นับว่าเป็นข่าวที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เมื่อหน่วย Special Force ของประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังจะได้รถมอเตอร์ไซค์ที่เพื่อนๆเห็นอยู่ขณะนี้เข้าประจำการในหน่วย ซึ่งเราบอกได้เลยว่าเจ้านี่มันไม่ธรรมดา “Logo SilentHawk” ใช่ครับ แค่ชื่อของมันก็บอกแล้วว่าคุณสมบัติเด่นที่สุดของมันก็คือความเงียบ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อเป็นตัวให้กำลังขับเคลื่อนกับตัวรถ หรือเรียกง่ายๆว่าเจ้านี่มันคือรถมอเตอร์ไซค์ไฮบริด ที่ทางเพนทากอน หรือกระทวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกาจัดหามาเพื่อส่งมอบให้กับหน่วยรบ Special Force ใช้ปฎิบัติภารกิจ สำหรับระดังเสียงที่เกิดขึ้นขณะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะมีระดับความดัง 55 เดซิเบล และถ้าสลับไปใช้โหมดการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในก็จะเกิดความดังแค่เพียง 75 เดซิเบลเท่านั้น ส่วนระยะทางที่เจ้า SilentHawk สามารถเดินทางไปได้นั้นอยู่ที่ 50 ไมล์หรือ 80.4 กิโลเมตร และถ้าหากเจ้าหน้าที่ต้องการเคลื่อนที่ด้วยความเงียบสงัดก็สามารถปิดระบบ Hybrid แล้วเปิดระบบให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวก็สามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลถึง 10 ไมล์หรือ 16 กิโลเมตรด้วยกัน อ่านข่าวสารรถ Hybrid เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
Author: admin
MotoCorsa บริษัทผู้เป็นเจ้าของดีลเลอร์ของ Ducati ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ได้เปิดแคมเปญสุดระห่ำขึ้น ซึ่งก็คือการระดมเงินบริจาคจากลูกค้าและผู้ที่ชื่นชอบให้ได้เม็ดเงินรวมกันกว่า 1,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือราวๆ 54,500 ล้านบาท เพื่อกอบกู้ค่ายรถมอเตอร์ไซค์แดนอิตาลีจากบริษัทอื่นที่ต้องการเข้าควบกิจการอยู่ตอนนี้ นอกจากนี้ทาง MotoCorsa ยังได้ทำการจัดระดับหรือตำแหน่งต่างๆในบริษัทขึ้นมาสำหรับผู้บริจาคในกรณีที่พวกเค้าสามารถระดมทุนครบตามที่กำหนดไว้ได้ โดยจะอ้างอิงตามจำนวนเงินที่ผู้บริจาครายนั้นๆสมทบเข้ามา ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 6 ระดับด้วยกัน ดังนี้ – บริจาค 5 ดอลล่าร์ ( 170 บาท ) จะได้สิทธิเป็นพนักงานในโรงงาน Ducati – บริจาค 25 ดอลล่าร์ ( 850 บาท ) รับเสื้อเชิ้ตสกรีนลาย “ I own .0000015625% Of Ducati” และสติ๊กเกอร์ประจำแคมเปญ พร้อมมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพนักงานในโรงงาน – บริจาค 100 ดอลล่าร์…
พบกับ “Fulcrum Sprint” รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มีดีแค่รักษ์โลกเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับดีไซน์สุดล้ำที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุค 40-50 จากผลงานการออกแบบของ Anibaan Nandi นักออกแบบจากอินเดีย อย่างที่เห็นกันอยู่ว่าเจ้า Fulcrum Sprint คันนี้ถูกออกแบบให้มีดีไซน์หัวกระสุน หรือที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า “Dustbin Racer” ซึ่งเป็นการออกแบบที่นิยมกันอย่างมากสำหรับรถแข่ง GP Bike เมื่อราวๆ 60-70 ปีก่อน โดยอาศัยจุดเด่นที่ว่ามันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเกี่ยวกับ Aerodynamic ได้ดี ในขณะที่ตัวโครงรถนั้นเป็นแบบถัก ติดตั้งโช้กอัพหลังแบบ Offset หรือเยื้องศูนย์คล้ายกับที่เห็นบ่อยๆใน Ducati รวมไปถึงการใช้สวิงอาร์มแบบแขนเดี่ยว และล้อแม็กก้านตัว Y 5 ก้าน ที่ดูยังไงๆก็หยิบยกมาจากสปอร์ตไบค์รุ่น Panigale ซึ่งดูเหมือนว่าเค้าจะใช้มันเป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบเจ้ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าดีไซน์สุดแหวกแนวคันนี้ อ่านข่าว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว สำหรับแบรนด์ผู้ผลิตที่สนใจจะเข้าครอบครอง Ducati ยอดแบรนด์สองล้อจากอิตาลีที่โดน VW Group ประกาศขายเพื่อนำเงินที่ได้ไปแก้ปัญหาคดีโกงมาตรฐานมลพิษเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งในข่าวครั้งก่อนเราได้เสนอไปแล้วว่าขณะนี้ทาง Royal Enfield กำลังติดต่อขอซื้อจากทางบริษัทแม่อยู่ แต่จากข้อมูลล่าสุดทางสื่อยุโรป Morebikes ได้ระบุไว้ว่าในตอนนี้ได้มีผู้ผลิตอีกอย่างน้อย 4 แบรนด์ด้วยกันที่กำลังยื่นข้อเสนอการซื้อขายกับทาง VW Group เพื่อพิจารณา ได้แก่ Harley-Davidson แบรนด์อเมริกาขนานแท้ที่กำลังมียอดขายเติบโตทั่วโลกยกเว้นในประเทศอเมริกา, KTM ยอดแบรนด์ขาลุยพร้อมคำนิยาม “Ready To Race” จากออสเตรีย, Polaris อีกหนึ่งแบรนด์ยานยนต์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้เป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์แบรนด์ Victory และ Indian, และสุดท้าย BRP-Rotax บริษัทอุตสาหกรรมหนักจากแคนาดาที่ถนัดในเรื่องของการผลิตเครื่องยนต์ตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับรถโกคาร์ทไปจนถึงขนาดใหญ่สำหรับเครื่องบิน สาเหตุที่เราต้องแจกแจงที่มาที่ไปของแต่ละบริษัทที่อยู่อยู่ในลิสต์นั้นก็เป็นเพราะว่า หากยังจำกันได้ในเนื้อหาข่าวก่อนหน้านี้ ทาง VW Group เคยบอกไว้ว่า “พวกเค้าไม่ได้ต้องการขายเพื่อเอาเงินเท่านั้น แต่ต้องการให้แบรนด์ Ducati ไปอยู่กับเจ้าของใหม่ที่เชื่อถือได้” ดังนั้นจึงหมายความว่าทางบริษัทแม่รายนี้จะต้องพิจารณากันให้ดีเลยทีเดียวว่าใครกันแน่ใน 5 แบรนด์…
หากให้เพื่อนๆลองลองประเภทรถมอเตอร์ไซค์ประเภทใดก็ได้มาขับขี่ โดยมีโจทย์ว่าต้องขับสนุกและใช้ได้ทุกสถานการณ์ เราเชื่อเลยว่าตัวเลือกแรกๆของเพื่อนๆจะต้องเป็นรถแนว “Supermoto” ที่สามารถสลับอารมณ์จากการเป็นสิงห์สนามฝุ่นให้กลายเป็นเสือสนามเรียบด้วยการเปลี่ยนหน้ายางเท่านั้น (ถ้าไม่นับรวมการเซ็ทโช้กหนังหลังกับอัตราทดเฟืองท้ายล่ะก็นะ) อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเพื่อนๆจะเปลี่ยนหน้ายางของรถให้เป็นแบบสลิคเพื่อใช้ลงสนามทางเรียบแล้วก็ตาม แต่ใช่ว่าเพื่อนจะสามารถใช้ท่วงท่าหรือเทคนิคที่สร้างมาเพื่อใช้กับการขับขี่รถแนว “Supersport” ได้ทั้งหมด เพราะอย่าลืมนะครับว่ายังไงรถ “Supermoto” มันก็มีพื้นฐานมาจากรถ “Enduro” ที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงแถมโช้กยังยืดยุบไปมาพอสมควร ไหนจะแฮนด์บาร์ทรงกว้าง และพักเท้าที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เอื้อต่อการแทงเข่าอีก ทำให้มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเพื่อนๆที่เคยขับเพียงแค่ “Sport-bike” หรือ “Naked-bike” แต่ไม่เคยมีพื้นฐานในการขับขี่สายฝุ่นมาก่อนจะสามารถนำเจ้าลูกครึ่งสูงโย่งอย่าง Supermoto คันนี้ไปหวดได้ดั่งใจในทันที ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะมาพูดถึง 5 สิ่งที่เหล่าไบค์เกอร์สายเซอร์กิตผู้ไม่เคยผ่านการฝึกขับขี่แบบคลุกฝุ่นมาก่อนมักจะทำแบบผิดๆเป็นประจำให้ได้ทราบกันพร้อมกับบอกวิธีการที่เหมาะสมไปในตัวในบทความนี้ มาเริ่มกันเลยครับ – โหนรถ อยากที่หลายๆคนทราบกันว่าท่านั่งในการเข้าโค้งขณะขับสปอร์ตไบค์ หรือซุปเปอร์ไบค์หลายๆคันจะต้องเป็นท่า “Hang-in” หรือที่เรียกกันแบบไทยๆว่า “โหนรถ” โดยการย้ายก้นไปที่ตำแหน่งเกือบท้ายเบาะ แล้วโหนตัวทั้งหมดเข้าสู่ด้านในของตัวรถเพื่อย้ายจุดศูนย์ถ่วงเข้ามาด้านใน แต่ในรถซุปเปอร์โมโตมันไม่ใช่อย่างนั้นครับ สำหรับท่านั่งในการขับขี่ของรถแนวนี้ก็คือ การทำสลับกับรถสปอร์ตไบค์ทั้งหมด ทั้งการย้ายก้นออกนอกตัวรถพร้อมกับตั้งตัวให้หนีการเอียงของตัวรถเข้าไว้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้ท่านั่งของเราเหมาะสมกับตัวรถอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด – กางขามากไป เสต็ปต่อไปเมื่อเพื่อนๆหลายคนเริ่มเข้าใจกันมาขึ้นแล้วเราจะมาพูดถึงการกางขาที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของการขับรถแนวนี้กันบ้าง โดยสาเหตุที่เราต้องเลือกกางขานั้นก็เพราะว่า ตำแหน่งพักเท้าของรถแนวนี้นั้นไม่ได้เอื้อต่อการแทงเข่า แถมท่านั่งที่ควรจะเป็นก็คือการย้ายก้นออกนอกโค้งอย่างที่เราบอกไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะเอาเข่าเป็นตัววัดองศาการเอียงของรถได้ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องกางขาเพื่อวัดองศาแทนเข่าในรถซุปเปอร์โมโต…
Bosch ผู้ผลิตเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่รายใหญ่ของโลกได้เปิดตัวระบบช่วยเหลือใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ใช่ระบบที่เกี่ยวกับตัวรถของเราเพียงอย่างเดียว แต่ออกแบบมาเพื่อให้รถใช้คุยกัน โดยมีชื่อเรียกสุดแสนจะธรรมดาๆว่า “Vehicle-To-Vehicle” (V2V) หลักการทำงานของระบบดังกล่าวก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก เพียงแค่ใช้ระบบไวร์เลสในตัวรถปล่อยสัญญาณรอบคันด้วยรัศมีประมาณหนึ่ง แล้วเมื่อมีรถหรือพาหนะคันอื่นเข้ามาในรัศมีดังกล่าว ระบบก็จะทำการแจ้งเตือนผู้ขับขี่ว่าในตอนนี้กำลังมียานพาหนะพุ่งมาทางทิศทางใดบ้าง (หากอยากเห็นภาพมากขึ้นให้สังเกตุในคลิป) อย่างไรก็ตามในตอนนี้ระบบดังกล่าวยังอยู่ในขั้นต้นแบบเท่านั้น แต่ทาง Bosch ได้ให้ข้อมูลว่าเราจะได้เห็นมันอยู่ในรถรุ่นใหม่ที่จะทำตลาดในอนาคตอย่างเร็วก็ปี 2020 ที่ใกล้จะถึงหรืออีก 3 ปีนับจากนี้ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ Motorival
จัดเป็นรถมอเตอร์ไซค์อีกหนึ่งรุ่นที่ได้แต่มีคนรอแล้วรอเล่า แต่สุดท้ายทางค่ายก็ยังไม่ยอมเปิดตัวซักทีสำหรับ TVS Akula (Apache RTR 300) ที่ได้ชื่อว่าเป็นร่างอวตารของ BMW G310RR ซึ่งล่าสุดก็ได้มีคนพบเห็นมันขณะถูกขับทดสอบอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ภาพที่ได้เป็นมุมมองด้านหน้า ซึ่งจับได้ชัดกว่าครั้งก่อนที่ถ่ายหลังรถตู้ ดังนั้นเราจึงไม่พลาดที่จะนำมาให้เพื่อนๆได้รับชมกันครับ จากภาพจะเห็นได้ว่าเจ้า Akula คันนี้ยังคงถูกติดสติ้กเกอร์ลายพรางอยู่ แต่เมื่อดูตรงไฟหน้าจะเห็นตำแหน่งของระบบไฟต่างๆแบ่งแยกกันได้ชัดเจน คือชุดไฟ LED ซึ่งทำหน้าที่เป็นไฟหรี่ (หรืออาจจะ DRL ) จะอยู่ทางด้านข้างส่วนตัวหลอดโปรเจคเตอร์จะอยู่ตรงกลาง ซึ่งดูไปดูมาแล้วมันก็คล้ายกับดีไซน์ของพี่ใหญ่อย่าง S1000RR ไม่น้อย แค่ไม่ได้ชันสูงเหมือนกันเท่านั้นเอง มาต่อกันที่ด้านไฟท้าย ซึ่งยังไม่เคยมีใครเห็นว่าเมื่อมันสตาร์ทเครื่องขึ้นมา ตัวหลอดจะสว่างที่ส่วนใดบ้าง แต่ในภาพที่เพื่อนๆกำลังเห็นอยู่นี้ ก็จะเห็นได้ว่ามันเป็นแถบ LED ที่ขีดลากบริเวณช่วงบนของตัวโคมจากด้านข้าง ก่อนที่จะตวัดลงคลายปีกค้างคาวลงมาด้านล่าง ซึ่งมันก็ดูสวยใช่ย่อยเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เราไม่รู้ว่าลายเส้นของหลอดไฟที่เราเห็นอยู่นี้จะเกิดขึ้นตอนกำหรือปล่อยก้านเบรก ทิ้งท้ายกันอีกนิดด้วยคลิปจากยูสเซอร์หนึ่งในยูทูปที่ใช้ชื่อว่า Moto Stories ซึ่งไม่รู้ว่าเค้าไปทำอีท่าไหนถึงได้จอดคุยกับ Tester 2 คนที่กำลังทำหน้าที่ทดสอบเจ้า Akula นี้อยู่ได้ แต่จากการฟังบทสนทนา เราก็พอจะทราบว่าเป็นแค่การพูดถึงลักษณะตัวรถเท่านั้น…
หลังจากที่ทำการยุติสายการผลิตไปได้ 2 เดือน ก็ดูเหมือนว่าเจ้าของแบรนด์ Erik Buell Racing จะไม่เหลือไอเดียอะไรดีๆที่จะกอบกู้แบรนด์นี้อีกต่อไป จึงทำให้ล่าสุดพวกเค้าเลือกที่จะประกาศขายแบรนด์ EBR อย่างเป็นทางการเพื่อให้ผู้อื่นมารับช่วงต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรายละเอียดการขายบริษัทที่ถูกตั้งไว้ในเว็บไซต์ของ LAP เจ้าของกิจการคนล่าสุดนั้น จะแบ่งไว้ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ การขายทรัพย์สินของบริษัททั้งเครื่องไม้เครื่องมือในการผลิต แม้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์สำนักงานแบบเลหลังเพื่อนำเงินที่ได้ชำระหนี้ที่ยังคงค้างอยู่ของ EBR ซึ่งมีกำหนดการเปิดขายในวันที่ 7 มิถุนายนที่จะถึงนี้ และอีกอย่างนึงที่เรากำลังจะพูดถึงก็คือการประมูลซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 8 หรือ 1 วันหลังจากการขายแบบเลหลัง โดยสิ่งของที่จะประมูลในวันนี้นั้นจะเน้นไปที่เครื่องจักรบางอย่างที่ออกแบบมาเฉพาะของบริษัท หรืออาจจะรวมไปถึงการประมูลเพื่อซื้อขายแบรนด์ EBR กับทาง LAP โดยตรง สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกเข้าไปชมรายละเอียดที่หน้าเว็บ LAP ตรงนี้ ได้เลยครับผม อ่านข่าว Erik Buell Racing เพิ่มเติมได้ที่นี่ เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ…
Wryst แบรนด์นาฬิกาสุดหรูจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์เปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่นพิเศษ “Isle Of Man TT Special Edition” เพื่อเอาใจสาวกการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายที่สุดในโลกซึ่งนี่ถือเป็นเวอร์ชั่นที่ 2 แล้วนับตั้งแต่ Wryst ตกลงเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันรายการนี้เมื่อปี 2015 สำหรับดีไซน์การออกแบบนั้นต้องบอกว่ามีความดุดันและหรูหรากว่าโฉมแรกมากขึ้น โดดเด่นด้วยโทนสีดำ เหลือ และแดง ซึ่งเป็นสีประจำการแข่งขันรายการ Isle Of Man TT และไม่พลาดที่จะประทับตราสัญลักษณ์ “3 ขา” เพื่อบ่งบอกที่มาของดีไซน์ และความพิเศษของตัวมันเองไว้ที่ฝาปิดด้านหลังนาฬิกาซึ่งทำมาจากแสตนเลสสตีลรหัส 516L นอกจากนี้ทาง Wryst เคลือบสาร DLC เพื่อความแข็งแรงอีกขั้นให้กับตัวเรือนซึ่งแต่เดิมในส่วนของกระจกหน้าปัทม์ก็ทำมาจากแร่ Sapphire ส่วนฟังก์ชั่นอื่นๆที่น่าสนใจคือมันสามารถกันน้ำได้ถึง 10 ATM หรือทนแรงดันใต้น้ำที่ระดับความลึก 100 เมตร ด้านราคาค่าตัวทาง Wryst ก็ตั้งไว้ที่ 965 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือแปลงเป็นเงินบาทไทยคร่าวๆก็ 32,860 บาทเท่านั้น แต่ถ้าเพื่อนๆอยากได้เจ้านาฬิกานี้ไปฟรีๆล่ะก็…
กลับมาอีกครั้งกับ Concept ไบค์สุดล้ำจาก BMW ที่ล่าสุดพวกเค้าเลือกนำเสนอสกูตเตอร์พลังงานไฟฟ้า โดยใช้ชื่อที่บ่งบอกดีไซน์ตัวรถได้ชัดเจนว่า “BMW Concept Link” สำหรับที่มาของคำว่า Link ของ BMW Concept Link นั้นเกิดจากการที่ว่าทาง BMW ออกแบบให้เจ้าสกูตเตอร์คันนี้สามารถเชื่อมต่อได้แทบทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อเครื่องเล่นเพลง อัพเดทสภาพการจราจร ตรวจสอบตารางงาน ซึ่งล้วนแต่จำเป็นสำหรับชีวิตของคนวัยทำงานอย่างมาก ด้านดีไซน์การออกแบบ BMW Concept Link นั้นจะเน้นในเรื่องของเส้นสายที่ดูล้ำสมัยเหมาะกับคนเมืองมากที่สุด ดังที่เห็นได้จากแถบนีออนสีส้มซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างพื้นที่เก็บของใต้ตัวรถกับชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ถูกย้ายให้มาอยู่ใต้รถที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อช่วยในเรื่องของจุดศูนย์ถ่วง ส่วนชุดบอดี้พาร์ทด้านหน้าก็ออกแบบให้ลดแรงลมปะทะมากที่สุดเท่าที่ได้ เพื่อลดอัตราการบริโภคพลังงานไปในตัว จุดเด่นอีกอย่างของ BMW Concept Link ที่นอกเหนือจากดีไซน์สุดล้ำอีกอย่างนึงก็คือ เจ้านี่เป็นรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่มีชุดเกียร์ถอยหลังในตัว ซึ่งแต่เดิมแล้วมันมักจะติดตั้งในรถครุยเซอร์หรือทัวร์ริ่งไบค์รถใหญ่เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าน้ำหนักตัวของเจ้านี่อาจจะหนักพอสมควรเนื่องจากแบตเตอรี่ที่อยู่ใต้ท้องรถ ทำให้ทาง BMW ต้องออกแบบชุดเกียร์ถอยหลังติดมาให้ด้วยเพื่อช่วยเหลือผู้ขับขี่ในยามถอยออกจากช่องจอด อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว Concept เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า…