Bajaj Pulsar F250 กับนิยาม Pulsar ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Bajaj รถสปอร์ตทัวริ่งแฮนด์สูงในสไตล์ยอดนิยมของชมพูทวีปรุ่นใหม่ สดและแจ่มมากกว่าเคย โดยในครั้งนี้ผมได้มีโอกาสได้ไปชมตัวรถคันจริงที่เมือง Agra ประเทศอินเดีย ในตรอกขนาดเล็กที่สามารถมองเห็น Taj Mahal อันโด่งดังได้อยู่ไกล ๆ ความรู้สึกแรกเห็นนั้นจะเป็นอย่างไรก็มาดูกัน Bajaj Pulsar F250 เป็นรถในตระกูล Pulsar ที่มีเครื่องยนต์รหัส BS6 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในรถตระกูลนี้ ระบายความร้อนด้วยน้ำมัน มีปริมาตรกระบอกสูบ 249cc 1 สูบ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 24.1bhp@8,750rpm และแรงบิดสูงสุด 21.5Nm@6,500rpm เป็นเครื่องยนต์ลูกเดียวกับ Pulsar N250 ฝาแฝดเวอชั่นสปอร์ตเปลือยที่เปิดตัวไปไล่เลี่ยกัน ตัวรถมาในโฉมฮาร์ฟแฟริ่ง แบบสปอร์ตทัวเร่อ แฮนด์ยกสูง และกันดีดก็ให้มาแบบ 2 ชั้น ตามสไตล์รถของ Bajaj Pulsar คือ ที่สวิงอาร์ม…
Author: Kristha
Honda CB400F Doremi รถโรดสเตอร์สไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่มีขายเฉพาะในตลาดญี่ปุ่น ที่ยังคงไว้ซึ่งแนวทางการออกแบบของตัวเองตั้งแต่ยุค 90s ที่ถึงแม้จะมีการเพิ่มเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาแบบหอมปากหอมคอ แต่ก็ไม่เปลี่ยนแปลงรูปทรงของรถตามกระแสโลก ซึ่งถ้าคุณคิดว่าของที่มีอยู่มันยังเก่าไม่พอ ผู้ผลิตชุดแต่งจากญี่ปุ่นชื่อ Doremi ก็มีชุด Kit ที่พร้อมจะแปลงโฉมรถเก่าของคุณให้กลายเป็นรถโบราณ Doremi ได้แรงบรรดาลใจการออกแบบชุดแต่นี้มาจากรถรุ่นบรรพชนอย่าง Honda CBX400F รถโรดสเตอร์จากยุค 80s ที่เป็นที่โด่งดังในสมัยนั้น แต่ถึงอย่างนั้นชุดแต่งนี้ก็ไม่ใช่การพยายามยัดงานออกแบบทั้งหมดของ CBX400F รุ่นเก่ามาใส่คนโครงร่างของ CB400F รุนใหม่จากปี 2022 หากแต่เป็นการนำอารมณ์ของรถในยุคเก่ามาผสมปรับปรุงตามสูตรของค่าย โดยเราจะยังคงเห็นว่าชิ้นส่วนหลักที่เป็นพื้นฐานของตัวรถนั้นยังคงเหมือนเดิม อาจจะมีแค่การเปลี่ยนท่อไอเสียให้ไขว์เพิ่มเล็กน้อย แต่ประเด็นหลักของชุดแต่งดังกล่าวนั้นยังคงเป็นเรื่องความสวยงาม ไม่ใช่รูปแบบการขับขี่ (ภาพบน Honda CB400F ที่ใช้ชุดแต่งของ Doremi, ภาพล่าง Honda CBX400F) ชุด Kit สำหรับ Honda CB400F จาก Doremi นั้นจะถูกนำมาโชว์ตัวจริงครั้งแรกในงาน Tokyo Motor…
Aleix Espargaro นักแข่งชาวสเปนจากทีม Aprilia แชมป์ในสนามล่าสุดจากรายการ ArgentinaGP มาพร้อมกระแสแรงไม่หยุดหลังจากที่สร้างชัยชนะครั้งแรกสำหรับตัวเองและค่ายได้ก็ถือโอกาสคุยโชว์สรรพคุณของรถแข่งคู่บารมี RS-GP ที่ดีวันดีคืน เขาได้ให้สำภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับความสูสีของรถแต่ละค่ายในเวที MotoGP ฤดูกาลนี้ไว้ว่า “อย่างที่พูดไปก่อนหน้านี้ว่าเราสมควรได้รับสิ่งนี้ แต่เราต้องอยู่กับความเป็นจริงว่าตำแหน่งแชมป์โลกมันยังอยู่อีกยาวไกล ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรพลาดเราก็คงจะสู้เพื่อหัวแถว โพเดี่ยม หรือไม่ก็แชมป์สนามอื่น” Aleix กล่าว “นี่มันดีมากกับกีฬาและการชิงแชมป์มากเลยนะ ตอนนี้มีรถจากผู้ผลิตที่แข็งแกร่งหลายรายที่คุณสามารถใช้มันแข่งและสามารถชนะได้ ปีนี้ KTM, Ducati, Aprilia สามารถชนะได้ Honda, Suzuki ก็แข็งแกร่ง ส่วนผู้ชนะในปีที่แล้วก็เป็น Yamaha” “ผมอยากจะโน้มน้าวนักแข่งรุ่นใหม่ใน Moto2 มากเลย(ให้มาร่วมทีม Aprilia) แต่พวกเขาคงจะบอกประมาณว่า ‘รอรถค่ายอื่นดีกว่า’ และนั่นมันยิ่งทำให้ผมอยากชนะขึ้นไปอีก และผมก็จะบอกว่า ‘คุณจะจำวันนั้นไปตลอดชีวิต’ ตอนนี้เรากำลังทำมันได้ดี แต่มีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ นักบิดรุ่นใหม่ใน Moto2, Moto3 จะได้เห็นว่าเรามีดีอะไรบ้าง” Aleix Espargaro อ่านข่าวสาร MotoGP…
Aleix Espargaro นักบิดสัญชาติสเปนสังกัดทีมแข่งอิตาลี Aprilia ที่สร้างปรากฏการณ์แชมป์แรกในชีวิตตัวเองและแชมป์แรกของค่ายในรุ่นใหญ่ MotoGP โชซ์โหดเหนือคู่แข่งขาใหญ่ประจำรายการ ถึงตอนนี้ทุกคนคงสงสัยแล้วว่านักแข่งมือเก่าที่เป็นแชมป์มือใหม่คนนี้มีความเป็นมายังไง? เราจะพาไปดูกัน Aleix Espargaró Villà เกิดวันที่ 30 กรกฎาคม 1989 เป็นพี่ชายของ Pol Espargaró Villà นักบิดผู้น้องที่ปัจจุบันแข่งขันในรุ่นเดียวกัน ทั้งคู่เติบโตใน Granollers ไม่ไกลจากสนามแข่งระดับโลก Circuit de Barcelona Catalunya ทำให้ชีวิตของเด็กน้อย Espargaro มีความผูกพันธ์กับกีฬาความเร็วและเรียงจุดระเบิดของเครื่องยนต์ตั้งแต่เด็ก โดยเขามีไอดอลในดวงใจคือ Youichi Ui หมายเลข #41 แชมป์โลก 2 สมัยคลาส 125cc ทำให้เจ้าตัวเลือกใช้หมายเลขดังกล่าวมาตลอด ปี 2003 Aleix เริ่มลงแข่งขันมอเตอร์ไซค์แบบจริงจังครั้งแรกใน FIM CEV International Championship ในคลาส…
การแข่งขัน MotoGP สนามล่าสุด ArgentinaGP ที่เพิ่งแข่งจบไปทำให้เราได้เห็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการสองล้ออีกครั้งเมื่อ ALeix Espargaro นักบิดสัญชาติสเปนแห่งทีม Aprilia สามารถคว้าชัยเป็นครั้งแรกให้กับตัวเองในรุ่นใหญ่ได้สำเร็จ หนำซ้ำยังเป็นการคว้าชัยชนะครั้งแรกให้กับค่ายผู้ผลิต Aprilia ทีมจากอิตาลีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันกับตนมาหลายฤดูกาล ทำให้หลายคนแปลกใจและตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เห็นว่ารถยี่ห้ออื่นก็สามารถพานักแข่งที่มีฝีมือดีพอคว้าแชมป์ได้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้ตัวแข่งดีกรีแชมป์จากทีมโรงงานเสมอไป แต่ถึงเราจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าทึ่งทั้งสำหรับคนดูรวมถึงนักแข่งและทีมงาน แต่อันที่จริงแล้ว Aleix ก็เคยออกมาพูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวแรง RS-GP รุ่นปัจจุบันไว้ว่ามันนั้นถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมไปมาก มากชนิดที่ว่าเจ้าตัวสามารถรู้สึกตั้งแต่ช่วงทดสอบ Pre-Season Test ก่อนเริ่มฤดูกาลแล้วว่ารถของตัวตนนั้นอยู่ในจุดที่ดีแบบที่ไม่เคยดีมาก่อน และเป็นครั้งแรกที่นักขับชาวสเปนรายนี้รู้สึกได้จริงว่า “มีโอกาสที่จะชนะ” เป็นครั้งแรก โดย Aleix Espargaro ได้ให้สำภาษณ์หลังได้รับชัยชนะว่า “ผมมีความสุขมาก เพราะตั้งแต่การทดสอบที่กาตาร์ ผมรู้สึกว่าผมมีรถที่ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตนักแข่งนี้เคยสำผัส ช่วงทดสอบตอนแรกมันก็ยังบอกยากอยู่ว่ารถคันนี้จะพาไปได้ไกลถึงไหน แต่ตอนจบการทดสอบเวลาของผมก็ไปอยู่ใกล้กับพวกหัวแถว เราพัฒนาทีละนิดในกาตาร์ เราเร็วที่สุดในการจัดอันดับเมื่อวาน และเราชนะในวันนี้ นี่ไม่ใช่เพราะโชคช่วย หรือสนามเปียก เพราะตอนนี้เรามีคะแนนนำ” อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
ในปี 2020 Honda ได้รับรางวัลงานออกแบบยอดเยี่ยมจากเวที Red Dot Design Awards เป็นครั้งแรกจากผลงานการออกแบบซูปเปอร์ไบค์ CBR1000RR-R Firsblade SP ก่อนที่จะตามมาด้วยรถบิ้กสกู๊ตเตอร์สุดสวย Forza 750 ในปี 2021 และในปีนี้ค่ายปีกนกก็ยังคงแรงอย่างต่อเนื่องจากผลงานของ NT1100 และ ADV350 โกยรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 หลังปรับภาพลักษณ์งานออกแบบที่ยังคงเรียบง่ายแบบ Honda แต่เทียบชั้นรถอิตาลี Red Dot Design Awards คือรางวัลการออกแบบนานาชาติจากเยอรมนีที่มอบให้กับผลงานด้านการออกแบบใน 3 สาขาคือ ผลิตภัณฑ์, แบรนด์, แนวคิด ที่มีเอกลักษณ์สวยงามและแปลกใหม่โดยองค์กร Red Dot ซึ่งปกติแล้วรางวัลด้านผลิตภัณฑ์ประเภทรถมอเตอร์ไซค์นั้นมักจะมีขาใหญ่เป็นรถจากค่ายอิตาลีที่คว้ารางวัลนี้ไปครองอยู่ตลอด รถคันล่าสุดที่หลายคนคงพอนึกได้ก็คือ Ducati XDiavel ที่คว้ารางวัลเดิมซ้อนกันหลายครั้งติดต่อกัน ทว่าตั้งแต่ค่ายปีกนกเริ่มยกระดับการออกแบบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยการว่าจ้างนักออกแบบมากประสบการณ์ชาวอิตาลีอย่าง Maurizio Carbonara และลงทุนเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนารถที่เน้นด้านการออกแบบที่ Rome ก็ทำให้ผู้ผลิตรถจากญี่ปุ่นรายนี้เริ่มเป็นที่สนใจจากงานออกแบบที่โดดเด่นมากขึ้น…
หลังจากเหตุการณ์ปรับตารางการแข่งขันรายการ ArgentinaGP ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเครื่องบินไม่สามารถนำรถแข่งจากการแข่งขันสนามก่อนหน้านี้มาส่งได้ตามเวลา หลายคนคงเริ่มสงสัยกันแล้วว่าถ้ารถแข่งมันถูกส่งมาถึงที่สนามแข่งแล้ว “มันต้องใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะทำให้ตัวรถอยู่ในสภาพพร้อมแข่ง?” โดยผู้ที่มาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้คือ Alex Briggs สมาชิกทีมช่างที่มากประสบการณ์ที่เคยสนับสนุนแชมป์โลกมาแล้วถึง 2 คนนั่นคือ Mick Doohan และ Valentino Rossi ได้ออกมาอธิบายผ่าน Twitter ส่วนตัวของเขาไว้ในกรณีที่รถแข่งที่มาสายสามารถมาถึงสนามในช่วงเย็นไว้ดังนี้ “ว่ากันตามตรง ถ้ารถไม่ได้เสียหายจากการแข่งขันรอบที่แล้ว รถก็คงจะเตรียมเสร็จภายในคืนนั้น รถแข่งสามารถทำงานได้ถ้าของมันครบ มีเครื่อง เกียร์ ของเหลว ระบบกันสะเทือน ถ้าต้องการลงแข่งรถก็ต้องสะอาดเอี่ยม เปลี่ยนของเหลว ชิ้นส่วนอย่างแผ่นครัทช์ หรือท่อไอเสีย หรืออะไรก็ตามที่คุณอยากให้มันมีอายุการใช้งานที่น้อยเข้าไว้ ตอนเริ่มฤดูกาลเครื่องยนต์ใหม่ลูกนึงอาจจะอยู่ได้สักสามเรซ หลังจากนั้นคุณก็เริ่มที่จะสลับเครื่องใช้แล้ว” Briggs ได้กล่าวเพิ่มว่า “การเตรียมโรงรถให้พร้อมเพื่อให้อุปกรณ์อยู่ถูกที่พร้อมใช้งานมันนานกว่าการเตรียมรถสำหรับ FP1 เสียอีก ปกติก็จะใช้ทั้งทีมช่วยกันจัดเตรียมโรงรถอาจจะใช้เวลาสัก 4 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น คุณจะไม่ได้ทำความสะอาดก่อนนำรถยัดลงกล่องในคืนวันอาทิตย์ เพราะคุณต้องการเก็บของให้ไวเพื่อให้ออกเดินทางได้ไวที่สุด คุณจะซ่อมแซมมันหลังแข่งเสร็จก็ต่อเมื่อมันมีปัญหา” อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
MotoGP จะสามารถจัดแบบสัปดาห์ละ 2 วันได้ไหม ? หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันแรกของสัปดาห์การแข่งขัน ArgentinaGP เกิดเหตุขัดข้องกับเครื่องบินที่ทำหน้าที่ขนส่งรถแข่งและอุปกรณ์ของทีมงาน ทำให้ทีมไม่สามารถเริ่มงานเตรียมเซ็ทรถแข่งเพื่อลงทดสอบตามตารางที่กำหนดไว้ได้ ทำให้การทดสอบในวันศุกร์ต้องถูกยกเลิก และมีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาการทดสอบและจัดอันดับใหม่ในวันเสาร์ทั้งหมดกันขนานใหญ่ คนที่ดู MotoGP อยู่แล้วก็คงทราบดีว่าตารางปกติของการแข่งขันนั้นจะเริ่มในวันศุกร์ของสัปดาห์การแข่งขัน ที่จะเป็นวันทดสอบรถและลองสนามครั้งแรก ก่อนที่ลงวิ่งเพื่อจับเวลาหาอันดับออกตัวในวันเสาร์ และเริ่มแข่งจริงวันอาทิตย์ ซึ่งก็ดูเป็นการแบ่งวันสำหรับกิจกรรมที่มีได้เข้าใจง่ายดี แต่การแข่งขันขนาดเล็กหลายรายการก็สามารถจัดการทุกอย่างให้เสร็จตั้งแต่ซ้อมยันแข่งภายใน 2 วัน แล้วมันจะดีกว่าไหมถ้า MotoGP ทำแบบนั้นบ้าง ในเมื่อตารางสนามแข่งขันในแต่ละปีก็มีมากขึ้นตลอด การหาเวลาให้ทีมงานพักบ้างก็น่าจะดีไม่ใช่น้อย Fabio Quartararo แชมป์โลกคนล่าสุดให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่า “เอาเข้าจริงถ้าคุณมีรถที่ทำงานได้ดีอยู่แล้ว จะให้ทำทุกอย่างในวันเดียวเรายังทำได้เลย แต่ถาคุณมีปัญหากับตัวรถหรือมีอะไรผิดปกติ การมีวันศุกร์กับเสาร์ก็ช่วยให้คุณมีเวลาแก้ไขมันได้” เขากล่าว “คือมันก็บอกยาก คงเป็นเรื่องที่ดีหากมีกิจกรรมแค่ 2 วัน เพราะถ้าเรามีรายการ GP ต่อฤดูเพิ่มมากขึ้น มันก็คงยากที่จะจัดแบบเดิม” ส่วนนักบิดจากฝรั่งเศส Johan Zarco ก็ได้บอกว่า “อันที่จริงผมกับทีมงานยังขำด้วยกันเมื่อวานอยู่เลย ว่าอันที่จริงแล้วเราจัดกิจกกรมแค่ 2 วันก็พอแล้วนะ…
Gachaco บริษัทร่วมทุนของ 4 + 1 ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ยักใหญ่ทั้งสี่จากญี่ปุ่น Honda, Yamaha, Kawasaki, Suzuki และบริษัทพลังงานเจ้าใหญ่อีกเจ้าอย่าง Eneos จับมือกันสร้างบริษัทใหม่ผู้ให้บริการแบตเตอรี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ระหว่างทางได้โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กรอชาร์จไฟให้เสียเวลา และที่สำคัญคือเราสามารถสลับแบตเตอรี่ไปมาได้ไม่เกี่ยงค่ายรถ ถ้าเรายังจำกันได้เมื่อปี 2019 บริษัทผู้ผลิตจักรยานยนต์ 4 ค่ายญี่ปุ่นทำข้อตกลงพัฒนาแบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้แบบมาตราฐาน ที่สามารถถอดและสลับกันใช้งานไปมาได้ระหว่างรถหลายรุ่น แบบเดียวกับมาตราฐานสายชาร์จไฟหรือสายส่งข้อมูลที่เราใช้กันอยู่ ก่อนที่จะตกลงปลงใจกันเลือกแบตเตอรี่มาตรฐานเดียวกันได้เดือนพฤศจิกายน 2021 และในปลายปีนั้น Honda ก็เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ดันแบตเตอรี่ต้นแบบออกมาโชว์ตัวได้สำเร็จ(แบตเตอรี่ตัวอย่างในภาพ) และเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม 2022 ก็ได้มีประกาศถึงความร่วมมือเพิ่มเติมที่มีสมาชิกใหม่รวมเข้ามาด้วยนั่นก็คือบริษัทน้ำมันอย่าง Eneos ที่วางแผนจะเข้ามาเพื่อเป็นผู้ให้บริการจุดเปลี่ยนแบตเตอรี่ และผลักดันบริการ EV แบบครบวงจรที่จะดูแลตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ยาวไปจนถึงการรีไซเคิลเพื่อนำมาใช้ใหม่ ซึ่งภาคีก็ได้ประกาศการก่อตั้งบริษัท Gachaco ที่จะเริ่มต้นธุรกิจโครงข่ายจุดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเริ่มตามจุดที่มีผู้คนหนาแน่นและเข้าถึงง่ายอย่างสถานีรถไฟตามเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น โตเกียว, โอซาก้า, นาโงย่า ก่อนที่จะขยายไปสู่เมืองรองภายในประเทศ แต่เราก็ไม่รู้ว่าทางบริษัทมีแผนที่จะดันโครงการนี้ไปนอกประเทศหรือไม่ ผู้คนนอกเกาะอย่างเราคงจะได้ใช้รถไฟฟ้าแบบเดียวกันในอนาคตอันใกล้ แต่อาจจะไม่มีบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ดังกล่าวไปก่อน แล้วหวังว่าจะมีนักลงทุนเงินหนาสักรายเข้ามารับหน้าที่ให้บริการแบบเดียวกันในเร็ววันนี้ อ่านข่าวสาร EV…
BMW R1300GS ชื่อรหัสใหม่ของสมาชิก GS ที่โผล่ขึ้นมาบนเว็บไซต์ซ่อมบำรุงรถของค่ายฟ้าขาวจากบาวาเรีย BMW รถสไตล์แอดเวนเจอร์ตัวท็อบสุดสายนักผจญภัยบนสองล้อรุ่นใหม่อาจมาพร้อมเครื่องยนต์ใหญ่กว่าเดิม เพิ่มเติมคือรหัสแรง M1300GS รถรุ่นพิเศษที่พัฒนาโดยแผนกรถแข่ง M division BMW R1300GS และรหัสแรง M1300GS เป็นชื่อที่โผล่มาในช่วงกรอกข้อมูลรถที่ลูกค้าต้องการนำไปเซอร์วิสบนเว็บไซต์ BMW(อันที่ที่จริงมีชื่อ R1400GS โผล่มาด้วยแต่เราไม่ขอลงรายละเอียดมาก) ก่อนจะถูกถอดออกไปจากเว็บไซต์ดังกล่าวในเวลาต่อมา ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นการทำข้อมูลหลุดจริงของค่ายฟ้าขาว มันก็ทำให้เราเดาได้ว่ารถรุ่นใหม่ที่เป็นผู้สืบทอดของรถที่ถือว่าเป็นราชาแอดเวนเจอร์ที่ทุกค่ายอยากโค่นนั้นจะออกมาในแนวทางไหน และแนวทางที่ว่านั้นก็หนีไม่พ้นการขยายความจุเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นดูเหมือนจะเป็นเทรนของมอเตอร์ไซค์ทั่วโลกที่พากันขยายขนาดเครื่องยนต์ของตัวเอง หลังจากที่กฏหมายความคุมมลพิษในหลายประเทศทั่วโลกนั้นมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ค่ายรถสามารถรีดแรงม้าต่อปริมาตรกระบอกสูบได้น้อยลง จึงทำให้ต้องขยายเครื่องยนต์เพื่อชนเชยกำลังที่หายไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไร เพราะหากเราดูที่ความเป็นไปของรถตระกูล GS แล้วเราก็จะเห็นได้ว่ามันมีขนาดเครื่องยนต์ที่ขยายขึ้นทีละนิดตั้งแต่เครื่องยนต์ขนาด 1000cc เรื่อยมาจนถึงขนาดปัจจุบันที่ 1250cc หากรถรุ่นใหม่จะถูกขยายความจุจนกลายเป็น 1300cc ก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดหมาย(ถึงแม้เราจะรู้สึกว่ามันเริ่มจะใหญ่เกินไปแล้ว) โดยในตอนนี้เราก็เริ่มเห็นรถตัวตายตัวแทนรุ่นใหม่ถูกนำมาทดสอบกันแล้วซึ่งทุกคนสามารถเข้าไปดูภาพ Spyshot ได้ที่นี่ และจากภาพของรถรุ่นใหม่เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจจุดหนึ่งก็คือ “เครื่องยนต์สูบนอนระบายความร้อนด้วนน้ำแบบเต็มระบบ” เรียบร้อยแล้วหลังจากที่เครื่องยนต์ในรุ่นปัจจุบันใช้ระบบระบายความร้อนแบบผสม น้ำ-อากาศ มานาน รายละเอียดของ M1300GS นั้นก็คาดว่าจะเป็นรถสเปคแรงที่ผ่านการปรับแต่งให้เน้นการโดดเนินลุยทรายได้มากขึ้นในแบบ Rally…