Honda CB1000 BIG-1 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเรโทรรุ่นใหม่จากค่ายปีกนก Honda ที่มีข่าวลือให้เราได้เห็นกันมาบ้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งในตอนแรกหลายฝ่ายก็เชื่อว่ามันจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวตายตัวแทนให้กับ CB1000R รถไฟกลมคลาสใหญ่รุ่นปัจจุบันที่ใช้งานออกแบบสไตล์ Neo-Sport Cafe แต่หลังจากที่มีการเปิดตัวรถต้นแบบ CB1000 Hornet ที่ใช้งานออกแบบแนวร่วมสมัย ก็ดูเหมือนว่าทางค่ายไม่ต้องการรถที่เป็นข่าวลือนี้อีกแล้ว แต่จากข้อมูลล่าสุดที่เราได้รับมาจากนิตยสารชื่อดังของญี่ปุ่น ก็ดูเหมือนว่า CB1000 BIG-1 จะยังคงถูกพัฒนาอยู่ โดยมันจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ CB1000 Hornet สปอร์ตเปลือยรุ่นท็อปที่เผยโฉมร่างต้นแบบไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นชุดเฟรมแบบเดียวกันหรือเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ที่ให้พละกำลังสูงสุดทะลุ 150 แรงม้า ก็มีข้อมูลว่าจะถูกยกมาใช้งานทั้งหมด จากรถรุ่นเดิมอย่าง CB1000R ที่เป็นรถลูกผสมงานซึ่งรวมออกแบบที่ทันสมัยกับเส้นสายแบบย้อนยุค ในรถรุ่นใหม่นี้ทางค่ายปีกนกดูเหมือนจะพยายามแยกแนวทางทันสมัยของ Hornet ออกจาก BIG-1 อย่างชัดเจน แต่ขณะเดียวกันข้อมูลจากญี่ปุ่นก็ระบุว่า CB1000 BIG-1 นั้นจะเป็นโมเดลที่ใช้จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ต่างกับเจ้าต่อยักษ์ที่จะวางขายในวงกว้าง โดยเป้าหมายที่แท้จริงของรถไฟกลมรุ่นใหม่นี้คือการมาแทนที่รถในตำนานตระกูล CB1300 ที่จะถูกยกเลิกการจำหน่ายในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากเทคโนโลยีของ CB1300…
Author: Kristha
ในการแข่งขัน MotoGP ฤดูกาล 2024 ที่กำลังจะเริ่มต้นในอีกไม่นาน Gresini ทีมรองขนาดเล็กกลับมาพร้อม Dream Team ที่หลายคนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งของคู่พี่น้อง Marquez แน่นอนว่าด้วยตัวรถแข่ง Ducati GP23 ที่เป็นรถเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกฤดูกาลล่าสุด ทำให้สองพี่น้องคู่นี้มีลุ้นสามารถขึ้นมาสู้ในระดับหัวแถว เพื่อชิงแชมป์ในระดับสนามได้ ทางนักข่าวก็ได้มีการถาม Marc Marquez ว่าเขาจะยอมเสี่ยงแซง Alex Marquez เพื่อคว้าชัยชนะหรือไม่ ถ้าหากมีความเป็นไปได้ว่าอาจทำให้ทั้งคู่ต้องล้มและไม่จบการแข่งขัน ซึ่งเจ้าตัวก็ได้พูดแบบติดตลกว่า “ในปีที่แล้วผมยอมเสี่ยงเพื่อที่จะจบในอันดับ 7 เรื่องแบบนี้มันเป็นสัญชาตญาณ แต่ถ้าจะให้พูดคือผมขอเลือกที่จะไปขอโทษทีหลัง แทนที่จะไปขออนุญาตก่อนจะทำ ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นน้องของผมเอง” ทางด้านน้องชายอย่าง Alex Marquez ก็ได้แหย่ว่า “แต่ผมใหญ่สุดในทีมนะ” นักแข่งคนพี่จึงเสริมเข้ามาว่า “ตอนที่ผมเข้าทีมนี้ ผมคุยกับผู้จัดการทีมว่าผมขออยู่ฝั่งขวาของพิต เพราะตลอดอาชีพของผม ผมจะอยู่ฝั่งขวาของพิตตลอด แต่ผู้จัดการไม่ยอมให้เปลี่ยนเพราะน้องผมไม่ยอม” นอกจากนี้เขายังได้อธิบายความรู้สึกของการย้ายค่ายไว้ว่า “รถทุกคันมีความลับของตัวเอง มันสามารถไปได้เร็วมาก เพียงแต่ผู้ขี่จะต้องขี่มันในรูปแบบที่ถูกต้อง ผมทำงานกับ Honda มานาน…
ในตอนแรกที่ Marc Marquez ฉีกสัญญาเดิมกับ Honda เพื่อย้ายมาแข่งให้กับ Ducati Gresini ซึ่งเป็นทีมขนาดเล็กที่ไม่น่ามีเงินพอให้จ่ายค่าตัวของนักแข่งระดับนี้ หลายฝ่ายจึงคาดเดาว่าทางทีมแข่งจะได้รับผู้สนับสนุนเงินหนารายใหม่ ที่เป็นผู้สนับสนุนที่ติดตัวมากับนักแข่งคนใหม่นี้ด้วย แต่จนถึงเวลาเปิดตัวลายทีมแข่งสำหรับปีนี้ เรากลับไม่ได้เห็นผู้สนับสนุนใหม่อย่างที่คิดไว้ ซึ่งคนที่มาตอบคำถามนี้ก็คือ Carlo Merlini เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของทีม Gresini ที่เขาได้ให้ข้อมูลว่า “เราไม่ต้องการเสียตัวตนของเราไป เราไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงมากเกินไปเพียงเพราะ Marc ย้ายมาอยู่กับเรา เพราะถ้าเขาออกไปแล้วจะยังไงต่อ? เป้าหมายหลักของเราคือการรักษาผู้สนับสนุนปัจจุบัน และผู้สนับสนุนรายอื่นที่เพิ่งเข้ามาร่วมกับเรา ในภาพรวมเรามีความสุขกับผู้สนับสนุนที่มี สถานะทางการเงินของเราก็อยู่ในระดับที่มั่นคงดีมาก” “เมื่อเราสามารถหาบริษัทผู้สนับสนุนที่เหมาะสมกับทีมของเรา เราก็จะเลือกเขามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของเรา” Merlini กล่าว “แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ ในกรณีที่เราไม่สามารถหาผู้สนับสนุนหลักได้ ซึ่งผู้สนับสนุนหลักในทีมส่วนใหญ่มักจะเป็นรายได้ 60-70% ของรายได้ทั้งหมด และเติมที่เหลือด้วยผู้สนับสนุนที่ใหญ่รองลงมาสัก 2-3 ราย ทีมเราก็สามารถรับสปอร์นเซอรรายเล็กจำนวนมากได้เหมือนกัน” ที่มา ridertua อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
QJMotor ค่ายผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่จากประเทศจีน ที่เป็นผู้ถือครอง Benelli และ Keeway ที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นค่ายรถอีกรายที่กำลังขยายตลาดออกไปนอกประเทศบ้านเกิด และการที่จะเป็นค่ายรถแบบนั้นได้ก็จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีใหม่น่าสนใจมาดึงดูดลูกค้า ซึ่งภาพสิทธิบัตรล่าสุดของพวกเขาก็นับว่าแปลกตาเอาเรื่อง เพราะมันคือเครื่องยนต์แบบ V-Twin แต่ดันใช้งานจริงแค่สูบเดียว? หากเรามองแบบไม่ได้คิดอะไรไปที่ภาพของเครื่องยนต์ในสิทธิบัตรของ QJMotor เราอาจจะเห็นว่าเครื่องยนต์ลูกนี้ก็เป็นแค่เครื่องยนต์แบบ V-Twin ทั่วไป แต่ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่าเสื้อสูบหลัง(ทางด้านซ้าย)ไม่มีทั้งฝาสูบ และระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เหมือนเป็นแค่ลูกสูบเปล่าที่ขยับขึ้นลง แต่ไม่มีการสูบอากาศหรือจุดระเบิดแต่อย่างใด การสร้างพละกำลังจริงจะเกิดขึ้นแค่ในเสื้อสูบหน้า(ทางด้านขวา)เท่านั้น ซึ่งการมีอยู่ของลูกสูบหลังที่ว่านี้ก็มีไว้ใช้ในการถ่วงน้ำหนักเพื่อให้เครื่องยนต์สั่นน้อยลง เพราะเครื่องยนต์พื้นฐานเดิมที่เป็นเพียงเครื่องยนต์แบบ 1 สูบ ตามปกติที่มีข้อเสียเรื่องการสั่นที่มากกว่าเครื่องยนต์แบบอื่น การเพิ่มลูกสูบด้านหลังเข้ามาจำช่วยทำหน้าที่เป็น Balancer ทำหน้าที่เหมือนกับเครื่องยนต์ 2 สูบ V-Twin ที่มีความนิ่งมากกว่า และเพื่อลดแรงเสียดทานและชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ทางค่ายก็ได้ถอดฝาสูบและระบบวาล์ว รวมถึงระบบจุดระเบิดทุกอย่างออกไป ทำให้มันเป็นแค่ห้องเผาไหม้เปล่าที่ไม่มีการเผาไหม้ รวมถึงการลดเส้นผ่านศูนย์กลางของลูกสูบที่ว่า เพื่อลดพื้นผิวสัมผัสส่งผลให้สามารถลดแรงเสียดทานเพิ่มได้อีก นอกจากนี้ยังมีการเจาะรูที่ลูกสูบหลัง เพื่อให้อากาศสามารถไหลผ่านลูกสูบได้อย่างอิสระ ทำให้เครื่องยนต์ไม่ต้องเสียกำลังไปกับการบีดอัดอากาศภายในเสื้อสูบหลัง โดยรวมแล้วลูกสูบหลังที่ว่านี้จะทำหน้าที่เป็นเหมือนกับ Balance Shaft ที่มาในรูปทรงที่แตกต่างจาก Balance Shaft…
Zero บริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ถือเป็นผู้ผลิตรายแรก ๆ ของโลกที่เข้าสู้ตลาดรถพลังงานแบตเตอรี่อย่างเต็มตัว ซึ่งต่างกับค่ายรถเจ้าใหญ่ที่มักจะสงวนรถพลังงานไฟฟ้าไว้แค่สำหรับรถบ้านเท่านั้น แต่ค่ายรถรายนี้กลับพยายามดันให้รถไฟฟ้าสามารถเข้าสู่ตลาดของรถสปอร์ต โดยทางค่ายก็ได้จดสิทธิ์บัตรชิ้นใหม่ล่าสุดที่จะทำการจำลองการใช้งานก้านคลัทช์ แบบเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์มีเกียร์ สิ่งแรกที่เราต้องอธิบายให้ทุกคนทราบก่อนที่เราจะไปกันต่อคือ สิทธิบัตรที่ว่านี้เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Zero ที่ทำขึ้นเพื่อจำลองการใช้งาน “ก้านคลัทช์” ในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเท่านั้น หรือจะเรียกว่าเป็นคลัทช์ปลอมก็คงไม่ผิดนัก เพราะเราไม่ได้กำลังพูดถึงรถไฟฟ้าที่ติดตั้งก้านคลัทช์ เพื่อควบคุมชุดเกียร์ธรรมดาหลายจังหวะแบบที่มีอยู่ในรถเครื่องยนต์สันดาป เพราะรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้าในสิทธิบัตรนั้นยังคงมาพร้อมกับเกียร์ 1 จังหวะ แบบเดียวกับรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้งานทั่วไป แต่ก้านคลัทช์ที่ว่านี้จะทำหน้าที่เป็นเหมือนกับ “สวิตช์” ที่ผู้ใช้สามารถกำมันเพื่อตัดแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งผู้ใช้สามารถเล่นกับก้านคลัทช์ปลอมที่ว่าได้แบบเดียวกับที่เล่นกับก้านคลัทช์ของรถเกียร์ธรรมดา และมันจะส่งผลกระทบแบบเดียวกันกับระบบส่งกำลังด้วย อย่างในกรณีของรถไฟฟ้าปกติที่มีระบบกู้คืนพลังงานขณะเบรก ซึ่งจะทำให้รถชะลอตัวเร็วกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปปกติ การกำก้านคลัทช์ค้างไว้ตอนรถไหลก็จะช่วยให้รถไหลได้อย่างเป็นธรรมชาติ แน่นอนว่าต้องแลกกับการที่รถจะไม่สามารถกู้คืนพลังงานขณะนั้นได้ หรือจะเป็นการควมคุมคลัทช์เพื่อช่วยออกตัวยกหน้าในรถเกียร์ธรรมดา ระบบก็จะไปเพิ่มแรงบิดของมอเตอร์ให้มากกว่าปกติ เพื่อให้เรายกหน้าได้ง่ายขึ้น ก้านคลัทช์ปลอมนี้ไม่ได้เชื่อมต่อกับชุดคลัทช์ของจริงแต่อย่างใด เพราะมันทำหน้าที่เป็นเหมือนกับสวิตช์ปกติที่จะส่งสัญญาณการกระทำทั้งหมดของเราไปที่ ECU แล้วชุดสมองกลก็จะไปคิดต่อว่าเรากำลังต้องการทำอะไร เมื่อเทียบกับรถเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้เกียร์ธรรมดา หลังจากนั้น ECU ก็จะไปควบคุมการส่งแรงของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนให้เพิ่มหรือลดกำลังตามที่เราสั่ง เรียกได้ว่าเป็นระบบที่มีไว้เพื่อความสนุกเท่านั้นเลย ที่มา cycleworld อ่านข่าวสาร Zero เพิ่มเติมได้ที่นี่ อ่านข่าวสาร EV…
Marc Marquez เป็นอีกหนึ่งนักแข่งในรายการ MotoGP ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ชอบการพัฒนาปีก Winglets บนรถมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ช่วงที่รถแข่งยังไม่กลายร่างเป็น Formular 1 แบบในปัจจุบัน และถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะย้ายทีมมาอยู่กับ Ducati Gresini ที่เด่นในเรื่องของเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ แต่จุดยืนเรื่องนี้ของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง Marc Marquez ถูกนักข่าวถามถึงเรื่องกติกาในอนาคตที่ตั้งเป้าเพื่อลดการใช้งานของ Winglets ซึ่งความเห็นของนักแข่งคนนี้ก็ชัดเจน “ขั้นแรกเลยคือเราต้องลดเรื่องแอโร่ไดนามิค สำหรับอนาคตของ MotoGP ไม่ว่าตอนนั้นผมจะยังแข่งอยู่หรือไม่ แต่ภายใน 2 หรือ 3 หรือ 4 ปี เราจำเป็นต้องลดการใช้งานแอโร่ไดนามิค” “สิ่งนี้จะทำให้รถแข่งช้าลงเมื่อเทียบกับตอนนี้ เพราะปีกมันช่วยให้เราเร่งได้มากขึ้นโดยที่ล้อไม่ลอย และยังเบรกได้ช้ากว่าเดิม มันทำให้เราสู้กับรถไม่ได้ และทำให้การแซงคู่แข่งเกิดได้ยากขึ้น” เขากล่าว “เมื่อเราแก้ปัญหาตรงนี้จนรถแข่งช้าลง การแข่งขันก็จะสนุกขึ้น(เพราะนักแข่งจะแซงกันได้มากขึ้น) สุดท้ายคนที่ดูผ่าน TV ก็แยกไม่ออกอยู่ดีระหว่างความเร็ว 360 หรือ 340 เพราะยังไงมันก็ยังเร็วทะลุ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง” “แต่พวกเขาต้องรีบเปลี่ยนกติกา…
2024 Suzuki GSX-250R รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสเริ่มต้นจากค่ายคนบ้า Suzuki ซึ่งเป็นรถที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2015 ได้ทำการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งแรกหลังจากที่ลากขายมานานร่วม 9 ปี แต่ด้วยเวลาที่นานขนาดนั้น และตลาดที่ก้าวไปข้างหน้าไม่หยุดตลอดเวลาเกือบทศวรรษ เราก็ต้องแปลกใจกับระดับการอัพเกรดที่สามารถเรียกได้ว่าน่าผิดหวัง จนทำให้เชื่อว่าค่ายคนบ้ารายนี้บ้าสมชื่อ 2024 Suzuki GSX-250R นั้นยังคงถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของรถรุ่นเดิมที่ถูกเปิดตัวมาเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งอันที่จริงแล้วในตอนที่มันถูกเปิดตัว รถรุ่นนี้ก็ถือว่ามีสเปคทางเทคนิคที่ตามหลังคู่แข่งพอสมควรตั้งแต่แรก กับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบเรียง 249 ซีซี 2 วาล์วต่อสูบ SOHC ที่ให้พละกำลังสูงสุด 24.7 Hp ที่ 8,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 23.4 Nm ที่ 6,500 รอบ/นาที เห็นได้ว่าสเปคของเครื่องยนต์นั้นดูเหมือนจะตกยุคไปทั้งแต่ตอนนั้น ทั้งที่คู่แข่งในยุคปัจจุบันเริ่มขยายเครื่องยนต์จนมีกำลังระดับ 40-45 Hp กันหมดแล้ว ความแตกต่างแรกที่เปลี่ยนไปจากรถรุ่นเก่าคือรถในปี 2024 จะมาพร้อม…
Liberty Media ผู้ถือครองลิขสิทธฺ์การแข่งขัน Formular 1 คนปัจจุบัน ซึ่งได้เข้าซื้อรายการแข่งขันรถสูตรตัวท็อปของโลกมาจากเจ้าของคนเก่าอย่าง Bernie Ecclestone ในปี 2017 ทำให้บริษัทดังกล่าวกลายเป็นเจ้าของธุกิจกีฬารายใหญ่ที่สุดในโลกไปในทันที และล่าสุดมีรายงานว่า Liberty Media กำลังเข้าไปเจรจารกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MotoGP ด้วยเช่นกัน รายงานล่าสุดระบุว่า Liberty Media กำลังเข้าไปเจรจากกับ Bridgepoint บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Dorna เจ้าของลิขสิทธ์การแข่งขัน MotoGP รายปัจจุบัน ถ้าการซื้อขายนี้เกิดขึ้นสำเร็จ Liberty Media จะเป็นเจ้าของรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทั้งสองรายการไปในทันที Carmelo Ezpeleta ผู้บริหารของ Dorna ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า “ผมยืนยันว่ามันมีข่าวลือเรื่องการขายกิจการจริง ทุกวันจะมีสถาบันการเงินโทรมาถามผมมากกว่า 3 ครั้ง ว่าข่าวที่ว่าเป็นเรื่องจริงไหม แต่ข้อเสนอส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเข้ามาเป็นตัวกลางในการจัดการแข่งขัน ตอนนี้ผมบอกได้แค่ว่าเราอยู่กับผู้ลงทุนรายแรกมานาน 8 ปี และอยู่กับ Bridgepoint มานานกว่า 17…
2024 BMW R1300GS ราคา เริ่มต้น 1,125,000 บาท 2024 BMW R1300GS มันคือ สุดสายนักเดินทาง พร้อมลุยทุกเส้นทาง รถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์รุ่นใหญ่จากค่ายฟ้าขาว BMW ที่จะเข้ามาทำตลาดแทนที่รถตัวจบสายเที่ยวทางฝุ่นอย่าง R1250GS ที่ถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในคลาส เรียกได้ว่าถ้าไม่รู้จะเลือกสายลุยคันไหน ตัวนี้คือคำตอบ พร้อมเครื่องยนต์ใหม่ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ 2024 BMW R1300GS นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ลูกใหม่หมดจด ที่เปลี่ยนจากการระบายความร้อนด้วยน้ำผสมกับอากาศ มาเป็นแบบระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ ช่วยให้สามารถรีดพละกำลังได้สูงขึ้น และสามารถผ่านมาตรฐานไอเสียยุคใหม่ได้ รูปแบบเครื่องยนต์ยังคงเป็นแบบ 2 สูบนอน Boxer ตามสูตรที่เป็นเอกลักษณ์ ปริมาตรกระบอกสูบถูกเพิ่มขึ้นเป็น 1,300 ซีซี พ่วงระบบวาล์วแปรผัน ShiftCam ให้พละกำลังสูงสุด 145 Hp ที่ 7,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 149 Nm ที่ 6,500 รอบ/นาที…
การชุบโครเมียมกับชิ้นส่วนรอบคันของรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ คงเป็นอีกหนึ่งวิธีการตกแต่งรถพื้นฐานที่ค่ายรถมักจะทำกับรถหลายรุ่นตั้งแต่ออกจากโรงงาน ซึ่งเราจะเห็นได้กับรถยนต์แทบทุกรุ่นในตลาด รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์แนวคลาสสิกที่เน้นแสดงความสวยงามของชิ้นส่วน แต่รู้หรือไม่ว่าตอนนี้สหภาพยุโรป และรัฐแคลิฟอเนียกำลังพิจารณาการสั้งห้ามผลิตชิ้นส่วนชุบโครเมียมเหล่านั้น การผลักดันกฏหมายดังกล่าวมีขึ้นโดยมีเป้าหมายห้ามการชุบโครเมียมด้วย Hexavalent Chromium ซึ่งเป็นสารประกอบรูปแบบหนึ่งของธาติ Chromium ที่ส่งผลเสียกับร่างกายมนุษย์ เป็นต้นตอของโรคมะเร็งในจมูกและปอด รวมถึงส่งผลกระทบกับตับและระบบสืบพันธุ์ ในกรณีที่ไม่มีการป้องกันหรือจัดการอย่างถูกต้องในช่วงของกระบวนการผลิต และถึงแม้จะมีการป้องกันตัวบุคคลในกระบวนการผลิตอย่างถูกต้อง ขั้นตอนดังกล่าวก็ยังส่งผลกระทบด้านลบกับสิ่งแวดล้อมอยู่ดี และเมื่อนับรวมโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนโครเมียมที่ใช้ Hexavalent Chromium ทั่วโลก EU(European Union) และ CARB(California Air Resources Board) จึงมองว่าปัญหานี้ไม่แตกต่างกับการปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำธรรมชาติ จนส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องส่งผลกระทบต่อธุรกิจชุบโครเมียมทั่วยุโรปและอเมริกา เนื่องจากการผลิตโครเมียมส่วนใหญ่บนโลกนั้นล้วนใช้ Hexavalent Chromium ทั้งสิ้น ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกราย และผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์คลาสสิกอย่าง Triumph และ Harley-Davidson ล้วนต้องหาวิธีปรับตัว แต่ในมุมของผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็คงไม่มีอะไรให้ห่วงมากนัก เนื่องจากยังมีวิธีการผลิตชิ้นส่วนชุบโครเมียมด้วยวิธีอื่นอยู่อีก แต่อาจมีผลลัพธ์หรือราคาต้นทุนที่แตกต่างกันออกไป EU เริ่มผลักดันกฎหมายดังกล่าวแล้วในปีนี้ ส่วน CARB ก็มีแผนที่จะทำให้ลุล่วงภายในปี 2027…