MV Series เว็บคอมมิคส์ล่าสุดจากค่ายรถหรูอิตาเลี่ยน? ถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติ ที่บางครั้งค่ายรถก็ทำการตลาดแบบไม่ปกติ ไม่ว่าจะในวงการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ก็ตาม ที่ทำให้เราคิดสงสัยว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร? แต่ถึงกระนั้นการทำการ์ตูนสั้นครั้งนี้ของ MV Agusta ก็เป็นการตัดสินใจที่มีขึ้นเพื่อจะดึงคนรุ่นใหม่ให้มาสนใจรถในตำนานรายนี้ ชุดคอมิค MV Stories ในครั้งนี้เกิดจากการที่ MV Agusta และ Scuola Internazionale di Comics di Reggio Emilia ซึ่งเป็นโรงเรียนกึ่งสตูดิโอวาดการ์ตูนรายหนึ่งในอิตาลีได้ร่วมมือกันสร้างขึ้นมา โดยมี Tommaso De Stefanis เขียน และ Davide Castelluccio วาด เนื้อหาของคอมิคส์ชุดนี้แน่นอนว่าต้องเกี่ยวกับรถของทางค่าย โดยตัวละครที่ขับรถแต่ละรุ่นในเรื่องก็จะมีนิสัยใกล้เคียงกับคาแรคเตอร์ของรถคันนั้น ๆ เช่นตัวละคร Cesare ในคอมิคตอนแรกที่ขับ Turismo Veloce Rosso ก็เป็นคนชอบเที่ยวและใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นต้น โดยความพยายามในการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ของทางค่ายครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไปเนื่องจากลูกค้าโดยทั่วไปของ MV Agusta นั้นมักจะไม่ใช้กลุ่มวัยรุ่นที่สนใจคอมิคแนวนี้เท่าไร…
Author: Kristha
แชมป์โลก WSBK 6 สมัย ชาวไอร์แลนด์เหนือ Jonatha Rea ของเด่นของดีประจำค่ายเขียว Kawasaki นักแข่งคนดังที่ไม่ได้มีแค่ชื่อเสียงด้านการแข่งรถ แต่รวมถึงการเป็นหัวข้อสนทนาที่แฟนคลับกีฬาความเร็วมักหยิบมาพูดถึงทุกครั้งที่มีคำว่า MotoGP และ WSBK อยู่ในประโยคเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบความเร็วของรถ หรือความสามารถของนักแข่ง จนโดนแซวแบบเป็นมิตรประจำว่า “ถ้าเร็วนัก ทำไมไม่มาแข่งอีกรายการสักที?” ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาให้สำภาษณ์ก่อนแข่งขันรายการ Dutch WSBK ถึงความเป็นไปได้และความเห็นของเขาต่อข่าวลือแบบไร้ที่มาที่ว่า Yamaha SRT ต้องการตัวแชมป์โลกหลายสมัยคนนี้ไปขับแทน Franco Morbidelli ในกรณีที่ Franky ย้ายไปขับให้ทีมโรงงานแทน Maverick Vinales ในปีหน้า “ผมก็เพิ่งได้อ่านข่าวนี้ไปเหมือนกัน ผมก็ตกใจไม่ต่างจากพวกคุณหรอก” Rea กล่าว และถึงแม้ว่าตัวเองจะมีสัญญาอยู่กับทางค่าย แต่เขาก็เปิดช่องให้ไว้เราได้ลุ่นว่า “โอกาสมันมีอยู่เสมอและผมก็คิดอยู่ตลอด(เรื่องไป MotoGP) ตอนนี้ผมอยู่ในจุดที่ดีที่สุด ผมไม่เคยขี่ได้ดีขนาดนี้มาก่อน คุณก็รู้ผมไม่เคยปฏิเสธอะไรอยู่แล้ว” – Jonathan Rea อ่านข่าวสาร…
ล่าสุดบอสของทีมแข่งสัญชาติมาเลเซีย Yamaha SRT อย่าง Razlan Razali ได้เผยกับสื่อว่า Franco Morbidelle นักแข่งลูกครึ่งลิตาลี-บลาซิล เบอร์ 1 ของทีม ดีกรีแชมป์สนาม ที่ได้รับการบาดเจ็บที่หัวเข่ามาตั้งแต่การช่วงการฝึกซ้อมตอนต้นฤดูกาล อาจจะต้องพักยาวจนถึงการแข่งขันที่ซานมาริโนช่วงเดือนกันยายน วันนี้เราเลยจะวิเคราะห์กันว่ามีใครบ้างที่ “มีแนวโน้ม” ที่จะได้เป็นตัวขี่แทนท่านนายพล Cal Crutchlow นักขับทดสอบคนล่าสุดของ Yamaha เป็นคนที่สื่อและแฟน MotoGP หลายคนคาดหวังว่าจะได้เห็นเขากลับมาลงสนามด้วยรถ M1 มากที่สุด ด้วยประสบการณ์ที่มากที่สุดในหมู่ผู้ท้าชิง ทั้งในฐานะนักแข่ง MotoGP ที่แข่งมานานด้วยรถหลายค่าย(พร้อมดีกรีแชมป์สนาม) และในฐานะคนที่เคยขับ Yamaha มาก่อน Garrett Gerloff นักแข่งจากทีมรอง Yamaha บนเวที WSBK เป็นอีกคนที่มีโอกาสได้มีขับแทนท่านนายพลสูงมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ Gerloff ก็ได้มาขับแทน Morbidelle ในรายการ Dutch TT ก่อนหน้านี้…
Jorge Lorenzo แชมป์โลก MotoGP 3 สมัย ชาวสเปนพูดถึงการที่ทีมแข่งจากอิตาลีอย่าง Aprilia เข้ามาคุยกับเขาเพื่อทาบทามให้มาทำหน้าที่แทนตำแหน่งนักแข่งที่ว่างไปของ Andrea Iannone ที่ถูกห้ามแข่งเนื่องจากมีการตรวจพบสารกระตุ้น ก่อนที่จะเริ่มฤดูกาล 2021 หลักจากที่(อดีต)แชมป์โลกผู้นี้แยกทางกับ Repsol Honda ในปี 2019 เขาก็ได้ผันตัวมาเป็นนักขับทดสอบให้กับต้นสังกัดเก่าที่ร่วมงานกันมานาน(และเป็นแชมป์โลกด้วยกัน) อย่าง Yamaha แต่เนื่องจากข้อกำหนดด้านการทดสอบรถที่มากมาย และความฟิตที่ลดลง ทำให้เราไม่ค่อยได้เห็น JL99 นำรถลงไปวิ่งสักเท่าไร จนในที่สุดเขาก็ถูกแทนที่ด้วยนักขับทดสอบอีกคนอย่าง Cal Crutchlow ที่ดูเหมือนว่าทางค่ายจะไว้ในนักทดสอบชาวอังกฤษผู้นี้มากกว่า นั่นเลยทำให้ Lorenzo เปลี่ยนอาชีพจากนักขับทดสอบ กลายเป็นคนว่างงานที่มีเงินเหลือใช้แทน และในเวลาต่อมา “Massimo Rivola(ผู้จัดการ Aprilia) ที่ผมรู้จักตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่กับ Ferrari ก็ติดต่อผมมา” Jorge Lorenzo กล่าว “พวกเขาอยากให้ผมไปแข่ง แต่ผมอยากเป็นนักทดสอบมากกว่าไปลงแข่งจริง จนท้ายที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่เอาเงินมหาสารมาจ้างแชมป์โลกไปเป็นนักทดสอบ….จ้างนักแข่งแบบผมมันแพงกว่าแน่นอน ซึ่งเราก็ไม่ได้บรรลุข้อตกลงอะไรกัน” อ่านข่าวสาร…
อย่างกับนิยาย กว๋อกังถัง คุณพ่อชาวจีนผู้ที่ต้องพลัดพรากกับลูกชายวัย 2 ขวบ นานกว่า 24 ปี เนื่องจากกลุ่มค้ามนุษย์ได้จับลูกชายของเขาไปขายตั้งแต่ปี 1997 แต่คุณพ่อก็ไม่ย่อท้อ ขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วประเทศเพื่อหวังตามหาลูกชายจนพบ ซึ่งการเดินทางของคุณพ่อท่านนี้ก็แสนยาวนาน และไม่ธรรมดา เพราะเขาเดินทางไปทั่ว 31 มณฑล(ยกเว้นทิเบตและซินเจียง) เป็นระยะทางรวมกว่า 500,000 กม. เปลี่ยนรถมอเตอร์ไซค์ไปถึง 10 คัน จนกลายเป็นแรงบรรดาลใจให้กับหนังเรื่อง Lost and Love ที่นำแสดงโดย หลิวเต๋อหัว ที่ออกฉายในปี 2015 ที่สร้างคนสนใจเกี่ยวกับการลักพาตัวให้ผู้คนมากมาย โดยล่าสุด กว๋อกังถัง ก็ได้พบกับลูกชายของเขาเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นผลงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ใช้ฐานข้อมูล DNA ประชากรในการตามหาเด็กหรือผู้ใหญ่ที่พลัดพรากจากครอบครัว และก็ไม่ใช่แค่ลูกชายของ กว๋อกังถัง เท่านั้น แต่คนสูญหายอีกนับพันคนก็ได้กลับสู่ครอบครัวหลังจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย อ่านข่าวสารจักรยานยนต์เพิ่มเติมได้ที่นี่
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับการเตรียมเผยโฉมเครื่องยนต์ลูกใหม่ของ Zontes ในรูปแบบ 3 สูบเรียง ที่จะสร้างขึ้นเพื่อตีตลาดของรถคลาสกลาง และคลาสใหญ่ที่ทางค่ายไม่เคยมีไปก่อนหน้านี้ และสื่อหลายเจ้าก็ได้ทำการคาดเดากันว่ามันน่าจะมาในความจุ 800cc แต่ล่าสุดทางค่ายก็ได้ออกมายืนยันเรื่องความจุที่แท้จริงของเครื่องยนต์ลูกนี้แล้ว เครื่องยนต์ 3 สูบเรียงลูกใหม่ของ Zontes จะมาในปริมาตรกระบอกสูบที่ 650cc – 1000cc เพื่อทำตลาดในกลุ่มของรถที่ไม่ใช่คลาสเริ่มต้นและมีจำนวนสูบมากกว่า 1 สูบ แบบที่ค่ายเคยทำตลาดมาโดยตลอด เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันกับค่ายรถญี่ปุ่น ยุโรป รวมถึงค่ายรถจีนที่ต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือดในประเทศ ถึงแม้มันจะดูมีความสมเหตุสมผลในด้านต้นทุนการพัฒนา หากทางค่ายเลือกที่จะทำเครื่องยนต์ออกมาแค่เครื่องเดียว แล้วทำการเปลี่ยนช่วงชักลูกสูบเพื่อขายรถในความจุที่แตกต่างกัน แต่จากตัวเลขความจุ 650-1000 ที่ดูจะห่างกันมาก ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Zontes จะลงทุนก้อนใหญ่ พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ 2 เครื่องให้ออกมาเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละคลาสไปเลย และจากข้อมูลของ Zontes ที่ว่าเครื่องยนต์ใหม่ลูกนี้ จะไม่ได้มีดีแค่ความจุเท่านั้น แต่จะแรงและดีพอที่จะเทียบกับคู่แข่งรายอื่นในคลาสใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างเช่นเครื่องใหญ่ 1000cc นั้นก็จะมาพร้อมอัตราส่วนกำลังอัดที่สูงถึง 13.5 : 1 เลยทีเดียว ซึ่งนั่นก็มากว่าอัตราส่วนกำลังอัดที่คู่แข่ง…
2021 Livewire One รถมอเตอร์ไซค์คันแรกของแบรนด์ไฟฟ้าล้วนใหม่ Livewire ภายใต้ชายคาของ Harley Davidson ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ มันก็คือการนำ Harley Davidson Livewire ที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้วของค่ายมาตีตราใหม่ ด้วยชื่อใหม่ ใต้แบรนด์ใหม่(ที่อยู่ใต้แบรนด์เดิมอีกที (แบรนด์ใหม่แบบ Inception) ซึ่งความน่าสนใจของมันนั้นก็ไม่ใช่ความใหม่ทางวิศวะกรรมแต่อย่างใด หากแต่เป็นราคาที่เร้าใจจนน่าทึ่ง 2021 Livewire One มีรายละเอียดทางวิศวะกรรมและตัวเลขต่างออกไปจากร่างเดิมของมันเล็กน้อย ตั้งแต่พละกำลังที่เพิ่มขึ้น 1 แรงม้าถ้วน จาก 105 hp เป็น 106 hp และตัวเลขแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจาก 113.8 Nm เป็น 116 Nm ส่วนความจุของแบตเตอรี่ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 14.4 kWh เป็น 15.5 kWh ตามความแรงที่เพิ่มขึ้นมา และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเป็น 255 กก.…
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือที่ว่ารองแชมป์ตลอดการอย่าง Andrea Dovizioso เตรียมที่จะเข้ามาขับรถที่ว่างอยู่อีกคันนึงของ Aprilia ใน MotoGP 2022 ที่กำลังจะเข้ามาถึง แต่ถึงอย่างนั้น ความเห็นล่าสุดของนักแข่งตัวหลักอย่าง Aleix Espagaro ก็อาจจะทำให้เราต้องเตรียมทำใจ ที่จะไม่ได้เห็นการกลับมาของรองแชมป์คนนี้ ถึงแม้ว่าผลงานที่ Dovizioso ทำได้ในฐานะนักขับทดสอบของทีมอิตาลีรายนี้จะออกมาได้ข้อนข้างดีที่ Jerez และ Misano จนผู้จัดการทีมยังออกมาชม พร้อมบอกถึงความสนใจที่จะเอาอดีตนักแข่งรายนี้กลับมาลงสนามอีกครั้งในฐานะตัวแข่งจริงในการแข่งขันปีหน้า แต่การเซ็นสัญญาก็ยังไม่เกิดขึ้นสักทีจนทำให้มีข่าวลือเรื่องการย้ายมาทีม Aprilia ของ Maverick Vinales โผล่ออกมา จนล่าสุด Aleix Espargaro ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า “Dovi ไม่ได้พร้อมแข่งขนาดนั้น” “การพัฒนารถนี่มันยากนะ เพราะตอนที่เราได้ของเล่นใหม่ เราก็ต้องทดสอบมันเพื่อดูว่ามันดีไหม การมีทีมรองหรือทีมเมทเก่งที่เก่งจะช่วยได้มาก” Aleix Espargaro เผย “Dovizioso มาทดสอบกับเรา แต่เขาดูไม่ค่อยพร้อมที่จะลงไปแข่งจริงในสนาม และเท่าที่รู้ เขาก็ไม่ได้มีท่าทีว่าอยากจะลงแข่งด้วย ผมชอบเขามากเลยนะ แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่เราจะได้เห็นเขาเป็นทีมเมทของผม”…
ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ที่รถเครื่องยนต์สันดาป(น้ำมัน)จะต้องเปลี่ยนมาเป็นรถพลังงานไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้นั้นคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ไปซะแล้ว หากดูจากแนวโน้มกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่หน่วยงานรัฐหลายแห่งทั่วโลกเริ่มถูกร่างขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการบังคับใช้ในอนาคต กรณีล่าสุดก็คงหนีไม่พ้นข่าวการแบนเครื่องยนต์สันดาปในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดต่ำกว่า 250cc ถึงแม้เราจะรู้กันมาบ้างแล้วว่า สหภาพยุโรป รัฐแคลิฟอเนีย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศไทย จะมีกฎหมาย “ห้ามขาย” รถเครื่องยนต์สันดาปไร้ไฮบริด ภายในปี 2030 และห้ามขายรถเครื่องยนต์สันดาปใด ๆ เลยต่อให้มีระบบไฮบริดเข้าช่วยก็ตาม ภายในปี 2035 หรือประเทศอินโดนีเซีย ที่ห้ามขายรถจักรยานยนต์เครื่องยนต์สันดาป ภายในปี 2040 แต่ในกรณีของมาตรการการควบคุม “รถเครื่องยนต์สันดาปที่จดทะเบียนไปแล้ว” กลับเป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยได้ยินกันเท่าไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เนื่องจากมันเป็นเรื่องยากที่จะไปบังคับให้ประชาชนทิ้งทรัพท์สินที่มีอยู่แล้วได้ แต่หน่วยงานรัฐของ “บางเมือง” ในทวีปยุโรปก็สามารถหาทางออกให้กับกรณีนี้ได้ ซึ่งตัวอย่างล่าสุดก็คือบรัสเซล เมืองหลวงของประเทศเบลเยียมที่ออกคำสั่ง “ห้ามใช้” รถเครื่องยนต์สันดาปในเขตเมืองบรัสเซลเท่านั้น ซึ่งเจ้าของรถยังสามารถครอบครองรถ และใช้งานต่อได้ เพียงแต่ต้องเป็นการใช้งานนอกเมืองหลวงเท่านั้น เพื่อควบคุมคุณภาพอากาศภายในเมือง ซึ่งปีที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายห้ามในแต่ละส่วนนั้นจะแยกออกไปตามประเภทรถ และแยกออกจากกฎหมายห้ามขายที่จะบังคับใช้ในระดับประเทศโดยสิ้นเชิง โดยรถสกู๊ตเตอร์ที่ตรงข้อกำหนด L1-L2 ของเบลเยี่ยมจะถูกห้ามใช้ในกรุงบรัสเซลภายในปี 2028 ส่วยจักรยานยนต์ประเภทอื่นก็จะถูกแบนตามมาในปี 2035 แล้วหลังจากนั้นในปี…
Miguel Oliveira นักแข่งสัญชาติโปรตุเกสหน้าใหม่มาแรง ภายใต้สังกัดปัจจุบันอย่างทีม KTM เจ้าของไร่ส้มจากออสเตรียที่กำลังมาแรงไม่แพ้กัน ที่คว้าแชมป์ร่วมกันมาแบบเหนือความคาดหมายตั้งแต่การแข่งขัน MotoGP 2020 และกำลังทำผลงานดีขึ้นเรื่อย ๆ และเนื้อหอมมากขึ้นในตลาดแบบยกแผงทั้งคนและรถ คำกล่าวที่ว่ามาข้างต้นคงไม่ใช่เรื่องเกินจริง หากมองจากผลงานการพัฒนาของทีมและนักแข่งในช่วง 2 ปีล่าสุดที่ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา และการพัฒนาที่ว่านั้นก็ถูกยืนยันด้วยหลักฐานที่ชัดเจนหนักแน่น ซึ่งนั่นก็คือข้อเสนอจากทีม Yamaha ที่ต้องการชักชวนแชมป์สนามชาวโปรตุเกสรายนี้ไปร่วมลงแข่งให้ทีมส้อมเสียงในการแข่งขันฤดูกาล 2022 แทนที่ Maverick Vinales ที่เพิ่งตกลงปลงใจฉีกสัญญากับ Yamaha (ถึงแม้เราจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าสัญญาของ Oliveira กับค่ายส้อมเสียงที่ว่านี้ จะเป็นการลงแข่งให้ทีมหลักหรือทีมรอง) “แน่นอนว่าเหตุการณ์ของ Vinales นั้นสร้างความกังวลขึ้นสำหรับอนาคต พวกเขา(ยามาฮ่า) เข้ามาหาผมเหมือนกัน แต่ผมตอบไปว่าผมอยากมีสมาธิอยู่กับทีมนี้” Oliveira กล่าว “ทีมนี้เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม(KTM) ผมเชื่อว่าผมสามารถเป็นแชมป์โลกได้กันทีมนี้” ซึ่งพอนักแข่งพูดมาขนาดนี้ เราก็เชื่อว่าทีม KTM เองก็เนื้อหอมมากกว่าเดิมพอสมควร ที่มา Visordown อ่านข่าวสาร MotoGP เพ่ิมเติมได้ที่นี่