Honda Silverwing 1100 ผลงานภาพเรนเดอร์ของรถมอเตอร์ไซค์ทัวริ่งชื่อเก่าจากค่ายปีกนก Honda ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่โดย Oberdan Bezzi โดยการยกพื้นฐานมาจากแพลตฟอร์มของ Africa Twin 1100 หรือ NT1100 ที่เป็นที่นิยมและสามารถพลิกแพลงใช้งานได้หลายแบบ Honda Silverwing 1100 เป็นการผสมกแนวทางของตัวค่ายในปัจจุบัน และกระแสของตลาด ที่มักนำชื่อรถรุ่นเก่าของตัวเองมาใช้ซ้ำในรถรุ่นใหม่ แบบเดียวกับที่เราเห็นกันมาแล้วกับ Africa Twin, Hornet, Transalp, Rebel, Hawk (และในอนาคตก็คงมีอีกหลายชื่อโผล่มาให้เราได้เห็นอีก) ซึ่งชื่อที่นักออกแบบคนนี้นำมาใช้เป็นต้นแบบของจินตนาการคือ Silverwing ที่เป็นเหมือนกับน้องเล็กของรถสายเที่ยวอย่าง Goldwing แต่สิ่งที่ต่างออกไปจากที่ค่ายปีกนกทำคือ Oberdan Bezzi นั้นไม่ได้ทำการปรับสไตล์ของตัวรถให้เข้ากับยุคสมัยมากนัก แต่เป็นการยกรูปร่างของเปลือกนอกแทบจะทั้งหมดของรถรุ่นเก่า มาครอบทับโครงสร้างและเครื่องยนต์แบบใหม่ แน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้ารถทัวริ่งคลาสใหญ่(แต่ไม่ใหญ่ที่สุด)คันนี้จะไม่มีทางได้เกิดอย่างแน่นอน เนื่องจากมันจะมีตำแหน่งทางการตลาดที่ไปทับกับ Honda NT1100 ที่มีขายอยู่แล้ว รวมถึงงานออกแบบที่ทางค่ายปีกนกจะไม่มีทางยกรูปทรงเดิมมาใช้ทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันมันก็ชวนให้เราจินตนาการว่าควรมีใครสักคนทำชุดแต่งแบบนี้ออกมาขายบ้าง ที่มา Motociclismo, Oberdan Bezzi…
Author: Kristha
2023 Malaguti Spectre 125 รถบ้านสไตล์สปอร์ตจาก Malaguti ค่ายรถอิตาลีที่เพิ่งเข้ามาตีตลาดในประเทศไทยได้ไม่นาน ได้ทำการเปิดตัวรถสีใหม่ที่ถือได้ว่าเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจของ Yamaha Exciter 155 หรือ Honda Supra GTR ซึ่งมีความสปอร์ตเหนือกว่ารถบ้านตามปกติทั่วไป ทำให้เรามองว่ามันคงเป็นรถที่น่าสนใจหากถูกนำมาทำตลาดในบ้านเรา 2023 Malaguti Spectre 125 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ 1 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 125 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 9.65 Hp @ 8,500 RPM และแรงบิดสูงสุด 9.6 Nm @ 6,500 RPM แต่ตัวรถในบางตลาดก็มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี ที่ให้กำลังได้มากกว่าอีกเล็กน้อยที่ 10.5 Hp (ซึ่งก็ยังถือน้อยอยู่เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ใช้เครื่องระบายความร้อนด้วยน้ำ) ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดาแบบมีคลัทช์ 5 สปีด ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหัวตั้ง…
Wottan Storm-V รถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์ที่มาพร้อมกับสเปคจัดเต็ม จากค่ายรถสัญชาติสเปนที่หลายคนอาจจะไม่รู้จักอย่าง Wottan ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ Suzuki V-Strom ด้วยงานออกแบบที่โดดเด่นและดูมีความเป็นรถลุยอยู่เล็กน้อย ตามกระแสรถแนว SUV ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และที่สำคัญคือรถรุ่นนี้ไม่ได้แค่มีหน้าตาแบบสายลุย แต่มันลุยได้แบบพอหอมปากหอมคอ Wottan Storm-V มาพร้อมกับรูปลักษณ์และเส้นสายที่มีความแข็งแรงบึกบึน เช่นเดียวกับผู้บุกเบิกตลาดและคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Honda ADV160 พร้อมกับความสามารถในการใช้งานแบบ “Crossover” ด้วยระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหัวตั้งขนาดแกน 37 มิลลิเมตร และด้านหลังแบบสปริงคู่ ที่ความระยะยุบตัวที่มาก(บอกแค่ว่ามีระยะยุบตัวมาก แต่ดันไม่ได้บอกว่ามีเท่าไร) ทำให้พร้อมเดินทางได้ทุกเส้นทาง เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบ ขนาด 125 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 14 แรงม้า ซึ่งถือว่ามากพอสมควรสำหรับรถคลาสนี้ และไปเทียบเท่าพละกำลังของคู่แข่งในคลาส 150 ซีซี เลยทีเดียว ตัวรถมาพร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่, ถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาด 12.5 ลิตร, หน้าจอแสดงผลแบบสี TFT, ระบบไฟส่องสว่างรอบคันแบบ…
ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า หรือ EV นั้นกำลังเป็นกระแสของตลาดในอนาคต แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้จัดการฝ่ายมอเตอร์ไซค์สปอร์ตของ KTM อย่าง Pit Beirer เชื่อมั่นว่าจะเป็น อย่างน้อยเขาก็ไม่เชื่อว่าระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ จะเป็นตัวแทนของรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความจุเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในอนาคตอันใกล้ และเขาผู้นี้ก็ยังเป็นคนที่ต่อต้านแนวคิดของรถแข่ง MotoGP ที่ใช้ระบบไฮบริดแบบเต็มตัวอีกด้วย เพราะถึงแม้ว่ารถยนต์แบบ EV จะกำลังมาแรงในตอนนี้ แต่ด้วยน้ำหนักที่มากและระยะทางขับเคลื่อนที่จำกัด ก็ทำให้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ “ตอนนี้เรายังไม่ได้มองว่าเทคโนโลยีไฟฟ้า นั้นอยู่ในตัวเลือกที่เราจะเอามาแทนที่ในรถที่ผลิตจำนวนมาก” Pit Beirer กล่าว “เราชัดเจนกันแนวคิดที่จะแทนที่รถมอเตอร์ไซค์ หรือสกู๊ตเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้งานในเมือง ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เพราะมันเป็นเรื่องเหมาะที่จะทำแบบนั้น แต่อะไรก็ตามที่นอกเหนือจากนั้น เช่นรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่เต็มตัว เรายังมองว่าเครื่องยนต์สันดาปนั้นเป็นทางออกสำหรับอนาคตอันใกล้” ขณะเดียวกัน Pit Beirer ก็ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับอนาคตสีเขียวและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ของรถแข่ง MotoGP ไว้ด้วยเช่นกัน “คุณรู้ไหมว่าทั้งเราผู้ผลิตเชื้อเพลิงผลักดันเรื่องนี้กันสุดตัวเลย เพื่อทำให้เชื้อเพลิงใน MotoGP นั้นมีความยั่งยืน” เขาอธิบายเพิ่ม “ถ้าคุณดูที่รถมอเตอร์ไซค์สมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยวัสดุราคาแพงกว่า 91% นั้นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เหล็ก อลูมีเนียม ไทเทเนียม ทั้งหมดสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เมื่อสิ้นอายุ…
คงเป็นเรื่องธรรมดาที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าการสวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นเป้นสิ่งจำเป็น ทั้งในด้านความปลอดภัยต่อสมองอันอ่อนนิ่มของเรา แต่ในด้านกฎหมายที่อาจเสี่ยงโดนจ่าโบกไปปรับเงิน แต่ถึงอย่างนั้น Ben Hansen สมาชิกสภาของรัฐเนบราสก้า สหรัฐอเมริกา กลับพยายามผลักดันกฎหมายใหม่ ให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ไม่ต้องสวมหมวกนิรภัยก็ได้? ก่อนอื่นเราต้องอธิบายก่อนว่า รัฐเนบราสก้านั้นมีกฎหมายที่บังคับให้ผู้ขับขี่ต้องสวมหมวกนิรภัยที่ผ่านมาตรฐาน คล้ายกับกฎหมายที่บังคับใช้ในหลายส่วนของโลก แต่ถ้ากฎหมายใหม่ฉบับนี้ผ่าน จะทำให้ผู้ขับขี่นั้นมีสิทธิ์ที่จะไม่สวมใส่หมวกนิรภัยได้ หากผ่านข้อกำหนด 2 ข้อ คือ เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 21 ปี และ ผ่านการทดสอบที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยการขับขี่ที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องไปสอบเพิ่มเองแยกจากใบขับขี่ ถ้าหากผู้ขับขี่ผ่านเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์สามารถขับรถของตัวเองไปทั่วรัฐเนบราสก้าได้ โดยไม่ต้องสวมหมวกนิรภัย ขอเพียงแค่มีอุปกรณ์ใสที่ป้องกันลมอยู่ด้านหน้าดวงดาก็พอ ซึ่งหมายความว่าการสวมแว่นธรรมดา หรือชิลด์บังลมบางประเภทก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีการเสนอกฎหมายที่สุดโต่งมากกว่านี้ อย่างเช่นการยกเลิกข้อบังคับที่ให้สวมหมวกนิรภัยไปอย่างสิ้นเชิง และให้ผู้ขับรถเป็นคนตัดสินใจในการรับความเสี่ยงเอาเอง แต่ทางเราก็ขอยืนยันในการสนับสนุนให้ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัยเพื่อความปลอดภัยต่อสมองอันอ่อนนุ่มที่มีเพียง 84,000 เซลล์ในหัวของเราเอง ที่มา rideapart อ่านข่าวสารมอเตอร์ไซค์ล่าสุด ได้ที่นี่
2023 Honda NC750X รถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ทัวริ่งจาก Honda ซึ่งเป็นรถที่หลายคนอาจจะมองว่าจืดจางและไม่น่าตื่นเต้นเท่าคู่แข่งในตลาด แต่ก็มีข่าวอันน่าทึ่งโผล่ออกมาให้เราได้เห็นกัน เมื่อรถรุ่นนี้ทำการเปิดตัวโมเดลใหม่สำหรับขายในปี 2023 ถึงแม้ว่าทางค่ายจะเพิ่งเปิดตัว XL750 Transalp ที่เป็นตัวตายตัวแทนแบบอ้อม ๆ ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว 2023 Honda NC750X นั้นมีสเปคทางเทคนิคเหมือนกับตัวรถในปีก่อนหน้านี้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 745 ซีซี ที่ให้พละกำลังได้สูงสุดที่ 58 แรงม้า ที่ไม่ได้มีการปรับจูนให้ผ่านมาตรฐานไอเสียเพิ่มจากปีก่อน เนื่องจากว่ามันผ่าน Euro 5 อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว จะต่างจากรถปีก่อนแค่ชุดสีเท่านั้น ฉนั้นเราจะไม่มาพูดถึงสเปครถคันเดิมให้เสียเวลา แต่จะมาชวนตั้งคำถามว่า ประเทศไทยจะเอายังขาย NC750X ต่อไปหรือไม่? หลังจากที่ทางค่ายเปิดตัว XL750 Transalp ไปเรียบร้อย ซึ่งราคาค่าตัวก็คงไม่หนีกันมากนัก แต่สเปคและสไตล์ต่างกันมากพอสมควร(ในแบบที่จะดึงคนไปหารถรุ่นใหม่) อย่างแรกคือเราต้องพูดถึงเรื่องสไตล์กันก่อน โดยในรถรุ่นนี้นั้นมีความเป็นรถแนวท่องเที่ยวทางเรียบ มีอารมณ์และกิมมิคแบบรถของ Honda ในยุคก่อนหน้านี้ที่แต่ละโมเดลจะมีเอกลักษณ์บางอย่างของตัวเองที่ไม่เหมือนคู่แข่ง…
Aprilia RS300 มอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสเริ่มต้นรุ่นใหม่จากค่ายรถแห่งเวนิสอย่าง Aprilia ได้ทำการวิ่งทดสอบจนถูกจับภาพได้ใกล้กับโรงงานของ Piaggio ในเมืองบารามาตี ประเทศอินเดีย พร้อมกับรูปลักษณ์ที่คล้ายกับรุ่นพี่ตระกูล RS ที่ถูกนำมาย่อส่วนเพื่อตีตลาดรถในคลาสเริ่มต้น ซึ่งทางค่ายยังไม่มีรถของตัวเองสำหรับตลาดระดับนี้ในสังเวียน(รถรุ่นอื่นที่มีนั้นเป็นแค่โมเดลสำหรับตลาดท้องถิ่น ไม่ใช่ในระดับโลก) ถึงแม้จะเป็นตลาดที่สำคัญและถูกแย่งชิงโดยคู่แข่งไปเป็นเวลานานแล้ว Aprilia RS300 นั้นเป็นแค่ชื่อสมมุติที่เราได้ขึ้นมาเท่านั้น เพราะในปัจจุบันเรายังไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับรถคันนี้เลยแม้แต่น้อย ข้อมูลที่เรามีนั้นมีแค่หน้าตาของรถคันนี้ที่อยู่ใต้ลายพราง ที่จะคล้ายคลึงกับ RS660 หรือ RSV4 ส่วนสเปคทางเทคนิคที่พอคาดเดาได้คือมันจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบอยู่ที่ประมาณ 300-400 ซีซี กับพละกำลังสูงสุดประมาณ 35-45 แรงม้า พร้อมเทคโนโลยีร่วมสมัยทัดเทียมและไม่ด้อยไปกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ในคลาส View this post on Instagram A post shared by evo India Magazine Official (@evoindia) แต่แน่นอนว่าการตีตลาดรถในคลาสนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคู่แข่งที่มีเยอะทั้งฝั่งยุโรปและญี่ปุ่น หรือแม้แต่ทางฝั่งอเมริกาและจีนเองก็เริ่มแหย่ขาเข้ามาบ้างแล้ว…
Yamaha GT150 Fazer รถมอเตอร์ไซค์สไตล์เรโทรคันใหม่จากค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่ถูกเปิดตัวขึ้นในประเทศจีนเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมกับความคลาสสิกเรโทรเสียยิ่งกว่ารถขายดีที่มีตลาดบ้านเราอย่าง XSR155 มากขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์แบบระบายความร้อยด้วยอากาศ และเส้นสายที่มีความเป็นรถ Roadster มากขึ้น จนน่าจะทำให้นักขับสายนี้หลายคนอยากได้มันมาแทนที่เจ้าไฟกลมคันเดิมที่บ้าน Yamaha GT150 Fazer นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกที่มีความเรียบง่าย ย้อนยุคและดั้งเดิมเสียยิ่งกว่าญาติของมันอย่าง XSR155 ที่เป็นรถยุคใหม่ที่ถูกแต่งหน้าให้ดูเรโทร เพราะรถที่เปิดตัวในแดนมังกรคันนี้นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ 1 สูบ SOHC ปริมาตรกระบอกสูบ 149 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 12 Hp @ 7,500 RPM และแรงบิดสูงสุด 12.4 Nm @ 6,000 RPM ซึ่งน่าจะเรียบง่ายดั้งเดิมถูกใจสายไฟกลมเป็นอย่างยิ่ง มาพร้อมถังน้ำมันขนาด 12.5 ลิตร และน้ำหนักตัวที่เบาโหวงเพียง 126 กิโลกรัม หน้าตาภายนอกมีความเป็นรถคลาสสิกสไตล์ญี่ปุ่น แต่มันก็มาพร้อมกับไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED…
Kymco Dink-R 150 รถสกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ของค่ายรถรายใหญ่จากไต้หวันอย่าง Kymco ที่พร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูดุดันพร้อมลุย ด้วยจงอยปากด้านหน้าที่เหมือนกับรถแอดเวนเจอร์ คล้ายกับคู่แข่งคลาสเดียวกันจากฝั่งญี่ปุ่นอย่าง Honda ADV160 แต่มีองค์ประกอบรอบคันหลายอย่างที่เอียงไปทางสายเดินทางท่องเที่ยวทางไกลแบบ Grand Touring มากกว่า Kymco Dink-R 150 นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 150 ซีซี และเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ 1 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 125 ซีซี ที่ไม่ได้มีการระบุตัวเลขพละกำลังออกมาว่าต่างกันอย่างไรบ้าง ตัวรถมาพร้อมที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ ตำแหน่งที่วางเท้าแบบเรียบ ซึ่งต่างออกไปจากคู่แข่งส่วนใหญ่ ความสูงของเบาะอยู่ที่ 795 มิลลิเมตร กับน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างเบาที่ 127 กิโลกรัม ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ Telescopic และด้านหลังแบบ Dual-Shock, ระบบเบรกหน้า-หลังแบบดิสก์เดี่ยว มาพร้อมระบบเบรก ABS แบบ 2 Channel และเหตุผลที่เรามองว่ารถคันนี้มีความเป็น…
KTM บริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์จากออสเตรีย กำลังซุ่มพัฒนาระบบกันสะเทือนใหม่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์วิบากของค่าย ซึ่งความน่าสนใจของมันก็ไม่ใช่เรื่องความทันสมัยล้ำยุค เพราะระบบกันสะเทือนดังกล่าวนั้นกลับเป็นเพียง “แหนบ” ที่เป็นแผ่นโลหะยืดหยุ่นที่มีใช้กันในรถกระบะ ซึ่งไม่ได้มีชื่อเสียงด้านคุณภาพการซับแรงแม้แต่น้อย แต่ทำไมค่ายรถรายนี้ถึงอยากนำมันมาติดตั้งในรถตัวลุยกัน? ภาพลักษณ์ของระบบกันสะเทือนแบบ “แหนบ” นั้นค่อนข้างจะถูกมองว่าเป็นระบบกันสะเทือนที่ทำไว้สำหรับบรรทุกของหนัก โบราณ เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ราคาถูก ขาดความละมุนและความสามารถในการปรับแต่ง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่มุมมองที่ผิดนัก โดยระบบกันสะเทือนแบบแหนบอันใหม่ของ KTM นั้นจะถูกนำมาติดตั้งไว้ที่ด้านหลังในแนวตั้ง ปลายด้านนึงถูกยึดไว้กับเฟรมรถ ส่วนอีกด้านจะอยู่ที่สวิงอาร์ม เมื่อมีแรงกระแทก ตัวแหนบจะโค้งเหมือนคันธนูเพื่อซับแรงและดีดกลับ ซึ่งผู้ใช้ยังสามารถปรับระยะของจุดยึดด้านบนได้เล็กน้อย เพื่อปรับแต่งการรับแรงและการดีดกลับ โดยข้อดีของระบบกันสะเทือนแบบนี้ก็คือความเรียบง่าย และราคาที่ถูกกว่าโช้คแบบที่ใช้กันอยู่ อีกข้อก็คือพื้นที่ที่ใช้ในการติดตั้งแหนบนั้นมีขนาดเล็ก ทำให้ง่ายต่อการจัดการวางตำแหน่งชิ้นส่วนบนตัวรถ โดยเฉพาะเมื่อรูปทรงของรถในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการเข้ามาของรถไฟฟ้า และถึงแม้ในภาพสิทธิบัตรจะไม่ได้ให้ข้อมูลของ Damper ที่ช่วยซับแรงและเพิ่มความนุ่มนวลของการยืดหด แต่ก็คาดว่าในตัวรถคันจริงจะต้องมีการติดตั้งระบบดังกล่าวมาให้อย่างแน่นอน ที่มา cycleworld อ่านข่าวสาร KTM เพิ่มเติมได้ที่นี่