Suzuki เปิดตัว RM-Z450 ตัวแข่งโมโตครอสรุ่นอัพเดทสำหรับทำตลาดในปี 2018 โดยในการปรับปรุงครั้งนี้เรียกได้ว่าจัดเต็ม เพราะมีทั้งโครงสร้างตัวรถแบบใหม่, ปรับปรุงเครื่องยนต์, และระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเหลือผู้ขับขี่เต็มขั้น สำหรับโครงสร้างแบบใหม่นั้นหลักๆจะเน้นไปที่การรีดน้ำหนักให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งผลลัพท์ก็คือการหั่นน้ำหนักออกไปราวๆ 700 กรัม ที่โครงหลักตัวรถ และอีก 100 กรัม ที่สวิงอาร์ม ซึ่งแม้ว่าตัวเลขอาจจะดูไม่สูงมากมายนัก แต่มันก็ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมและลดภาระของของผู้ขับขี่ได้พอสมควร ในขณะที่ระบบกันสะเทือนก็ได้รับการปรับเปลี่ยนไปใช้ของ Showa ทั้งด้านหน้าที่เป็นแบบหัวกลับ และโช้กแก๊สเดี่ยวด้านหลังที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Balance Free Unit ส่วนเครื่องยนต์แม้ทาง Suzuki จะไม่ได้บอกว่าปรับปรุงอะไรบ้าง แต่ก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าเจ้าโมโตครอสรุ่นปรับโฉมคันนี่จะมีอัตราการตอบสนองต่อคันเร่งที่ว่องไวขึ้นอย่างแน่นอน ด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทาง Suzuki ก็จัดมาให้ทั้งโหมดการขับขี่ที่สามารถเลือกได้ว่าจะใช้สำหรับสถานการณ์ไหนระหว่างพื้นผิวถนนแห้งกับถนนเปียก ตามด้วยระบบควบคุมการยึดเกาะซึ่งช่วยให้การทำงานของสองโหมดก่อนหน้ามีความสมดุลยิ่งขึ้น แม้กระทั่งหน้าจอแสดงผลอัตราการเปิดคันเร่ง และอัตราการหมุนฟรีของล้อหลังก็ยังติดตั้งมาให้ อ่านข่าว Suzuki อื่นๆได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
Author: admin
Hesketh บริษัทผู้ผลิตจากอังกฤษเปิดตัวมอเตอร์ไซค์หัวใจยักษ์รุ่นใหม่ Hesketh “Sonnet” ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์สไตล์ Café Racer โดยเป็นการต่อยอดจากรถมอเตอร์ไซค์หนึ่งที่เคยสร้างชื่อให้กับค่ายของเค้าเมื่อ 2 ปีที่แล้วอย่างเจ้า “24” โดยจุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดของ Hesketh Sonnet คันนี้ก็คือเครื่องยนต์ V-Twin จากสำนัก S&S ประเทศอเมริกาที่มีความจุสูงถึง 2,100 cc ซึ่งช่วยให้มันสามารถปั่นแรงบิดสูงถึง 207.8 นิวตันเมตร ด้วยรอบเครื่องยนต์เพียง 3,000 รอบ/นาที และมีแรงม้าสูงสุดที่ 145 Bhp ด้วยรอบเพียง 6,000 รอบ/นาทีเท่านั้น และเพื่อความแข็งแรงทาง Hesketh จึงเลือกใช้วัสดูเหล็กโครโมลี่นำมาทำเป็นโครงสร้างตัวรถ Sonnet และเสริมความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าหลังจาก K-Tech ตามด้วยชุดเบรกโมโนบล็อกจาก Brembo ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก ก็อย่างที่เราได้กล่าวไปในขั้นต้นแล้วว่า Hesketh Sonnet จะมาในรูปแบบของรถมอเตอร์ไซค์ Café Racer ดังนั้นมันจึงได้รับการตกแต่งด้วยแฮนด์หมอบจับใต้แผงคอ, เบาะหนังคุณภาพเยี่ยม, บังโคลนชุบโครเมียม,…
ในปัจจุบันนี้มีผู้ที่สนใจหันมาขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก หลายคนอาจจะเพิ่งมาหัดเที่ยวด้วยรถ 2 ล้อ อาจจะไม่ได้มีรถ Bigbike ด้วยซ้ำไป แต่ก็มีจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในการขี่ท่องเที่ยวสไตล์ Touring นักเดินทาง และถ้าพวกเขาเริ่มต้นอยากจะมีรถ 2 ล้อสักคันเพื่อใช้เดินทางได้จริง แต่ต้องขี่ง่ายควบคุมง่าย ในราคาที่จับต้องได้ด้วย! มาวันนี้ MotoRival เราขอพาทุกท่านมาชมรถ Kawasaki Versys-X 300 ตะลุยทริปวังเวียง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกันว่า รถ 300cc ก็เดินทางข้ามประเทศได้จริง! เมื่อวันที่ 23-25 มิถุนายน ที่ผ่านมาทาง Kawasaki Motors Thailand ได้จัดทริปขับขี่ข้ามประเทศจากจังหวัด อุดรธานี-วังเวียง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งแอดมินได้รับเกียรติไปร่วมทดสอบสมรรถนะของเจ้า Versys-X 300 รถ Touring Adventure ในครั้งนี้ด้วยทางเราจะขอมารีวิวให้เพื่อนๆ ผู้สนใจรับชมกันครับ รูปลักษณ์ – ไฟหน้า Versys-X 300 เป็นแบบหลอด รูปทรงทางด้านหน้า…
“ควิกชิฟเตอร์” (Quickshifter) ชื่อนี้อาจจะดูคุ้นหูใครหลายคนอยู่พอสมควร โดยเฉพาะกับเพื่อนๆที่ชื่นชอบในรถมอเตอร์ไซค์สายสปอร์ต เพราะมันถือว่าเป็นออพชั่นเด็ดอันดับต้นๆที่สปอร์ตไบค์หรือซุปเปอร์ไบค์ยุคใหม่ควรมีเลยทีเดียว แล้วคำถามคือมันดียังไง ? มันมีประโยชน์มากหรือไม่ ? เรามาทำความเข้าใจกันเลยดีกว่าครับ ควิกชิฟเตอร์ ถูกออกแบบมาเพื่ออะไร ? คำตอบก็คือ เจ้าควิกชิฟเตอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น เพราะโดยปกติแล้วก็อย่างที่เราทราบกันดีว่าถ้าหากเราขับขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยรูปแบบปกติ ในขณะที่เราต้องการจะเชนจ์เกียร์ (ไม่ว่าเพิ่มหรือลด) แต่ละครั้งนั้น เราจะต้องทำการผ่อนคันเร่งชั่วขณะหนึ่ง และกำคลัชท์เพื่อตัดกำลังที่ถูกส่งมาจากแครงก์ชาฟ (เพลาข้อเหวี่ยง)ออกจากเฟืองเกียร์ซะก่อน เราถึงจะทำการงัดเกียร์ขึ้นลงได้ เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระชากระหว่างฟันเกียร์ จนฟันเฟืองแตกออกทีละนิดๆ ซึ่งระยะเวลาที่เราต้องเสียไปกับการ ผ่อน-กำ-เตะ-ปล่อย นั้นต่อให้เป็นระดับมืออาชีพจริงๆก็ต้องมีตัวเลขเกือบ 1 วิให้เห็น แต่เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้จะช่วยให้จังหวะ ผ่อน-กำ-ปล่อย หายไป จะเหลือก็แค่เพียงจังหวะ เตะเท่านั้นที่ต้องทำเพื่อการเข้าเกียร์แต่ละครั้ง เพราะมันคอยจัดการตัดกำลังให้แล้วเรียบร้อย (แต่จะจัดการยังไงนั้น เราขออุบไว้อธิบายแบบละเอียดยิบอีกครั้งในบทความต่อๆไป) ซึ่งมันทำให้รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเราเสียจังหวะในการเร่งทำความเร็วต่ออาจจะแค่เพียงไม่ถึง 0.5 วินาทีต่อครั้งด้วยซ้ำ ดังนั้น ข้อดีของการติดตั้ง “ควิกชิฟท์เตอร์” ก็คือมันจะช่วยลดเวลาจากการเสียจังหวะเพราะเชนจ์เกียร์แต่ละครั้ง ซึ่งจะเห็นผลอย่างมากกับการใช้งานในสนามแข่งประเภทเซอร์กิต เพราะถึงแม้ว่ามันจะลดเวลาได้แค่หลักเสี้ยววิ แต่อย่าลืมว่าในการแข่งขันหนึ่งรอบสนาม เราไม่ได้เชนจ์เกียร์แค่ 5…
ในวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มนักปั่นจักรยานกว่า 100 คันจัดงานปั่นการกุศลขึ้น โดยมีระยะทางในการปั่นกว่า 69 ไมล์ (ราวๆ 111 กิโลเมตร) เพื่อระดมทุนให้กับกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยครอบครัวของ Nickey Hayden เจ้าของหมายเลข 69 บนสนามแข่งขันที่พึ่งเสียชีวิตไปไม่นานมานี้ สำหรับเป้าหมายหลักของการจัดตั้งกองทุน “Nicky Hayden Memorial Fund” ขึ้นนั้นก็เพื่อระดมเงินบริจาคไว้ช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาศในลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ หรือก็คือเด็กที่อยู่ในบ้านเกิดเดียวกันกับนักแข่งอดีตแชมป์โลกการแข่งขัน MotoGP ปี 2006 ผู้ล่วงลับไปแล้วนั่นเอง และหากเพื่อนๆคนไหนสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านข้อมูลได้ที่ลิ้งค์ตรงนี้ได้เลยครับผม เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
MV Agusta เปิดตัวอีกหนึ่งเวอร์ชั่นพิเศษของ Brutale 800 ที่จะใช้ชื่ออันสุดแสนเรียบง่ายแต่ได้ใจความว่า “America” สำหรับข้อแตกต่างของ Brutale 800 “America” ที่ไม่เหมือนกับรุ่นมาตรฐานก็คือ ชุดสีรอบคันที่ถูกคุมโทนหลักอยู่ 3 สีด้วยกัน ได้แก่ น้ำเงิน/ขาว/แดง และตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยด้วยบังโคลน และแผงครอบมาตรวัดด้านหน้า ซึ่งอันที่จริงแล้วนี่คือโทนสีที่ทาง MV Agusta เคยใช้มาแล้วกับรุ่น 750S ที่เคยผลิตเมื่อปี 1973 และเพื่อความพิเศษอีกขั้น ทางค่ายจึงประทับตราสัญลักษณ์ประจำรุ่นไว้ที่แผงข้างหม้อน้ำ และเลเซอร์กัดแผงคอเป็นตัวเลขเพื่อบอกลำดับการผลิตของตัวรถ MV Agusta Brutale 800 “America” จากจำนวนทั้งหมด 50 คัน พร้อมสนนราคาค่าตัวแบบไม่เกินงานจนเกินไปที่ 14,998 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 508,700 บาท อ่านข่าว MV Agusta เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ…
เกือบหนึ่งปีเข้าให้แล้วนับตั้งแต่ทางคณะกรรมการการแข่งขัน MotoGP ได้มีการพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะใช้ระบบสื่อสารกับนักบิดขณะแข่งขัน หรือจะว่าง่ายๆก็คือ “การส่งข้อความให้กับนักบิดโดยตรงผ่านหน้าจอแสดงผลของตัวรถ” โดยล่าสุดได้มีข้อมูลออกมาแล้วว่าทางคณะกรรมการได้กลับมาหารือกันอย่างจริงจังอีกครั้งในช่วงสัปดาห์แข่งขันที่ผ่านมาในสนาม Assen ประเทศเนเธอร์แลนด์และได้มติขณะประชุมที่สนาม Sachsenering ประเทศเยอรมันนีเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า พวกเค้าอนุมัติให้ใช้ระบบดังกล่าว โดยจะมีการ “เปิดให้ใช้แบบเต็มระบบได้ในฤดูกาล 2018 เป็นต้นไป” สาเหตุที่เราต้องใช้คำว่าเต็มระบบนั้นก็เพราะว่าอันที่จริงแล้ว ระบบนี้ได้มีการทดลองใช้กับการแข่งขันมาได้สักพักแล้ว แต่ตัวระบบยังเปิดให้ใช้ได้แค่ฟังก์ชั่นแจ้งเตือนสัญญาณธงแดง และธงดำให้กับนักแข่งในสนามเท่านั้น ซึ่งฟังก์ชั่นจริงๆที่ทีมแข่งอยากได้คือการสื่อสารข้อความกับนักบิดที่หลายหลายมากกว่านี้ ยกตัวอย่างเช่น ระยะห่างจากคู่แข่ง ช่วงเวลาเหมาะสมในการเปลี่ยนยางกรณีฝนตก หรือทีมออเดอร์อื่นๆ ซึ่งช่วยให้นักบิดไม่ต้องพลาดการสื่อสารกับทีมจนผิดแผนเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นระหว่างฤดูกาลที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามจะมีแค่เพียงทีมแข่งในรุ่น Moto3 และ MotoGP เท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ในการใช้ระบบดังกล่าวสำหรับปี 2018 เพราะระบบนี้จะต้องใช้หน้าจอแสดงผลและกล่อง ECU กลางที่รองรับฟังก์ชั่นนี้ได้ ซึ่งไม่เหมือนกับรุ่น Moto2 ที่ใช้ ECU ของ Honda เป็นหลัก ดังนั้นกว่าที่เราจะได้เห็นนักบิดในรุ่น Moto2 สามารถใช้ระบบนี้ได้อาจจะต้องรอจนกว่าทาง Triumph จะเข้ามาเป็นซัพพลายเออร์แทน Honda ในปี 2019 เพราะเครื่องยนต์…
ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นสำนักแต่งนำเจ้า Ducati Xdiavel มาทำการตกแต่งในลักษณะของการคัสตอมแบบเดียวกับที่สำนัก Fred Krugger จากเบลเยียมทำ และได้ผลลัพท์เป็น Thiverval คันนี้ โดยในส่วนคอนเซปท์ในการออกแบบนั้น เจ้า The Thiveral จะต้องสื่อถึงความเป็นครุยเซอร์พละกำลังสูง และมีรูปลักษณ์โดดเด่นหน้ามอง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ XDiavel อยู่แล้ว และในคราวนี้ทาง Krugger ก็ได้จัดระเบียบเส้นสายภายนอกใหม่หมดอย่างเช่นถังน้ำมันและแฟริ่งด้านข้าง ซึ่งเผยให้เห็นแครงเครื่องยนต์ด้านขวาอย่างชัดเจน แต่กลับบดบังเฟรมถักซะเกือบมิด ในขณะที่ช่วงเบาะหลังถูกออกแบบให้ใช้เส้นสายเดียวกับที่ถูกลากมาจากด้านหน้า โดยแฝงความเป็นคลาสสิคเล็กน้อยด้วยช่วงท้ายรูปทรงคางหมู และออกแบบท่อไอเสียให้ปลายออกล่างไฟท้ายแทนที่จะเป็นใต้ท้องรถเช่นเดิม ด้านบอดี้พาร์ทอื่นๆรอบคันก็ถูกตกแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อให้ลุคของรถดูมีความเคร่งขรึมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับงานออกแบบชิ้นนี้ ที่จริงแล้วทาง Ducati ได้เป็นคนมอบหมายงานให้กับทาง Krugger เอง เพื่อนำตัวรถไปจัดแสดงในงาน XDiavel World ที่จะขัดขึ้นในสนาม Belgian Circuit ประเทศเบลเยี่ยมระหว่างวันที่ 1 และ 2 กรกฏาคม นั่นเอง อ่านข่าว Ducati เพิ่มเติมได้ที่นี่…
Moto Guzzi หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตจากอิตาลีประกาศรีคอลล์รถมอเตอร์ไซค์จากลูกค้าของตนเองในอเมริกาทีเดียว 5 รุ่น ได้แก่ โมเดล V7 3 รุ่น ประกอบด้วย V7 III Racer, V7 III Stone, V7 III Special และ V9 2 รุ่น ประกอบด้วย V9 Bobber, และ V9 Roamer ที่ผลิตในช่วงปี 2016-2017 จำนวนรวมกัน 1,139 คัน จากปัญหาระบบเบรก จากข้อมูลที่ระบุไว้ในเอกสารของทาง NHTSA ระบุไว้ว่า ตัวสายเบรกหน้าที่เชื่อมต่อกับกล่องควบคุม ABS ของรถทั้ง 5 รุ่นมีโอกาศที่จะไปสัมผัสกับท่อสำหรับเพิ่มอากาศหลังเผาไหม้ที่เชื่อมต่อกับท่อไอเสียอีกทีหนึ่ง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการละลายของสายเบรก และศูนย์เสียแรงดันของน้ำมันเบรกอย่างรวดเร็วเพราะน้ำมันซึม สำหรับวิธิแก้ปัญหานั้นทาง Piaggio (บริษัทแม่ของ Moto Guzzi) ได้ระบุไว้ว่าพวกเค้าจะทำการเปลี่ยนสายเบรกให้ใหม่พร้อมทำการหาฉนวนหุ้มเสริมอีกชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวสายเบรกสัมผัสกับท่อดังกล่าวอีก อ่านข่าว…
หลุดออกมาเห็นบ่อยขึ้นจริงๆสำหรับว่า Ducati V4 Superbike รุ่นใหม่ ที่มีข่าวจกหลายสำนักรายงานว่าทางค่ายกำลังจะเปิดตัวอย่างเร็วที่สุดก็ในช่วงเดือนกรกฏาคมนี้ แต่จากที่ดูความไปได้แล้วน่าจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนที่งาน EICMA Show ซะมากกว่า ซึ่งเราก็คงได้แต่คาดเดากันต่อไป โดยตอนนี้สิ่งที่เราพอทำได้ก็คือ การส่องรายละเอียดจากภาพ Spyshot ที่ได้มา ว่ามีอะไรอัพเดทบ้างสำหรับซุปเปปอร์ไบค์รุ่นใหม่คันนี้ ซึ่งเราจะค่อยๆไล่ไปทีละอย่างให้เพื่อนๆทราบไปพร้อมๆกัน มาเริ่มกันเลยครับ จุดแรกที่เราจะพูดถึงเลยก็คือรูปทรงภายนอก อย่างที่ทราบกันมาก่อนหน้านี้แล้วว่าหน้าตาของ V4 Superbike คันนี้จะยังคงอ้างอิงเส้นสายเดิมของ Panigale แต่ปรับปรุงให้มีความเป็นสันคมมากขึ้น ซึ่งไม่เหมือนกับที่ Ducati เคยทำมาก่อนหน้านี้กับ Desmosedici RR ที่ลอกแบบภายนอกมาจากตัวแข่ง GP6 ทั้งที่เจ้าน้องใหม่นี้ก็ลอกแบบเครื่องยนต์มาจากตัวแข่ง GP16 เช่นกัน ในส่วนของเครื่องยนต์ถ้าสังเกตุที่ช่วงกลางของตัวรถจะเห็นเสื้อสูบชุดหลังแยกออกมาค่อนข้างชัดเจนซึ่งมีขนาดกว้างออกมทางด้านข้างมากขึ้นเพราะต้องเพิ่มเนื้อที่ให้กับลูกสูบถึง 2 ลูก นอกจากนี้ยังมีข้อมูลอีกว่าทาง Ducati จะเปิดตัวเจ้าน้องใหม่คันนี้ด้วย 2 ขนาดความจุคือ 1,000cc ที่เป็นไปตามข้อตกลงในการแข่งขันที่ระบุไว้ว่าเครื่องยนต์ 4 สูบจะต้องมีความจุไม่เกิน 1,000cc โดยในรุ่นความจุนี้จะมีตัวอักษร R…