Lin Javis ผู้จัดการทีมแข่งของ Yamaha ในเวที MotoGP ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับอนาคตของทีมในปีหน้า หลังจากจบการทดสอบรถรอบ Private Test ที่สนามแข่ง Jerez ซึ่งจัดพร้อมกับดึงตัวแข่งดีกรีแชมป์โลกรายการ WSBK อย่าง Toprak Razgatlıoğlu มาร่วมในการทดสอบตัวแข่งรถสูตร YZR-M1 หลังจากมีข่าวลือหนาหูว่าค่ายส้อมเสียงต้องการดึงนักแข่งคนนี้มาสู่เวทีรถสูตร แน่นอว่าที่นั่งสำหรับนักแข่งในแต่ละทีมนั้นมีจำกัดเพียงแค่ 2 คน และตัวตึงดีกรีแชมป์โลกอย่าง Fabio Quartararo ก็มีสัญญายาวไปถึงสิ้นปี 2024 ความเสี่ยงที่จะโดนเสียบที่นั่งจึงตกมาอยู่ที่ Fanco Morbidelli ที่ตอนนี้กำลังมีฟอร์มดีขั้นสุด และมีผลงานคะแนนรวมสูงกว่าเพื่อนร่วมทีมด้วยซ้ำ แต่ผู้จัดการทีมก็ให้การยืนยันแล้วว่า Frnky จะยังปลอดภัย “ในสถานะการณ์ที่สมบูรณ์แบบ เราต้องการให้แฟรงกี้ยังคงเร็วแบบนี้ต่อไปแบบที่เขาเร็วในสนามก่อน นั่นจะการันตีที่นั่งของเขาในทีม Yamaha” Lin Jarvis กล่าว “ตัวเลือกหมายเลขหนึ่งของเราคือแฟรงกี้ แต่ถ้าไม่ใช่เขา เราก็ต้องมองหาตัวเลือกอื่น นั่นคือเหตุผลที่เราสนใจ Toprak เขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในหมู่นักแข่งของ Yamaha…
Author: Kristha
Kawasaki Eliminator รถมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์จากค่ายยักษ์เขียว ที่มีสไตล์ผสมผสานความสปอร์ต ผ่านท่านั่งแบบเข่างอคล้ายกับรถแนวโรดสเตอร์ ที่เพิ่งถูกเปิดตัวในประเทศไทยไปไม่กี่สัปดาห์ก่อนในงาน Bangkok International Motor Show 2023 ซึ่งถือเป็นการกลับมาครั้งแรกหลังจากชื่อนี้ห่างหายจากวงการไปนาน วันนี้เราเลยจะพามาทวนประวัติศาสตร์ของเจ้าครุยเซอร์นักล่า ศัตรูโดยตรงของครุยเซอร์กบฏจากค่ายปีกนกคู่แข่งอย่าง Honda Rebel Kawasaki Eliminator รุ่นแรกนั้นถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 1985 ในชื่อรหัส ZL900 ซึ่งมีสไตล์แตกต่างจากมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ส่วนใหญ่ในตลาด ที่มักมีท่านั่งแบบเหยียดขา บวกกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง ขนาด 908 ซีซี ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบเดียวกับรถที่เร็วที่สุดในโลกขณะนั้นอย่าง GPZ900 ทำให้รถรุ่นนี้มีความสปอร์ตมากเป็นพิเศษ และถึงแม้จะวางจำหน่ายเพียงแค่ปีเดียว แต่มันก็เป็นการเริ่มตำนานรถในตระกูลนี้ที่จะมีพี่น้องมากมายหลายรุ่นตามมา ในปีถัดมา Kawasaki ก็ได้ทำการขนายไลน์อัพของรถตระกูลนี้ ด้วยการเปิดตัวรถครุยเซอร์สไตล์สปอร์ตรุ่นอื่นแบบจัดเต็ม ทั้งรถคลาสเริ่มต้น ZL400, รถคลาสกลาง , ZL600, ZL750 ไปจนถึงพี่ใหญ่ของตระกูลอย่าง ZL1000 ซึ่งรุ่นนี้ถือเป็นรถตระกูล Eliminator ที่ใหญ่ที่สุดตลอดการกับเครื่องยนต์…
Jorge Lorenzo อดีตนักแข่งดีกรีแชมป์โลก ที่ถึงแม้จะแขวนหมวกกันน็อคไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีเรื่องให้ออกหน้าสื่ออยู่ตลอดจนเหมือนกับว่าเจ้าตัวไม่เคยไปไหน และแน่นอนว่านี่ก็เป็นอีกครั้งที่อดีตแชมป์โลกผู้นี้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับอดีตคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีมอย่าง Marc Marquez และค่ายรถสังกัดเก่าอย่าง Honda “เกี่ยวกับสัญญาการแข่ง Honda ยื่นข้อเสนอสัญญาระยะยาว 4 ปี พร้อมกับเงินค่าตัวอีกมหาศาล ซึ่งนั่นมันนานกว่าสัญญาแบบปกติ แต่ตอนนี้อะไรหลายอย่างได้เปลี่ยนไป Ducati กลายเป็นรถที่เหนือกว่าทุกค่าย เมื่อถึงเวลาที่สัญญาสิ้นสุด เขาจะต้องตัดสินใจว่าจะย้ายทีมไปหารถใหม่ที่ดีกว่า หรือจะอยู่ต่อกับ Honda” Jorge Lorenzo กล่าว เพราะถ้าจะให้ว่ากันตามตรง ตั้งแต่การล้มครั้งใหญ่จนทำให้ Marc Marquez แขนหักในปี 2020 จนเจ้าตัวที่เป็นนักบิดมือหนึ่งของทีม ไม่สามารถเข้าแข่งขันได้เป็นระยะเวลานานหลายสนาม ทำให้ทีมค่ายปีกนกดูจะมีผลงานที่ถดถอยไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนารถแข่งให้ตามคนอื่นทัน หรือเรื่องนักแข่งในค่ายที่ไม่สามารถรีดความสามารถของรถได้ เหมือนอย่างที่นักแข่งมือทองทำ(ซึ่งก็เป็นเพราะรถอีก) จนถึงตอนนี้ก็ดูไม่มีท่าทีว่า Honda จะสามารถฟื้นตัวให้กลับมาอยู่ในจุดที่สามารถสู้คนอื่นได้ นั่นจึงน่าจะเป็นเรื่องที่แชมป์โลกคันนี้ต้องรีบตัดสินใจ ที่มา iwanbanaran อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
ข่าวลือเรื่องเครื่องยนต์สำหรับรถสปอร์ตรุ่นใหม่จากค่ายปีกนก Honda ในรูปแบบ V4 นั้นเป็นหนึ่งในข่าวลือที่อยู่มานานมากในวงการ สืบเนื่องมาจากภาพสิทธิบัตรจำนวนมากที่ถูกค่ายจดทะเบียนตลอดหลายปีมานี้ ทั้งเรื่องที่บอกว่าจะถูกนำมาแทนที่รถตระกูลสูบเรียง หรือการยกชื่อของรถเก่าแต่เก๋าของค่ายมาทำตลาดใหม่ โดยเชื่อมโยงกับชื่อเสียงใน MotoGP วันนี้เราเลยจะพามาย้อนดูกันว่าเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว สิทธิบัตรเกี่ยวกับเครื่องยนต์ V4 ของ Honda นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ สิทธิบัตรในยุคแรกนั้นย้อนความไปได้ไกลถึงปี 2013 แต่ก็เป็นที่พูดถึงหนักขึ้นในช่วงก่อนปี 2020 ที่ทางค่ายได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์ในหลายประเทศทั่วโลก โดยอ้างอิงรูปร่างมากจากเครื่องยนต์ V4 ไล่ตั้งแต่รูปทรงของเสื้อสูบที่วางทำมุม 90 องศา เทคโนโลยีเพลาข้อเหวี่ยงที่หมุนสวนทางกับล้อรถ ซึ่งจะทำให้แรงไจโรสโคปิก(ที่คอยกันไม่ให้วัตถุเปลี่ยนทิศทาง)ของล้อและเพล่าข้อเหวี่ยงหักล้างกันเอง ทำให้ผู้ใช้สามารถพลิกรถได้คล่องแคล่วมากขึ้น อีกเรื่องที่น่าสนใจคือระบบหยุดการทำงานของลูกสูบ ซึ่งจะเป็นการหยุดการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในลูกสูบคู่หลังของเครื่องยนต์ V4 ในรอบต่ำหรือช่วงที่ไม่มีการรีดกำลังเครื่องยนต์มากนัก ช่วยลดการปล่อยมลพิษ และลดความร้อนของเครื่องยนต์ในตำแหน่งขาของผู้ขี่ รวมถึงระบบปากแตรไอดีแปรผัน ที่จะเปลี่ยนความยาวไปตามรอบเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถรีดแรงม้าและแรงบิดได้มากที่สุดตามรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสม โดยรูปร่างของมันในสิทธิบัตรก็เป็นชุดปากแตรสำหรับเครื่องยนต์ V4 เช่นเดียวกัน เทคโนโลยีทุกอย่างที่ว่ามานั้นแทบจะถูกออกแบบไว้ในกับเครื่องยนต์แบบ V4 โดยเฉพาะ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คนทั่วโลกต่างลือถึงความเป็นไปได้ของเครื่องยนต์ลูกใหม่นี้ แล้วยิ่งเป็นช่วงที่ Honda กำลังประสบความสำเร็จในเวที MotoGP แต่ดันทำผลงานไม่ดีใน…
หนึ่งในคำถามที่แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตอยากได้คำตอบมากที่สุด คงเป็นถำถามที่ว่า “ถ้านักแข่งตัวท็อปจาก WSBK ย้ายมาแข่งในรายการ MotoGP ผลจะเป็นอย่างไร?” ซึ่งเราก็มีลุ้นได้เห็นคำตอบของคำถามนี้ภายในปีหน้าหาก Toprak Razgatlioglu ได้มีโอกาสย้ายเวทีเพื่อตอบคำถามของเรา แต่ก่อนหน้านี้ในช่วงการทดสอบรถ MotoGP แบบส่วนตัวของ Yamaha ทางค่ายก็ได้มีโอกาสพาแชมป์โลกชาวเติร์กคนนี้ไปลองของร่วมกับทีมทดสอบด้วย Toprak Razgatlioglu ได้ทำการทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ตัวแข่ง Yamaha YZR-M1 ในสนามแข่ง Circuito de Jerez ร่วมกับนักขับทดสอบอีกคนอย่าง Cal Crutchlow เป็นเวลาสองวันกับจำนวนรอบที่มากกว่า 100 รอบ โดยที่เจ้าตัวสามารถทำเวลาดีที่สุดได้ที่ 1.38.860 ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ออกมาให้ความเห็นกับสื่อว่า “ผมมีสองวันที่ดีมากใน Jerez เป้าหมายของผมไม่ใช่การทำเวลาต่อรอบให้ดีที่สุด แต่เป็นการขี่ให้ได้หลายรอบมากที่สุดเพื่อทำความเข้าใจตัวรถ ซึ่งมันก็เป็นงานที่สนุก” Toprak Razgatlioglu กล่าว “ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจาก YZR-M1 ตัวแข่ง MotoGP คันนี้ต้องการวิธีการขับที่ต่างออกไปจากตัวแข่งของ YZF-R1 ของฝั่ง WSBK…
หลายคนที่ติดตามรายการ MotoGP อยู่ในยุคใหม่ คงจะเห็นการพัฒนาการใช้งานหลักการอากาศพลศาสตร์ในรถแข่งได้มากขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สังเกตได้จากปีก Winglet และอุปกรณ์ตัวช่วยมากมายที่ทำให้ทีมแข่งสามารถดึงประโยชน์ได้สูงสุดออกมาจากอากาศ แต่ถ้าการแข่งขันพัฒนาระบบอากาศพลศาสตร์บนตัวรถมันไม่พอ มันก็ยังพอมีช่องว่างอื่นให้พัฒนาต่ออยู่บ้าง จนค่ายรถมอเตอร์ไซค์และทีมผู้เข้าแข่งขันอย่าง Aprilia คิดจะเสริมการเล่นแร่แปรอากาศนี้บนตัวนักแข่งเองด้วย เหตุผลก็เนื่องมาจากอากาศพลศาสตร์ของรถมอเตอร์ไซนั้นซับซ้อนกว่ารถยนต์ เพราะอากาศที่ไหลผ่านรถยนต์นั้นมีความเป็นระเบียบมากกว่า รถยนต์มีรูปทรงเป็นก้อนเดียวเรียบลื่นที่ตายตัวไม่ซับซ้อน ต่างกับมอเตอร์ไซค์ที่มีช่องและส่วนเว้าโค้งมากกว่า แถมยังมีผู้ขับที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์ ซึ่งไม่ได้เกิดมาลู่ลมมากนักเกาะอยู่บนรถ แถมมนุษย์ที่ว่านั้นก็ออกท่าทางที่แต่างต่างกันตอนขับขี่อยู่ตลอดเวลา นั่นจึงทำให้การออกแบบตัวช่วย Aerodynamic นั้นเป็นเรื่องยาก Aprilia จะทำการจดสิทธิบัตรชุดแข่งที่มีการติดตั้งครีบหรือสันนูนเพิ่มเติมไว้บนชุด ที่นอกจากจะช่วยเสริมการป้องกันในบางระดับแล้ว มันยังช่วยควบคุมกระแสของอากาศที่ไหนผ่านตัวนักแข่งได้ดีขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดแรงต้านของอากาศ เพื่อช่วยให้ทำความเร็วสูงมากขึ้น หรือจัดมวลอากาศให้เป็นระเบียบสำหรับส่งต่อไปที่ปีกส่วนอื่นของรถ เพื่อให้การทำงานร่วมกันทั้งคนและรถได้ดีขึ้น ความน่าสนใจหลังจากนี้คือ เทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกพัฒนาต่อไปขนาดไหน เพราะในการแข่งขันมีนักบิดหลายคนที่เลือกใช้ชุดแข่งจากผู้ผลิตที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง และรถแข่งจากทีมอื่นที่มีอากาศพลศาสตร์ต่างกัน ผู้ผลิตชุดจากต่างค่ายจะต้องออกแบบชุดแข่งของตัวเองให้เหมาะสมกับรถเหล่านั้นอย่างไร เราอาจได้เห็น Alpinestar และ Dainese พยายามทำชุดของตัวเอง(ที่คงจะต่างกัน)ให้เหมาะกับปีกของรถค่ายนึง แล้วก็ต้องทำชุดอีกแบบให้ใช้งานได้กับรถค่ายอื่นด้วย ที่มา motorrad อ่านข่าวสาร Aprilia เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
ในงาน Bangkok International Motor Show 2023 ที่ผ่านมามีรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเปลือยสเปคเทพ 2 คัน ถูกเปิดตัวในงานพร้อมกับคือ Triumph Street Triple 765 Moto2 Edition และ Ducati Monster SP ถึงแม้รถทั้งสองรุ่นจะมีสเปคขั้นสุดจากโรงงานไม่ต่างกัน แต่สไตล์และการใช้งานกลับต่างกันคนละโลก เครื่องยนต์ Triumph Street Triple 765 Moto2 : 3 สูบเรียง / 4 วาล์วต่อสูบ / DOHC / ระบายความร้อนด้วยน้ำ / ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก : 78 x 53.4 มิลลิเมตร / อัตราส่วนกำลังอัด 13.25 :…
ในปัจจบัน ค่ายรถมอเตอร์ไซค์หลายรายไม่ว่าจะเป็น Triumph, BMW, KTM, MV Agusta หรือแม้แต่ Harley-Davidson ต่างก็มีความต้องการที่จะลงมาทำตลาดในคลาสเริ่มต้นกันมากขึ้น โดยพยายามเข้าไปร่วมมือกับค่ายรถจากจีนหรืออินเดีย ที่มีความเชี่ยวชาญการทำรถกลุ่มนี้อยู่ก่อนแล้ว Ducati ก็เป็นอีกหนึ่งค่ายที่สนใจตลาดกลุ่มนี้ แต่หลังจากความพยายามครั้งล่าสุดในการทำ Scrambler Sixty2 ที่ล้มเหลว ทางค่ายก็ดูจะไม่มั่นใจกับรถรุ่มนี้เท่าไรนัก แต่หลังจากที่ Ducati เข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าตัวแข่งของรายการ MotoE ทำให้เราอาจได้เห็นความเป็นไปได้ในอนาคตของทางค่าย ที่จะนำความรู้เกี่ยวระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากสนามแข่ง มาใส่ในรถมอเตอร์ไซค์คลาสเริ่มต้นที่มีความต้องการด้านพละกำลังไม่มากนัก ตามข้อจำกัดของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในตอนนี้ และมันคงดูไม่มีเหตุผลหากทางค่ายจะไม่ทำอะไรเกี่ยวกับรถพลังงานไฟฟ้าเลย หลังจากที่ไปลงทุนสร้างตัวแข่งพลังงานไฟฟ้าสำหรับ MotoE ขึ้นมากเอง โดยสื่อจากอินเดียก็ได้ไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Ducati อย่าง Marco Biondi ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ยืนยันว่าทางค่ายกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่จริง และได้อธิบายว่าภายในบริษัทมีการพิจารณาแผนทำรถพลังงานไฟฟ้าในคลาสเล็กสำหรับกลุ่มใบขับขี่ A1(15 แรงม้า) และรถเครื่องยนต์สันดาปสำหรับกลุ่มใบขับขี่ A2(47 แรงม้า) แต่ถึงอย่างนั้น Marco Biondi ก็ได้บอกว่าเรื่องนี้คงจะไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียังไปไม่ถึงในจุดที่บริษัทพึงพอใจ และเขายังยืนยันด้วยว่าถ้า Ducati…
การแข่งขันรอบ Sprint Race ที่เป็นกิจกรรมใหม่ของ MotoGP ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในวงการความเร็ว แน่นอนว่าย่อมมีความเห็นทั้งในแบบที่เห็นด้วย และคัดค้านจากผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย Alvaro Bautista อดีตนักแข่งเวทีดังกล่าว รวมถึงเป็นแชมป์โลกคนล่าสุดจากรายการ WSBK ก็เป็นอีกคนนึงที่มาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในมุมของคนที่แข่งสัปดาห์ละหลายรอบอยู่แล้ว โดยในการแข่งขันรายการรถโปรดักชั่นอย่าง WSBK มีการแข่งขันย่อยมากถึง 3 ครั้ง ในแต่ละสนาม Alvaro Bautista ที่มีดีกรีเป็นแชมป์โลกคนล่าสุด ก็น่าจะอีกเป็นคนที่เหมาะสมในการมาพูดเรื่องนี้ “ผมไม่คิดว่า Sprint Race มันอันตรายนะ” Bautista กล่าว “ปัญหามันอยู่ที่การจัดการความเสี่ยง เพราะความเสี่ยงเกิดขึ้นจากตัวนักแข่ง ไม่ใช่รูปแบบการแข่งขัน” “ผมชอบรูปแบบใหม่นี่มากกว่าด้วยซ้ำ ผมชอบลงแข่งจริง ไม่ได้ชอบซ้อม ผมมองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลดีกับตัวรายการเอง เพราะทำให้มีคนดูมากขึ้น ทางด้านนักแข่งเองก็ต้องมีสมาธิมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเล็กน้อยจะส่งผลกระทบมากขึ้น(เช่นการลงแข่งไม่ได้แค่สนามเดียว ก็จะเสียคะแนนมากขึ้น)” “นี่มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับพวกเขา(สำหรับนักแข่ง MotoGP) เพราะเมื่อคุณได้ยินคำว่า Sprint Race สิ่งแรกที่คุณคิดคือการบวกเต็มที่ตั้งแต่เริ่ม แต่เมื่อพวกเขาชินกับมันก็จะดุดันน้อยลง แล้วเก็บแรงไปใช้ในการแข่งขันจริง(เพราะคะแนนเยอะกว่า)”…
2024 KTM Duke 390 รถมอเตอร์ไซค์คลาสเริ่มต้นสไตล์สปอร์ตเปลือยจาก KTM ที่ถูกลากขายมานานร่วม 10 ปี โดยมีเพียงการปรับโฉมรูปลักษณ์ภายนอกครั้งใหญ่เพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ภายในปลายปีนี้เรามีโอกาสได้เห็นรถรุ่นใหม่ ที่จะถูกปรับเปลี่ยนสเปคครั้งใหญ่ หลังมีการพบเห็นค่ายไร่ส้มทำการทดสอบรถน้องเล็กคันนี้อยู่บ่อยครั้ง เราเลยจะพามาไล่ดูกันว่ารถรุ่นใหม่นี้จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง – 2024 KTM Duke 390 จะถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างเฟรมและสวิงอาร์มชุดใหม่หมดจด ซึ่งต่างออกไปจากของเดิมที่ลาดใช้มาตั้งแต่เปิดตัวรถโฉมแรก โดยในส่วนของเฟรมหลักจะยังคงเป็นแบบเหล็กถักเหมือนเดิม แต่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด ส่วนซัพเฟรมและสวิงอาร์มจะเปลี่ยนไปใช้วัสดุอลูมีเนียม ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากรถรุ่นพี่ในค่าย – ด้านเครื่องยนต์จะยังคงเป็นแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบเรียง พื้นฐานเดิมที่ไม่ทราบปริมาตรความจุที่แท้จริง(อาจมีความจุเท่าเดิม) – รูปลักษณ์ภายนอกยังคงอยู่ในโทนเดียวกันกับพี่น้องรุ่นอื่นในค่าย ไฟหน้าทรงหน้ากากเคนโด้ เส้นสายแฟริ่งด้านข้างที่เหลมคมมากกว่ารนุ่นเดิม – ชุดล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ แต่คาดว่าจะมีขนาดเท่าเดิม – ระบบกันสะเทือนและเบรกนั้นจะยังคงยกมาจาก WP และ Bybre เหมือนเดิม แต่อาจจะมีการปรับสเปคบางอย่างเล็กน้อยเท่านั้น – ระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการอัพเกรดเพิ่มเติมเล็กน้อย แต่จะไม่หนีไม่จากคู่แข่งในคลาสเดียวกันมากนัก -…