังใช้ซุปเปอร์ไบค์รุ่นท็อปอย่าง 1299 Panigale เพราะล่าสุดทาง Ducati ได้ประกาศเตรียมเปิดการอัพเดทชุดโปรแกรมแทรคชั่นคอนโทรล DCT EVO ซึ่งตามปกติแล้วจะมีมาให้ในไฮเปอร์ไบค์อย่าง 1299 Panigale S Aniversario เท่านั้น สำหรับระบบ Ducati Traction Control EVO หรือ DTC EVO นั้นเป็นระบบแทรคชั่นคอนโทรลที่ทางค่ายพัฒนาโดยใช้ระบบอัลกอริทึมของตัวแข่ง MotoGP และ WSBK เป็นตัวตั้งต้น ส่งผลให้ความละเอียดและความไวในการจับอาการและแก้อาการตัวรถนั้นดีขึ้นไปอีกขั้น นอกจากนี้ตัวผู้ใช้ยังสามารถปรับระดับการทำงานได้ละเอียดยิ่งขึ้นกว่าของเดิมที่อยู่ใน 1299 Panigale รุ่นธรรมดาอีกด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับการอัพเดทโปรแกรมในครั้งนี้ทาง Ducati ไม่ได้จะอัพเดทให้ฟรี ดังนั้นเจ้าของจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวน 373.67 ยูโร หรือราวๆ 16,400 บาทซะก่อนจึงได้สิทธิในการอัพเดทครั้งนี้ โดยจะมีแค่เพียงรถ 1299 Panigale รุ่นปี 2015 และ 2016…