2025 Yamaha MT-15 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเปลือยคลาสเริ่มต้นจากค่ายส้อมเสียง Yamaha น้องเล็กของตระกูล MT มีแววว่าจะได้รับการปรับโฉมขนานใหญ่ในปีหน้า หลังจากที่มีข้อมูลหลุดมาจากฝั่งอินโดนีเซีย ว่าทางค่ายกำลังอยู่ในช่วงพัฒนารถรุ่นใหม่ในรหัสตัวรถใหม่ ที่ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากรถรุ่นปัจจุบันที่ขายอยู่พอสมควร Yamaha MT-15 ในโฉมปัจจุบันนั้นมาพร้อมรหัส BG7 ถูกเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 ในฐานะโมเดลสำหรับจำหน่ายในปี 2019 เป็นรถรุ่นต่อยอดมาจาก M-Slaz ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมในวงกว้าง มาพร้อมเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 155 ซีซี 4 วาลว์ พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVA ให้พละกำลังสูงสุด 19 Hp ที่ 10,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 14.7 Nm ที่ 8,500 รอบ/นาที ลูกเดียวกับที่ติดตั้งใน R15 และ XSR155 ข้อมูลจากทางประเทศอินโดนีเซียระบุว่าตัวรถรุ่นใหม่จะมาพร้อมรหัส BVE…
Author: Kristha
Andrea Iannone นักแข่งชาวอิตาลีที่เคยลงต่อสู้ในรายการใหญ่ MotoGP ร่วมกับทีมโรงงาน Ducati ในสมัยที่ค่ายรถรายนี้ยังไม่ได้ครองสนามแบบในปัจจุบัน แต่เจ้าตัวกลับต้องโดนสั่งห้ามลงแข่งนานถึง 4 ปี หลังมีการตรวจเจอสารกระตุ้นในร่างกาย และหลังจากที่เขาได้รับโทษตามกำหนด เขาก็ได้กลับมาลงสนามอีกครั้งในรายการ WSBK ร่วมกับทีมรองของค่ายแดงเช่นเดิม ความน่าทึ่งของนักแข่งดีกรีแชมป์ MotoGP ก็แสดงผลทันทีในการแข่งขัน WSBK สนามเปิดฤดูกาล 2024 ที่ออสเตรียเลียเมื่อ Andrea Iannone สามารถขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 3 ได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงแข่งแบบจริงจังมานานถึง 4 ปี ซึ่งเขาได้อธิบายความแตกต่างของรายการล่าสุดของเขากับ MotoGP ไว้ว่า “แรงยึดเกาะในรายการนี้มันสูงมาก ไม่ว่าคุณจะพยายามทำอะไรกับรถ การยึดเกาะมันก็ไม่เคยหมด” “ถ้าคุณไปดูที่ข้อมูลของ Niccolo Bulega(นักแข่งทีมโรงงาน Ducati) เขามีสไตล์การขับขี่ที่นุ่มนวล ซึ่งเป็นรูปแบบที่เหมาะสมกับรายการนี้พอดี ในท้ายที่สุดผมมองว่าสไตล์การขับขี่ของ WSBK นั้นเหมือนว่าจะอยู่ตรงกลางระหว่าง Moto2 และ MotoGP” Andrea Iannone…
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางค่าย Yamaha ได้ทำการประกาศอย่างเป็นทางการว่า YZF-R1 และ YZF-R1M จะไม่มีการพัฒนาต่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5+ ที่เข้มงวดขึ้นในปีหน้า ส่งผลให้รถสปอร์ตตัวท็อปรุ่นดังกล่าวจะต้องหายไปจากตลาดตามรุ่นน้องอย่าง YZF-R6 เมื่อสิ้นสุดปีนี้ แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมค่ายรถญี่ปุ่นถึงทะยอยถอนตัวออกจากตลาดรถสปอร์ต ในขณะที่ฝั่งยุโรปกลับเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่แทบทุกปี? ที่เราบอกว่ารถญี่ปุ่นเริ่มถอนตัวออกจากตลาดของรถกลุ่มนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากความต้องการของตลาดยุคใหม่ที่ลดน้อยลง ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้มีเงินพอที่จะซื้อรถมอเตอร์ไซค์หลายคัน แปลว่าหากลูกค้าเหล่านั้นสามารถซื้อรถได้แค่คันเดียว รถคันดังกล่าวก็มักจะเป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้บ่อยและสะดวก เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับการซื้อ ไม่ใช่รถสปอร์ตที่มีพละกำลังสูงเกินจำเป็น แถมราคาก็สูงตามสเปค เห็นได้จากการประกาศยกเลิกการจำหน่ายของ YZF-R1 และ YZF-R6 ซึ่งถุกแทนที่ด้วยสปอร์ตสายถนนอย่าง YZF-R7 และ YZF-R9 นอกจากนี้ค่ายรถร่วมชาติอย่าง Suzuki ก็ได้ทำการยกเลิกการจำหน่าย GSX-R1000 ไปเรียบร้อยแล้วในหลายตลาดทั่วโลก เช่นเดียวกับรุ่นน้องคลาสกลางอย่าง GSX-R600 และ GSX-R750 ที่ถูกทิ้งไปก่อนหน้านั้นนานมากแล้ว แต่ก็ถูกแทนที่ด้วย GSX-8R สายถนนที่ได้รับความนิยมมากกว่า ต่างกับค่ายรถฝั่งยุโรปอย่าง Ducati หรือ BMW ที่ยังคงอัพเดตสเปคของรถสปอร์ตตัวท็อปของตัวเองอย่างต่อเนื่อง แถมยังเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ที่มีราคาแพงมากขึ้น แรงมากขึ้น…
Honda CB350X ภาพเรนเดอร์ของรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิกแอดเวนเจอร์จาก Honda ที่เชื่อว่าค่ายปีกนกรายนี้กำลังซุ่มพัฒนาอยู่ โดยการต่อยอดพื้นฐานของรถทางเรียบไฟกลมอย่าง CB350 ที่เป็นรถซึ่งถูกพัฒนามาเพื่อต่อกรกับ Royal Enfield ในตลาดอินเดีย แต่ด้วยความที่ค่ายรถเจ้าตลาดชมพูทวีปที่ว่านั้นมีรถสายลุยที่ได้รับความนิยมอย่าง Himalayan ทางค่ายปีกนกจึงต้องหาวิธีแย่งส่วนแบ่งตลาดบ้าง และวิธีแย่งส่วนแบ่งตลาดของรถยกสูงไฟกลมแบบ Royal Enfield Himalayan ที่ว่านั้นก็คือการสร้างรถแบบเดียวกันเป็นของตัวเอง โดยเลือกใช้พื้นฐานของรถที่สร้างขึ้นเพื่อเจาะตลาดอินเดียอยู่แล้วอย่าง Honda CB350 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบ SOHC ปริมาตรกระบอกสูบ 348 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 20.7 Hp ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 30 Nm ที่ 3,000 รอบ/นาที ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องยนต์ตามสูตรสำเร็จยอดนิยมของตลาดเอเชียใต้ แต่เอามาพัฒนาต่อยอดในรูปแบบรถยกสูงสายลุย เช่นการเปลี่ยนซับเฟรมใหม่ให้สูงขึ้น เปลี่ยนระบบกันสะเทือนและระยะฐานล้อใหม่ยกชุด ให้ทั้งสูงขึ้นและยาวขึ้น รวมทั้งเสริมภาพลักษณ์ตามแบบของ Himalayan ด้วยการเพิ่มแฟริ่งด้านหน้าแบบเดียวกับคู่แข่งเจ้าตลาด ซึ่งภาพเรนเดอร์นี้ก็ไม่ใช่แค่การคาดเดาแบบไม่มีหลักการ…
CFMoto EV เตรียมทำตลาดในอนาคต มอไซค์ไฟฟ้า จากหนึ่งในผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ประเทศจีน ที่เริ่มจะบุกตลาดโลกด้วยรถรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัยและน่าดึงดูดใจมากขึ้น โดยการเจาะตลาดรถคลาสเริ่มต้นในระดับ 250-450 ซีซี อย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ว่าสามารถลบภาพจำของรถจักรยานยนต์แบรนด์จีนที่ไม่มีคุณภาพ และมีงานออกแบบที่ไม่สวยไปได้อย่างเด็ดขาด แต่นอกจากตลาดคลาสเริ่มต้นแล้ว อีกหนึ่งตลาดที่กำลังเติบโตก็คือรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า EV คงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่ในปัจจุบันค่ายรถทั่วโลกพยายามสร้างรถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า EV เพื่อเปิดตลาดใหม่ เพื่อรองรับอนาคตที่รถเครื่องยนต์สันดาปภายในเสื่อมความนิยม หลายค่ายจึงคิดวิธีสร้างรถพลังงานไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป ถ้าค่ายไหนลงทุนมากหน่อยก็อาจจะทำการพัฒนารถขึ้นมาใหม่ตั้งแต่เริ่ม โดยการใช้เคสของแบตเตอรี่มาทำหน้าที่แทนชุดเฟรมไปในตัว แต่ในกรณีของ CFMoto EV พวกเขาได้เลือกพัฒนาแบตเตอรี่มาติดตั้งไว้ในชุดเฟรมของรถคลาส 450 ซีซี ที่มีขายอยู่แล้ว จากภาพสิทธิบัตรจะเห็นได้ว่า CFMoto EV พัฒนารถมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่บนชุดเฟรมของรถคลาสเริ่มต้นแนวสปอร์ตอย่าง 450SR และ 450NK โดยการนำชุดเฟรมแบบเหล็กถักชุดเดิมมาถอดเครื่องยนต์สันดาปภายในและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องออกไป แล้วแทนด้วยชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยที่แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดส่วนอื่นของรถที่ไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนเลย แบบเดียวกับที่ Kawasaki ทำกับ Ninja e-1 และ Z e-1 ข้อดีของการสร้างรถไฟฟ้าขึ้นบนพื้นฐานของรถเครื่องยนต์สันดาปที่มีอยู่แล้ว คือเรื่องของการลดต้นทุนและเวลาในการพัฒนา และช่วยเพิ่มความเรียบในการผลิตเพราะสามารถแชร์ชิ้นส่วนรอบคันกับรถที่มีอยู่แล้วได้เลย แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถดึงจุดเด่นบางอย่างของรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้ได้อย่างเต็มที่เช่น ข้อจำกัดของขนาดแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถใหญ่กว่าขนาดชุดเฟรม และตำแหน่งการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไม่มีอิสระ…
หนึ่งในนักแข่งที่แฟนกีฬา MotoGP จับตากันมากที่สุดในการทดสอบการเปิดฤดูกาลปีนี้ไม่ใช่แชมป์โลกอย่าง Francesco Bagnaia หรือผู้ท้าชิงอย่าง Jorge Martin แต่กลับเป็นอดีตแชมป์ย้ายค่ายอย่าง Marc Marquez ที่เปลี่ยนไปใช่รถของ Ducati ซึ่งดูเหมือนว่าตัวเขาเองจะยังมีปัญหากับรถแข่งคันใหม่อยู่พอสมควร เนื่องจากสไตล์การขับขี่ที่ต่างกับ Honda แบบคนละโลก จนทำให้กองเชียร์บางคนผิดหวัง(ส่วนกองแช่งก็ดีใจ) แน่นอนว่าหลายคนก็อาจจะมองผลงานในช่วงหลังของ Marc Marquez ที่ตกต่ำลงกับ Honda ว่าไม่ได้เป็นที่ตัวแข่ง แต่อาจจะเป็นที่นักแข่งมากกว่า ซึ่งอดีตนักแข่งรุ่นพี่จากรายการ WSBK อย่าง Simon Crafar ก็ได้แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า “ตอนนี้เขา(Marc Marquez)อายุ 30 แล้ว จากประสบการณ์ของผม มันเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัวกับของใหม่ตอนอายุเท่านี้” “ยิ่งคุณอายุน้อยคุณก็จะยิ่งปรับตัวกับรถใหม่ ยางใหม่ และเซ็ตติ้งใหม่ได้เร็ว คุณจะเห็นได้เลยว่าปัญหาที่เขากำลังเจออยู่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขามีปัญหาในการเปลี่ยนสไตล์การขับขี่จากรถของ Honda มาเป็นรถของ Ducati แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพยายามทำให้ได้” ปัญหานี้คงแก้ได้ยากมากเนื่องจาก Marc Marquez ขี่รถคันเดิมที่ตัวเองเป็นคนร่วมพัฒนามาถึง…
รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตจากญี่ปุ่นแบบ 4 สูบ 400 ซีซี นั้นถือเป็นรถมอเตอร์ไซค์อีกคลาสหนึ่งที่เป็นตำนานจากยุค 1990 เนื่องจากชื่อเสียงและความประทับใจที่รถแต่ละรุ่นต่างสร้างไว้ในยุคของมัน ด้วยความที่เป็นรถคลาสเล็กที่ผู้คนเข้าถึงได้ในราคาที่ไม่แพงเกินไป แต่ยังมาพร้อมกับความแรงและเสียงหวานตามแบบรถ 4 สูบ จึงไม่น่าแปลกใจที่ค่ายรถในปัจจุบันต่างก็พยายามนำตำนานเหล่านี้กลับมาขายใหม่อีกครั้ง วันนี้เราเลยจะมาพาทุกคนไปดูกันว่ารถ 5 รุ่นจากตำนานดั้งเดิมว่ามีรุ่นไหนกันบ้าง เผื่อใครที่คิดจะหามาเก็บจะได้มีโพยไว้ทำตามกันได้ หมายเหตุ รถแต่ละรุ่นที่เรานำเสนอนั้นมีการปรับโฉมหลายครั้ง หรือมีรุ่นย่อยหลายรุ่น เพื่อความเข้าใจง่ายเราจะขอนำเสนอเฉพาะรถรุ่นหลักที่น่าสนใจ ไม่ได้เจาะจงไปที่รุ่นท็อปหรือรุ่นที่พิเศษที่สุด นอกจากนี้ปีที่เราระบุไว้จะเป็นปีแรกในการจำหน่ายของรถโฉมนั้น ไม่ใช่ปีสุดท้ายของการวางจำหน่าย 1990 Honda CBR400RR รถคันแรกในกลุ่มรถคลาสตำนานที่เราอยากนำเสนอ มาพร้อมกับฉายา Fireblade แบบเดียวกับรถรุ่นพี่ในตระกูล CBR มันมาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง 399 ซีซี พ่วงด้วยระบบวาล์วแปรผัน V-TEC อันเป็นเอกลักษณ์ของค่ายปีกนก ให้พละกำลังสูงสุด 59 แรงม้า กับไฟหน้าโคมกลมคู่ที่หลายคนคงมองว่าเป็นนิยามการออกแบบของรถยุค 1990 แน่นอนว่าถ้าจะซื้อมาเก็บก็ต้องเลือกสี Tri-Color แบบเดียวกับรูปด้านบน ตามชื่อตำนานดาปไฟของมัน 1991…
Yamaha YZF-R1 และ YZF-R1M จ่อ เลิกขาย เจ้ารถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาส Superbike ตัวจบของค่ายส้อมเสียง Yamaha ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เครื่องยนต์แบบ Crossplane และมีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลก WSBK ซึ่งไม่ได้รับการปรับโฉมเพิ่มความสดใหม่กันมาสักพักแล้ว จนเราเชื่อว่ามันจะต้องมีการอัพเกรดสเปคใหม่ภายในปลายปีนี้เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro5+ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อทางค่ายทำการประกาศว่ารถรุ่นนี้จะไม่ได้ไปต่อเสียอย่างนั้น ข่าวเรื่องการยกเลิกการจำหน่าย YZF-R1 และ YZF-R1M ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงข่าวลือ แต่เป็นประกาศอย่างเป็นทางการจาก Yamaha สหราชอาณาจักรเองโดยตรงว่า “Yamaha Motor Group ได้ทำการตัดสินใจไม่พัฒนารถ R1 และ R1M ให้ผ่านมาตรฐานไอเสียใหม่ Euro5+ โดยจะเปลี่ยนไปใช้แผนธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดระยะกลางแทน” ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก เนื่องจากค่ายรถจำนวนมากต่างก็เริ่มถอนตัวออกห่างจากรถคลาสใหญ่ราคาแพง ที่มียอดขายไม่เยอะ ไปหารถที่คลาสเล็กลง แต่เข้าถึงผู้คนได้มากกว่า และรถที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือรถสปอร์ตสายสนาม ที่ทั้งมีราคาแพง แถมยังใช้งานในชีวิตประจำวันลำบาก คนส่วนใหญ่ที่มีรถได้แค่คันเดียวจึงมักเลือกรถประเภทอื่นที่ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปมากกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า YZF-R1 และ YZF-R1M…
การทดสอบการเริ่มฤดูกาลแข่งขัน MotoGP ที่ Qatar Test นั้นกำลังดำเนินไป เราได้เห็นพัฒนาการของบางทีมที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว บางทีมก็ไม่ไปไหนไกลมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นเราก็มีอัพเดตฝั่งของแชมป์โลกอย่างทีมโรงงาน Ducati และนักแข่ง Francesco Bagnaia ว่าตอนนี้รถแชมป์ของพวกเขานั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ในระดับที่ว่าดีขึ้นทุกด้านและลงตัวตั้งแต่ยังไม่เริ่มฤดูกาล ซึ่งการทดสอบดังกล่าว Francesco Bagnaia ก็แสดงผลงานด้วยการทำลายสถิติสนามและกดเวลาทดสอบเร็วที่สุด โดยเขาได้ให้ข้อมูลว่า “สิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดคือความรู้สึกที่ได้รับจากรถ เพราะในปีที่แล้วบางครั้งผมก็ไม่ค่อยรู้สึกถึงมัน(การสื่อสารอาการของตัวรถ)” Pecco กล่าว “แต่ในปีนี้ผมได้รับความรู้สึกจากรถได้มากขึ้น ผมคิดว่าตอนนี้มันพัฒนาขึ้นจาก GP23 ในทุกด้าน เราจึงสามารถพึงพอใจกับงานของเราได้ในตอนนี้ เมื่อวานนี้ Aprilia ก็ทำได้ดี Marc ก็ก้าวไปข้างหน้าทีละนิดในด้านของการกดเวลา ถึงอย่างนั้นผมไม่รู้ว่าเขาทำอันดับได้ที่เท่าไรเพราะผมไม่ได้ไปดู แต่ตอนนี้เราค้นพบศักยภาพของนักแข่งแต่ละคนแล้ว” “แน่นอนว่าตอนนี้ทั้ง Aprilia KTM และ Ducati นั้นเร็วเป็นอย่างมาก แต่ทางด้านของ Yamaha และ Honda พวกเขาอาจจะต้องการเวลาเพิ่มมากกว่านี้อีกนิด เพระาความเร็วของพวกเขานั้นได้แล้ว แต่เหมือนจะยังขาดอะไรอีกนิดหน่อย ผมคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องการยึดเกาะ”…
Honda Rebel 300 และ CL300 รถมอเตอร์ไซค์คลาสเริ่มต้นแนวครุยเซอร์ และสแครมเบลอร์จาก Honda ที่ตอนนี้จะเรียกว่าเป็นตัวเริ่มสำหรับคนที่ต้องการขยับขึ้นไปสู่มอเตอร์ไซค์คลาสใหญ่ของค่ายปีกนกก็คงไม่ผิดนัก เพราะรถรุ่นอื่นในพื้นฐานเดียวกัน ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นนี้ ซึ่งจากข่าวลือล่าสุดของทางนิตยสารญี่ปุ่นระบุว่ารถในตระกูลดังกล่าว อาจได้รับการติดตั้งระบบ E-Clutch เข้ามาในอนาคต Honda Rebel 300 และ CL300 นั้นต่างก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานชุดเฟรมเดียวกันกับ Rebel 500 และ CL500 ซึ่งได้รับความนิยมพอสมควรในประเทศไทย แต่เปลี่ยนจากการใช้เครื่องยนต์แบบ 2 สูบเรียง 471 ซีซี มาเป็นเครื่องยนต์ลูกเล็กกว่าแบบ 1 สูบ 286 ซีซี โดยยังคงรูปลักษณ์ภายนอกทุกอย่างไว้แบบเดิม เพื่อเป็นการเปิดตลาดไปสู่ผู้ใช้มือใหม่ที่มีอายุน้อยหรืองบประมาณน้อยลง แต่หลังจากที่ Honda ทำการเปิดตัวระบบคลัทช์ไฟฟ้าหรือ E-Clutch ที่ติดตั้งอยู่ในรถคลาสกลางรุ่นใหม่อย่าง CBR650R และ CB650R พร้อมกับประกาศว่าทางค่ายมีแผนที่จะนำระบบ E-Clutch ดังกล่าวไปติดตั้งเพิ่มเติมกับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นในไลน์อัพ การเลือกติดตั้งระบบนี้กับรถคลาสเริ่มต้นแบบนี้ก็ถือว่าสอดคล้องกับแนวทางของค่าย…