บมจ.ปตท. หรือ PTT ผู้ประกอบธุรกิจปิโตรเลี่ยมรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการประจำไตรมาส 3/64 โดยมีตัวเลขกำไรสุทธิอยู่ที่ 23,652.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถ้าหากรวมกำไรสุทธิตลอด 9 เดือนแรกของปีนี้ ทางบริษัทจะมีกำไรอยู่ที่ 80,819.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บริษัทมีกำไรจากการสต็อกน้ำมันดิบประมาณ 39,000 ล้านบาท หลังจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2563 เนื่องจากราคาของน้ำมันและปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น และผลกำไรในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มเป็นบวก ทำให้ตลอด 9 เดือนแรกของปี 2564 กลุ่มปตท. สามารถนำเงินเข้ารัฐในฐานนะเงินปันผลและภาษีเงินได้เป็นเงิน 55,924 ล้านบาท อ่านข่าวสารมอเตอไซค์ล่าสุดได้ที่นี่
Author: Kristha
การแข่งขันสนามสุดท้ายของ MotoGP 2021 ที่สนามแข่ง Ricado Tormo Valencia ถึงแม้จะเป็นสนามส่งท้ายปีตามปกติ เพื่อรอการแข่งขันในปีหน้าที่จะเข้ามาถึงสำหรับนักแข่งส่วนใหญ่ บ้างก็อยู่ทีมเดิม บ้างก็ย้ายทีม บ้างก็เลื่อนชั้น แต่มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นสำหรับนักแข่งบางคนโดยเฉพาะสำหรับ Danilo Petrucci และ Valentino Rossi ที่วันอาทิตย์นี้จะเป็นการออกสตาร์ทครั้งสุดท้ายสำหรับทั้งคู่ในรายการนี้ คนนึงที่มาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ Franco Morbidelli ที่เป็นอดีตทั้งแชมป์โลกรุ่น Moto2 และเป็นลูกศิษย์ของตำนาน VR46 ได้กล่าวว่า “มันคงจะแปลกที่ไม่มี Vale อยู่บนเทรค ตอนที่เราแข่งเราจะไม่ค่อยได้นึกถึงความรู้สึกหรือความสัมพันธ์กับคนอื่นเท่าไร แต่สิ่งที่แน่นอนคือเรื่องราวของเขาจะเป็นเรื่องราวที่น่าทึ่ง และมันคงน่าคิดถึงเรื่องพวกนี้ในวันที่ไม่ได้คุยกับเขาหรือเปรียบเทียบตัวเองกับเขา(ในด้านการขับขี่) ในช่วงสุดสัปดาห์การแข่งขัน” และต่อมาท่านนายพลก็ถูกถามเรื่องที่ว่า ใครควรจะขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดหมายเลข #46 คำตอบที่ได้ก็คือ “ไม่มีครับ Vale ยิ่งใหญ่มากสำหรับกีฬาชนิดนี้ และมันยากมากที่จะหาคนมาแทน มันยากมากที่จะหาคนมาแทน Tyson, Woods, Jordan มันเป็นไปไม่ได้ ในอนาคตจะมีนักแข่งอีกหลายคนที่ยิ่งใหญ่แต่ Valentino ก็คือ…
Honda RC213V-S รถสนามที่สามารถนำมาขับได้จริงบนถนนรุ่น Super Limited จากค่าย Honda ที่ได้รับการพัฒนามาจากตัวแข่งดีกรีแชมป์โลก MotoGP RC213V ที่เป็นหนึ่งในมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ในระดับท็อบของวงการในด้านเทคโนโลยีและสมรรถนะ เทียบชั้นได้กับรถระดับ LaFerrari จากวงการรถยนต์ ที่ถูกวางจำหน่ายทั่วโลกเพียง 213 คัน ล่าสุดมันก็ได้ถูกนำออกประมูลผ่านการร่วมมือกันของ Bingo และ Yahoo! ของญี่ปุ่น Honda RC213V-S เป็นรถที่เราสามารถเรียกได้ว่ารถแข่งสำหรับถนนสาธารณะอย่างแท้จริง เนื่องมากจากว่าใช้พื้นฐานมาจากรถแข่ง Prototype ของจริงที่ไม่ใช่แค่การนำแรงบันดาลใจหรือเทคโนโลยีมาเท่านั้น แต่มันคือการนำเครื่องยนต์ เฟรม และอุปกรณ์ไฮเทคทุกอย่างมาใช้จริงทั้งยวง โดยผ่านการปรับแต่งค่าไอเสีย เพิ่มสัญญาณไฟกับกระจก เพื่อให้สามารถจดทะเบียนรถได้เพียงเท่านั้น ส่วนเรื่องสเปคแบบละเอียดเราก็ได้เขียนมันเอาไว้แล้วที่นี่ ถ้าจะถามว่ามันเหมือนขนาดไหน เราก็ต้องอธิบายก่อนว่า ในกติกาการแข่งขันโมโตจีพีนั้น นักแข่งแต่ละคนจะถูกผู้จัดการแข่งขันควบคุมให้ซ้อมบนรถแข่งจริงได้ในวันเวลาและสถานที่ที่จำกัด เพื่อป้องกันทีมใหญ่ที่มีงบเยอะทำการทดสอบรถตลอดปีจนทีมเล็กพัฒนารถตามไม่ทัน ถ้านักแข่งอยากซ้อมก็มันจะไปซ้อมกับรถสปอร์ตของค่าย(แต่ก็มีข้อเสียที่ว่ามันมักทำให้นักแข่งสับสนกับวิธีขับรถแข่งจริง) ไม่ก็ฝึกซ้อมหรือร่างกายด้วยกีฬาแบบอื่นหรือกับรถประเภทอื่นแบบรถวิบากไปเลยไปเลย แต่ทางค่ายปีกนกกลับนำ RC213V-S คันนี้ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นรถแข่งมาใช้ฝึกนักแข่งของตัวเองได้ เนื่องจากความคล้ายคลึงกันทางวิศวกรรม ซึ่งการประมูลที่ว่าก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา…
ในเวทีการแข่งขันระดับโลกอย่าง MotoGP นวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดเวลาอันเนื่องมาจากความกดดับในการแข่งขันให้เป็นที่หนึ่งของโลก ซึ่งถ้าหากเราพูถึงเรื่องแบบนี้แล้ว ค่ายแรกและทีมแรกที่แฟนรายการหลายคนนึกถึงก็คงหนีไม่พ้นค่ายแดงจาก Emilia Romagna อย่าง Ducati ที่มักจะมีของเล่นใหม่ ๆ มาให้ผู้ชมเห็นตลอดเวลา แต่นวัตกรรมใหม่ในครั้งนี้มาจากอีกค่ายที่เรามันไม่ค่อยนึงถึงอย่าง Suzuki แทน นวัตกรรมใหม่ที่น่าสนใจในครั้งนี้ไม่มีผลเกี่ยวกับความเร็วต่อรอบแต่อย่างใด แต่มันคือกล้องติดไหล่แบบฝังเข้าไปในชุดแข่ง ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ที่มาที่ไปของกล้องที่ว่า ว่าทีมแข่งเป็นคนคิดขึ้นเอง หรือทางผู้จัดเป็นคนคิดขึ้นแต่นำไปทดสอบกับชุดของ Alex Rins #42 (ชมคลิปได้ที่นี่)แต่สิ่งที่เราเห็นได้ชัดคือมันช่วยเพิ่มมุมมองใหม่ให้กับผู้ชมอย่างเรามากเลย เพราะเป็นมุมมองใหม่ที่เราไม่เคยเห็น ทำให้ได้รู้การออกท่าทางของตัวนักแข่งแต่ละคน(ในกรณีที่ถูกนำไปติดกับนักแข่งทุกคน) รวมถึงของที่เราจะไม่ค่อยได้เห็นกันอย่างหน้าจอ Dashboard และปุ่มควบคุมบนรถ แต่ขณะเดียวกันเมื่อมันมีเทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้เข้ามา ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนไม่เห็นด้วยหรืออย่างน้อยก็ไม่อยากใช้เทคโนโลยีที่ว่า และในกรณีนี้คนที่ว่าก็คือนักบิดจากทีมเจ้าเทคโนโลยีอย่าง Francesco Bagnaia แห่งทีม Ducati โดยเจ้าตัวก็มีเหตุผลที่น่าสนใจและมีน้ำหนักเกี่ยวกับกล้องใหม่ตัวนี้ “มันน่าสนใจมากเลยที่ได้เห็นความลับบนรถ Suzuki…เราเห็น dashboard ของเขาด้วยและมันน่าสนใจมาก” นักบิดชาวอิตาลีกล่าว “ผมไม่อยากให้มีกล้องแบบนี้ติดอยู่บนตัวผมเลย ผมไม่อยากจะแชร์ข้อมูลอะไรออกไป(ข้อมูลของตัวแข่ง) แต่มันดีมากเลยที่ได้เห็นของคนอื่น” อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
Fabio Quartararo แชมป์โลกรายการ MotoGP คนล่าสุด แถมยังเป็นชาวฝรั่งเศสคนแรกที่ได้แชมป์โลก และเป็นนักแข่งจาก Yamaha คนแรกที่ได้แชมป์หลังจากที่ Jorge Lorenzo ทำได้ในปี 2015 ซึ่งตามธรรมเขียนการแข่งขันกีฬาความเร็วแล้ว จะไม่มีนักกีฬาคนไหนสามารถใช้หมายเลข #1 ได้เนื่องจากเป็นเลขที่สงวนไว้สำหรับผู้ที่ได้ตำแหน่งแชมป์โลกเท่านั้น และการที่ Fabio ได้แชมป์ในครั้งนี้ ทำให้เขามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนจากหมายเลข #20 ที่ใช้อยู่เป็นเลข #1 ในการแข่งขันฤดูกาลหน้าได้ แต่ล่าสุดแชมป์โลกอายุ 22 รายนี้ก็ได้ออกมาปฏิเสธว่าตนจะยังคงใช้หมายเลข #20 ของตัวเองต่อไป “ไม่ครับ เราจะไม่ได้เห็นเลขนี้ ผมเริ่มแข่งด้วยเลข #20 และผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่หมายเลข #1” Quartararo ให้ความเห็นหลังจากถูกถามเรื่องหมายเลข “ผมจะใช้เลข #20 ต่อไปจนกว่าผมจะเลิกแข่ง เพราะนี่เป็นเลขที่ทำให้ผมอยากแข่งรถตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และมันเป็นเลขที่พิเศษสำหรับผม” ถ้าหากเราย้อนไปดูแชมป์โลกปีที่ผ่านมาในกรณีของ Joan Mir #36 นั้นก็ไม่ได้ใช้เลข…
Crighton CR700W ผลงานจากความไฝ่ฝันของ Brian Crighton ผู้อยู่เบื้องหลังรถมอเตอร์ไซค์ Norton RCW588 ที่ลงแข่งขันในช่วงปี 1988-1994 รวมถึง NRV588 ในปี 2009 ซึ่งต่อมา Brian Crighton ก็ได้ออกมาสร้างแบรนด์รถแข่งของตัวเองในปี 2013 ในชื่อ Crighton ซึ่งรถมอเตอร์ไซค์ขุมพลังโรตารี่คันนี้ก็คือผลงานล่าสุดของค่าย Crighton CR700W มีรูปลักษณ์ภายนอกไม่ต่างไปจากรถแข่งในคลาส MotoGP มากนัก ทั้งเปลือกแฟริ่งที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน, แรมแอร์ 3 ช่องที่ตอนแรกดูผ่าน ๆ นึกว่าช่องด้านข้างเป็นปีกวิงเล็ท, เฟรมอลูมีเนียมน้ำหนักเบา, ท่ออกตูดที่เป็นภาพจำของตัวแข่งสายสนามล้วน และแน่นอนว่าเมื่อมันเป็นรถสนามล้วนแล้วมันย่อมต้องมาพร้อมน้ำหนักแสนเบาเพียงแค่ 129.5 กก. แบบไม่รวมของเหลว หัวใจสำคัญของมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็คงหนีไม่พ้นเครื่องยนต์โรตารี่ระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 โรเตอร์ ที่มีความจุเครื่องยนต์ 690cc(เป็นที่มาของชื่อ CR700W) ให้พละกำลังสูงสุด 220Hp@10,500rpm และแรงบิดสูงสุด 142Nm@9,500rpm ซึ่งถือว่ามีแรงบิดสูงมากหากเทียบกับความเป็นเครื่องยนต์โรตารี่ที่มันมีจุดอ่อนด้านแรงบิด…
2022 BMW K1600GT และ K1600GTL ทั่วริ่ง 6 สูบเรียง ตัวสุดในคลาสทั่วริ่งจากแคว้นบาวาเรีย หนึ่งในรถที่เป็นตัวแทนของคำนิยามของรถสไตล์ทั่วรุ่ง ล่าสุดก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยังคงลักษณ์การใช้งานและรูปทรงแบบเดิมไว้ แต่ยัดเทคโนโลยียุคใหม่เข้ามาให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อคงไว้ซึ่งตำแหน่ง “สุดในรุ่น” 2022 BMW K1600GT หนุ่งในรถสไตล์ทัวริ่งสไตล์ดั้งเดิม เลือดบริสุทธ์พวกสุดท้ายที่ยังขายอยู่ในตลาด (ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่ารถสไตล์เดียวกันอย่าง Honda ST1300, Kawasaki 1400GTR(Concours) ต่างก็ยกเลิกการทำตลาดไปแล้ว ส่วนรุ่นอื่นอย่าง Yamaha FJR1300 ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีโฉมถัดไป) ในเวลาที่กระแสรถแนวแอดเวนเจอร์ทัวริ่งแบบ Crossover ที่ลุยฝุ่นได้บ้างกำลังมาแรง ขุมกำลังสุดพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ก็ยังคงเป็น เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 6 สูบเรียง 1649cc ที่ให้พละกำลังสูงสุด 160Hp@6750rpm และแรงบิดสูงสุด 190Nm@5250rpm ซึ่งความน่าสนใจมันอยู่ที่ตัวเลขแรงม้าที่เท่าเดิม แต่มาด้วยรอบที่ต่ำลงถึง 1000rpm เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่วนแรงบิดก็มีมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อยด้วยเช่นกัน และทั่งหมดนี้ทำได้โดยที่มันสามารถผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5 ได้แล้ว 2022…
2022 BMW K1600B และ K1600 Grand America ทั่วริ่ง 6 สูบเรียง ตัวสุดในคลาสทั่วริ่งจากแคว้นบาวาเรีย ที่แปลงโฉมท้ายลาด เพื่อหวังตีตลาดรถสไตล์ Bagger และ Touring แบบอเมริกัน ล่าสุดมันก็ได้เปิดตัวโฉมใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ลายขายโฉมก่อนหน้ามานานพอสมควร พร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่จัดเต็มกว่าเดิม(ปกติก็จัดเต็มอยู่แล้วนะ) 2022 BMW K1600B รถสไตล์ Bagger ของค่ายที่มีพื้นฐานมาจาก 2022 BMW K1600 GT เรือธงสายท่องเที่ยวรุ่นตำนานของค่ายที่ผ่านการเปลี่ยนซัพเฟรมให้ท้ายต่ำลงจนมีรูปทรงคล้ายกับรถครุยเซอร์แบบอเมริกัน อุปกรณ์อื่นก็มีการปรับเปลี่ยนตามสไตล์ขอตัวรถด้วยเช่นกัน ทั้งตำแหน่งแฮนด์ และที่พักเท้าที่มีความใกล้เคียงกับรถแนว Bagger แต่สิ่งที่ต่างจากรถ Bagger ทั่วไปก็คือเครื่องยนต์ เพราะมันมาพร้อมเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 6 สูบเรียง 1649cc ที่ให้พละกำลังสูงสุด 160Hp@6750rpm และแรงบิดสูงสุด 190Nm@5250rpm ซึ่งความน่าสนใจมันอยู่ที่ตัวเลขแรงม้าที่เท่าเดิม แต่มาด้วยรอบที่ต่ำลงถึง 1000rpm เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ส่วนแรงบิดก็มีมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อยด้วยเช่นกัน…
MV Agusta Superveloce Ago เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วที่สนาม Misano World Circuit กลางสุดสัปดาห์การแข่งขัน MotoGP ซึ่งก็ดูจะเหมือนว่าการตลาดแบบ MV Agusta ที่ทะยอยปล่อยรุ่นพิเศษจำนวนจำกัดออกมาบ่อย ๆ แทบจะทุกไตรมาตรนั้นจะเป็นการตลาดที่ได้ผล(สังเกตุได้จากการที่รถรุ่นใหม่ถูกขายหมดอย่างรวดเร็วทุกรุ่น) โดยในครั้งนี้ทางค่ายก็ได้แรงบันดาลใจมากจากแชมป์โลก 15 สมัยอย่าง Giacomo Agostini และรถ MV Agusta คู่ใจที่ใช้เหมาแชมป์ในยุคนั้น MV Agusta Superveloce Ago จะยังมาพร้อมกับเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยน้ำ 3 สูบเรียง 798cc พื้นฐานเดิมที่ผ่านการปรับปรุงใหม่และลดแรงเสียดทานของชิ้นส่วนภายในหลายจุด ปรับทางเดินไอเสีย จนมีพละกำลังสูงสุด 147Hp@13,000rpm และแรงบิดสูงสุด 88Nm@10,100rpm ซึ่งถือว่าสูงสุดที่เครื่องยนต์ตระกูลนี้เคยทำได้ แต่ถ้าเราเพิ่มชุด Race kit ที่มาพร้อมท่อไอเสีย Arrow ใหม่และกล่อง ECU ที่ให้มาด้วยก็จะทำให้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 151Hp การเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคนอกเหนือจากเครื่องยนต์ก็มีตั้งแต่เฟรมใหม่ที่ถูกปรับปรุงให้แข็งมากขึ้น,…
Royal Enfiel Himalayan 650 ว่าที่รถคันใหม่จากทางค่ายผู้ดีภารตะ ที่จะถูกพัฒนาบนพื้นฐานของเครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศ 2 สูบเรียง 650cc ที่ประจำอยู่ในรถสไตล์คาเฟ่และโรดสเตอร์ของทางทางค่าย แต่จากข้อมูลที่เราได้มาคือจามารีคลาสกลางคันใหม่นี้จะมีแนวทางที่เปลี่ยนไปจากเดิม เพิ่มเติมคือขับสะบาย Royal Enfiel Himalayan 650 ใหม่ที่จะมาในอนาคตนั้น อันที่จริงแล้วมันไม่อยู่ในแผนการพัฒนารถของทางค่ายผู้ดีย้ายสัญชาติรายนี้เลยด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากว่ากระแสตอบรับของ Himalayan 400 ขายได้เป็นเทน้ำเทท่า แต่ดันมีคำติอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความสามารถในการขับบนราดยางตรงยาว และการเดินทางในระยะไกล(เนื่องจากว่ารถเดิมนั้นเน้นการลุยฝุ่นมากเป็นพิเศษ) ทำให้ทางค่ายเห็นช่องทางการตลาดใหม่และให้ไฟเขียวโครงการนี้อย่างรวดเร็ว โดยรถใหม่คันนี้อาจจะมีอะไรเปลี่ยนไปหลายอย่างหากเทียบกับ Himalayan รุ่นที่ทำตลาดอยู่เดิม เช่นรูปแบบการขับขี่ที่เน้นการใช้งานทางเรียบมากขึ้น เปลี่ยนจากล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว เป็น 19 นิ้ว เพื่อชดเชยจุดอ่อนของรุ่นเดิมที่ขายอยู่ แต่จะยังคงรักษารูปลักษณ์และสไตล์การออกแบบเดิมไว้เกือบทั้งหมด ส่วนเรื่องเครื่องยนต์ก็แน่นอนว่ามันจะต้องใช้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 650cc 47hp เครื่องเดิมที่ปรับจูนรูปแบบการให้กำลังให้เหมาะสมกับการใช้งานแบบผสมทางเรียบทางฝุ่นมากขึ้น พร้อมเทคโนโลยียุคใหม่ตามยุคสมัยและอาจจะมีลุ้นได้เห็นหน้าจอสีแบบ TFT ด้วย ถึงแม้ตัวรถจะถูกให้ไฟเขียวพัฒนามาถึง 1 ปีครึ่งแล้ว แต่กำหนดการเปิดตัวนั้นถูกวางไว้ในช่วงไตรมาตรสุดท้ายของปี…