หลายคนคงทราบกันมาบ้างว่าตัวแข่ง MotoGP ของแต่ละค่ายนั้นมีเอกลักษณ์ และความยากในการขับขี่ที่ต่างกัน Honda ถือเป็นอีกค่ายที่ถูกวิจารณ์ว่าวิศวกรพัฒนารถขึ้นมาเพื่อ Marc Marquez โดยเฉพาะ จนนักแข่งคนอื่นไม่สามารถขี่ให้เร็วได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริง หากอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดของ Casey Stoner ที่เคยเป็นแชมป์โลกและนักทดสอบให้ค่ายปีกนก Casey Stoner ได้ตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ Honda รับฟังแนวทางการพัฒนารถจาก Marc Marquez มากกว่านักแข่งคนอื่นที่มีประสบการณ์มากกว่า “ที่จริงแล้วนี่คือเหตุผลที่ผมออกจากการเป็นนักทดสอบให้ Honda” เขากล่าว “เราไปถึงจุดนึงที่ Marc Marquez เริ่มจะพารถออกจากแนวทางที่ผมพยายามให้มันเป็น” “ผมเตือนพวกเขาแล้ว ผมบอกเขาว่าถ้ายังพยายามพัฒนารถตามแนวของของ Marc อย่างเดียว สุดท้ายก็จะมีแค่ Marc ที่ขี่รถของพวกเขาได้ และจะมีอุบัติเหตุตามมามากขึ้น” Stoner กล่าว “และผมก็พูดถูก 2015 เป็นปีที่เริ่มแสดงผล แต่พวกเขาก็ยังไม่ฟังและพยายามผลักผมออกไป” “ผมไม่ได้คาดคิดว่า Marc Marquez จะย้ายทีมออกจาก Honda แต่ผมก็ไม่ได้แปลกใจ…
Author: Kristha
นอกจากข่าวการย้ายไป Ducati ของ Marc Marquez จะทำให้แฟนคลับ MotoGP สนใจแล้ว การสละรถที่ไร้เทียมทานที่สุดในสนามของ Luca Marini ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะหลายคนมองว่าการย้ายทีมครั้งนี้ของเขาคือความผิดพลาด ซึ่งความทุลักทุเลก็เป็นเรื่องที่เขากำลังเจออยู่ในการทดสอบรถที่ Sepang Test Luca Marini ที่ได้กลายเป็นนักแข่งทีมโรงงานเป็นครั้งแรกได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Honda RC213V รุ่นล่าสุดว่า “ในภาพรวมแล้วมันง่ายกว่าที่จะกดเวลากับ Ducati เพราะตอนที่เราเบรก ล้อหลังมันช่วงเบรกด้วย ในจุดนี้เป็นส่วนที่ Ducati ทำได้ดีกว่า Honda” เขากล่าว “เราต้องพัฒนาในจุดนั้น แต่ผมกำลังมีปัญหาในการหยุดรถ ช่วงที่ยากที่สุดคือช่วงก่อนเข้าโค้ง Joan ทำตรงนี้ได้ดีกว่าผม เขาเลยเร็วกว่า” และเมื่อนักข่าวถามว่าเขาอยากให้วิศวกรพัฒนา Honda ให้เป็นแบบ Ducati หรือไม่ เขาก็ตอบว่า “ผมไม่คิดว่าจะเป็นการดีที่ทำแบบนั้น Honda มีจุดแข็ง ซึ่งเราต้องพัฒนาตรงนั้นเพิ่ม ไม่ใช่การเปลี่ยนมันให้กลายเป็น Ducati นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูก”…
การทดสอบ MotoGP ก่อนเริ่มฤดูกาลในส่วนของ Sepang Test นักแข่งอดีตแชมป์โลกอย่าง Marc Marquez ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถปรับตัวกับรถแข่งใหม่ของ Ducati ได้ดีเท่าที่ควร ทำให้เรายังไม่เห็นผลงานการกดเวลาที่น่าสนใจจากเขาคนนี้ ซึ่งตัวนักแข่งผู้นี้เองก็ทราบดีถึงปัญหาดังกล่าว Marc Marquez ถูกนักข่าวถามถึงปัญหากับตัวแข่ง GP23 เกี่ยวกับปัญหาในการเบรกที่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าโค้งได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งเขาก็ได้ตอบว่า “นั่นเป็นความจริง วิธีการเบรกของรถ Ducati นั้นมีความแตกต่าง” เขากล่าว “แต่ผมก็ไม่ได้แย่ไปกว่านักแข่งคนอื่นของ Ducati ในเรื่องของจุดเบรก ที่จริงผมทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ผมแค่ต้องทำความเข้าใจเรื่องการยึดเกาะที่ล้อหลังและใช้มันให้เป็นประโยชน์” ในจุดนี้เองที่เป็นความแตกต่างของรถแข่งคันใหม่และเก่าของเขา Honda นั้นเป็นรถที่เน้นความสามารถการยึดเกาะที่ล้อหน้า ซึ่งพัฒนาขึ้นตามสไตล์การขับขี่ของ Marc Marquez คือตราบที่ล้อหน้ายังทำหน้าที่ของมันได้ดีตอนเบรก ต่อให้มีปัญหาที่ล้อหลัง ความสามารถของนักแข่งก็จะช่วยให้ควบคุมอาการของรถได้ ต่างกับรถของ Ducati ที่พัฒนาโดยเน้นการยึดเกาะที่ล้อหลังมากกว่า “ผมเห็นด้วยกับประเด็นนี้มากเลย” Marc Marquez กล่าว “มันมีความแตกต่างกันมากในวิธีการใช้ล้อหลัง เพราะว่าผมยังคงขี่รถ Ducati ในแบบที่ขี่รถ Honda…
MotoGP Sepang Test หรือ Pre Season Test คือ ช่วงเวลาการทดสอบรถซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำคัญที่สุดสำหรับทีมช่างและนักแข่ง ที่จะเป็นโอกาสให้พวกเขาได้ทดลองรถใหม่ที่จะใช้ในการแข่งขันฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น รวมถึงเป็นช่วงเวลาที่แฟนคลับจะได้เห็นการลงสนามแบบจริงจังอีกครั้ง เพื่อแง้มดูฟอร์มของทีมและนักแข่งที่ตัวเองชื่นชอบ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไม MotoGP ต้องมาทดสอบที่สนามนี้ทุกครั้งเลย ไปทดสอบที่สนามอื่นไม่ได้หรอ? เราก็ต้องอธิบายก่อนว่าปกติแล้ว MotoGP จะทำการทดสอบรถระหว่างฤดูกาลกันเป็นปกติอยู่แล้ว โดยสนามทดสอบที่ต้องมีอยู่แล้วก็มักจะเป็นการทดสอบในสนามนัดปิดฤดูกาล (Post Season Test) คือแข่งสนามสุดท้ายเสร็จก็ทดสอบรถใหม่และนักแข่งใหม่กันต่อที่นั่นเลย ยกตัวอย่างกรณีของ Valencia Test อีกหนึ่งการทดสอบที่จะมีอย่างแน่นอนก็คือการทดสอบในสนามนัดเปิดฤดูกาลใหม่ ที่จะมีขึ้นก่อนเริ่มฤดูกาล ยกตัวอย่างกรณีของ Qatar Test ที่พอทดสอบกันที่สนามนั้นเสร็จ ก็จะมีแข่งจริงกันที่นั่นไม่นานหลังจากนั้น เพื่อให้ทีมแข่งและนักแข่งพร้อมประเดิมสนามแรกมากที่สุด นอกจากนี้การทดสอบใกล้กับเวลาแข่งจริงยังช่วยให้สภาพแวดล้อมตอนทดสอบ มีความคล้ายกับสภาพการแข่งขันจริงมากที่สุด แต่ในการทดสอบอื่นนอกจากนั้นก็ยังจะมีการทดสอบในประเทศมาเลเซีย ที่สนามแข่ง Sepang International Circuit ที่ไม่ได้เป็นทั้งสนามเปิดหรือปิดฤดูกาล แต่ผู้จัดก็ยังมาจัดกันที่นี่ทุกปี ซึ่งเหตุผลที่มาทดสอบกันที่นี่อย่างแรกสุดก็คือเรื่องของ ฤดูกาล เนื่องจากสนามแข่งส่วนใหญ่ในตารางการแข่งขัน มักจะอยู่ในซีกโลกทางด้านบน หรือ ทางเหนือมาก…
ในการทดสอบ Sepang Test ก่อนเริ่มฤดูกาลแข่งขัน MotoGP นั้นมีจุดน่าสนใจหลายจุด โดยเฉพาะของเล่นใหม่ที่แต่ละค่ายรถงัดเอามาทดลองก่อนแข่งจริง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมรองอย่าง Gresini ที่จะได้ใช้ตัวแข่ง Ducati Desmosedici GP23 ซึ่งเป็นรถตกรุ่นจากฤดูกาลที่แล้ว พี่น้องตระกูล Marquez ก็ได้ลงวิ่งโดยใช้รถรุ่นดังกล่าวในสภาพที่ไม่มีการอัพเกรดอะไรก่อน (สภาพรถเหมือนตอนต้นฤดูกาล 2023 ไม่ใช่แบบเดียวกับตอนปลายฤดูกาลที่คว้าแชมป์โลก) Alex Marquez ที่มีประสบการณ์ใช้งาน Ducati Desmosedici GP22 มาก่อนก็ได้ให้ข้อมูลว่า “พูดตามตรงว่าตอนนี้รถมันแย่กว่าของปี GP22” เขากล่าว “เราต้องปรับด้วยมากกว่านี้ ในการวิ่งรอบสุดท้ายผมสามารถทำเวลา 1:58.5 ด้วยยางเก่า ซึ่งนี่ไม่ใช่เวลาที่แย่เลย เราต้องดูว่ามันมีวิธีที่จะปรับตัวตามมันหรือปรับอะไรได้ไหม” “ผมมีความรู้สึกที่ดีกว่ากับ GP22 โดยเฉพาะตอนโค้งที่ผมมีปัญหาเยอะในวันนี้ มันเหมือนกับว่าจะมีปัญหาเล็กน้อยในทุกด้าน แต่ผมก็ไม่ได้พยายามกดเวลาเพราะมีน้ำมันอยู่เต็มถัง” Marquez กล่าว “ตอนแรกผมลองวิ่งโดยใช้เซ็ตติ้งที่ผมไม่ชอบ พอเราปรับอะไรหลายอย่างมันก็ดีขึ้น แต่เราก็ไม่มีพื้นที่ให้พัฒนามากนัก” แต่อย่างน้อยสถานการณ์ของ Alex ก็ดูเหมือนจะดีกว่าของคนพี่อย่าง Marc…
MotoGP เริ่มนำปีก Winglets มาใช้เพื่อสร้างข้อได้เปรียบด้านอากาศพลศาสตร์มาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งผู้นำเทรนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นแชมป์โลกค่ายปัจจุบันอย่าง Ducati ตั้งแต่นั้นมาแต่ละค่ายก็ดันขีดจำกัด รวมถึงความแหวกแนวของรูปทรงปีกแอโรไดนามิคที่ว่านั้นให้ไกลขึ้นทุกปี และในช่วงทดสอบก่อนเริ่มฤดูกาลล่าสุด เราก็ได้เห็นพัฒนาการหลายอย่างที่ทำให้รถในสนามดูใกล้เคียง F1 เข้าไปทุกที ซึ่งการพัฒนานี้เองก็ถูกอ้าแขนรับโดยแฟนคลับและวิศวกรที่คลั่งไคล้เทคโนโลยี แต่กลับถูกต่อต้านโดยแฟนคลับและนักแข่งสายดิบ ที่ต้องการเห็นการต่อสู้ระหว่างนักแข่งมากกว่ารถแข่ง Marc Marquez ก็เป็นหนึ่งในนักแข่งที่ไม่ชอบการพัฒนาด้านแอโร่ไดนามิคที่ว่านี้ด้วย “ตอนที่ผมเห็นภาพของการทดสอบ Shakedown และได้เห็นปีกแอโร่ไดนามิคแบบใหม่มันดูเหมือนของ Formula 1” “สำหรับผมแล้วผมเกลียดมัน” Marquez กล่าว “แต่นั่นก็เป็นทิศทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป และกติกาก็ปล่อยให้พวกเขาทำมัน ทุกครั้งที่ผมเห็นมัน มันก็จะมีแอโร่ไดนามิคที่ซับซ้อนมากขึ้น ผมไม่ชอบมัน แต่ก็เป็นเรื่องที่เราต้องปรับตัว” “เมื่อเราพูดถึงปีกแอโร่ไดนามิค มันเป็นเรื่องยากที่จะตามรถพวกนั้นและแซง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Formula 1” เขากล่าว “ใน MotoGP เรายังมีข้อดีที่เรายังสามารถสู้กันเป็นกลุ่มได้ แต่ตอนนี้เรากำลังพัฒนาไปทางแอโรไดนามิคมากขึ้น(กลัวว่าสุดท้ายรถแข่งจะแซงกันยาก) ผมเลยอยากให้เราลงทุนพัฒนาด้านเครื่องยนต์ แชสซีหรือยางมากกว่า แต่มันก็จะไปส่งผลกระทบกับความน่าสนใจของเรซหลัก(ด้านปีกที่มุมนึงก็เป็นตัวดึงดูดคนดู)” ที่มา motorsport อ่านข่าวสาร…
เริ่มกันไปแล้วกับการทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล Sepang Test ที่ประเทศมาเลเซีย เราได้เห็นนักแข่งหลายคนและรถหลายค่ายเริ่มปรับตัวกับของเล่นใหม่ได้แล้ว หลังจากที่การทดสอบ Valencia Test เมื่อปลายปีที่แล้วเป็นแค่น้ำจิ้ม ซึ่งนักแข่งหลายคนที่ต้องย้ายค่ายก็คงไม่ได้ลองอะไรใหม่มากนัก ในตอนนี้เราเริ่มมีข้อมูลความรู้สึกเกี่ยวกับตัวแข่งที่ลึกขึ้นของ Alex Rins มาให้ทุกคนชม Alex Rins ที่ได้ย้ายทีมจาก Suzuki ไปสู่ Honda เพียงแค่ปีเดียวก่อนที่จะมาอยู่กับทีมโรงงาน Yamaha ในฤดูกาลนี้ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวแข่งใหม่ของค่ายส้อมเสียงว่า “ผมรู้สึกดีทันทีที่ได้นั่งลงบนรถตั้งแต่การทดสอบ Shakedown ผมมีความสุขมากกับความรู้สึกนี้ และมันทำให้ผมนึกถึงช่วงวันวานกัน Suzuki เพราะมันมีความคล้ายกันในด้านเครื่องยนต์และแชสซี แต่มีความนิ่งมากกว่าในตอนเบรก” “ในปีที่แล้ว Yamaha ค่อนข้างหัวเก่า และแก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักเท่าไร แต่ตอนนี้เราทดสอบปีกใหม่ที่ช่วยเรื่องการยกล้อและเรื่องเลี้ยว วิธีที่เราทำงานในตอนนี้แตกต่างกับตอน Valencia Test” เขากล่าว “มันแน่นอนว่าในช่วง Valencia Test มันเหมือนกับการไปโรงเรียนวันแรกของผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกต่างออกไปมาก เหมือนว่าเรากำลังมาถูกทางแล้ว” ในปีที่ผ่านมา Yamaha ได้ทำการพัฒนาเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่แรงขึ้นตามคำขอของ Fabio…
Honda E-Clutch และ MV Agusta Smart Clutch System (SCS) Honda ได้ทำการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์คลาสกลางรุ่นใหม่อย่าง CBR650R และ CB650R ซึ่งทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่น่าสนใจที่เรียกว่าระบบ E-Clutch ที่จะทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกำก้านคลัทช์ขณะเปลี่ยนเกียร์อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลง ตอนออกตัวหรือตอนรถหยุดนิ่ง แต่ฟังดูแล้วมันก็จะไปคล้ายกับระบบ Smart Clutch System ของ MV Agusta แล้วตกลงระบบทั้งสองอย่างมันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร? ซึ่งถ้าจะให้เราสรุปแบบเข้าใจง่ายเลย เราก็ต้องบอกว่าระบบทั้งสองแบบไม่ว่าจะเป็น E-Clutch หรือ Smart Clutch System นั้นต่างสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเดียวกัน คือการช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้รถไม่จำเป็นต้องกำคลัทช์ตอนขี่และตอนเปลี่ยนเกียร์อีกเลย แต่ก็ยังสามารถกำคลัทช์ในสถานะการณ์อื่นได้ถ้าหากต้องการ เรียกได้ว่าในการใช้งานทั่วไป ทั้งสองระบบจะมีวิธีใช้งานที่เหมือนกันมากกว่า 90% สิ่งที่แตกต่างไปคือวิธีการที่วิศวกรพัฒนาและสร้างระบบดังกล่าว ซึ่งทางฝั่งของ Honda E-Clutch จะเป็นการแก้ปัญหาที่ว่าด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ส่วนฝั่งของ MV Agusta SCS จะเป็นความพยายามแก้ปัญหาด้วยกลไกเป็นหลัก…
Honda CB500 รถมอเตอร์ไซค์แนวเรโทรจากค่ายปีกนก Honda ที่จะพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรถขายดีอย่าง CB350 อาจมีโอกาสถูกพัฒนาขึ้นจริง และมีแนวโน้มที่จะถูกส่งออกไปจำหน่ายในตลาดโลก หลังจากมีเสียงเรียกร้องให้นำรถต่างต้นไปขายทั้งในยุโรปและส่วนอื่นของเอเชีย เนื่องจากรูปลักษณ์ที่สวยงาม และความคลาสสิกขั้นสุดที่หาได้ยากในรถยุคใหม่ ก่อนอื่นเราต้องอธิบายก่อนว่า Honda CB350 นั้นเดิมทีเป็นรถที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้จำหน่ายในภูมิภาคเอเชียใต้อย่าง อินเดีย เนปาล บังคลาเทศ เพื่อใช้แข่งขันในตลาดรถคลาสสิกแนวติดดินอย่าง Royal Enfield Classic 350 ที่เน้นความเรียบง่ายและทนทาน ไม่เน้นเทคโนโลยี ประเทศเดียวนอกอินเดียที่มีรถรุ่นนี้ขายคือญี่ปุ่น แต่จะทำตลาดด้วยชื่อ GB350 และก่อนหน้านี้ทางสื่อนิตยสารจากญี่ปุ่นก็ได้ทำการวิเคราะห์ว่า Honda CB350 นั้นมีเสื้อสูบที่หนา รวมถึงมีขนาดเครื่องยนต์โดยรวมที่ใหญ่พอสมควรสำหรับรถในคลาสเดียวกัน เหมือนกับว่าค่ายปีกนกจะจงใจพัฒนามันให้พร้อมขยายความจุไว้ก่อนแล้ว(เป็นปกติของค่ายรถที่จะทำเผื่อไว้ก่อน) แต่กลับไม่มีเหตุผลให้ขยายความจุ เนื่องจากฝ่ายการตลาดตั้งในเอาไว้ขายแค่ในอินเดียที่นิยมเครื่องยนต์ขนาด 350 ซีซี เป็นหลักเท่านั้น แต่หลังจากการเปิดตัวของ Honda CB350 ในประเทศเวียดนาม แล้วตามมาติดด้วยการเปิดตัวในออสเตรเลีย เราก็เริ่มสงสัยว่าตอนนี้ค่ายปีกนกอาจจะเริ่มอยากนำรถรุ่นดังกล่าวมาขายในตลาดอื่นบ้างแล้ว เนื่องจากตอนนี้ทางค่ายก็ไม่มีรถไฟกลมรุ่นเริ่มต้นที่น่าสนใจในตลาดโลก CB300R ก็เก่าและตกยุค แถมยังไม่มีสเน่ห์ความย้อนยุคเต็มตัวแบบ CB350…
ในการแข่งขัน MotoGP ฤดูกาลที่ผ่านมามีเรื่องน่าตื่นเต้นหลายอย่างที่ผู้คนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์โลกของนักแข่งทีมรองอย่าง Jorge Martin หรือการย้ายไปสู้ Gresini ของ Marc Marquez ซึ่งทั้งสองข่าวที่ว่ามาก็ชวนให้คนพูดเกี่ยวกับโอกาสที่นักแข่งทั้งสองอาจได้ขึ้นไปทีมโรงงานสักวันนึง แต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวของใครก็ล้อนกระทบที่นั่งของ Enea Bastianini ทั้งคู่ Enea Bastianini ถูกถามเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อที่นั่งของเขาที่มาจากทั้ง Marc Marquez และ Jorge Martin ว่า “มันยากที่จะพูดเรื่องนี้ในตอนนี้ แต่ผมหวังว่าที่นั่งนั้นจะยังเป็นของ Enea Bastianini นะครับ(พูดถึงตัวเอง)” นอกจากนั้นนักข่าวยังได้พูดถึงสัญญาของ Martin ที่ระบุไว้ว่าเขาจะขึ้นมาทีมโรงงานทันทีถ้าได้ตำแหน่งแชมป์โลก Bastianini ก็ให้ความเห็นว่า “ผมเคยได้ยินเรื่องนี้หลายรอบจากหลายคน แต่ผมไม่เคยได้ข้อมูลเรื่องนี้แบบเป็นทางการ แต่มันก็ไม่สำคัญกับผม” “สิ่งสำคัญสำหรับผมตอนนี้คือการอยู่ต่อกับทีมเดิม” และเมื่อมีการถามถึงความเป็นไปได้ที่ Marc Marquez อาจได้ขึ้นมาอยู่ทีมโรงงาน เขาก็ได้ให้ความเห็นว่า “นักแข่งของ Ducati ทุกคนนั้นอันตราย และผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกที่อันตรายที่สุดในสนามด้วย นั่นเป็นเพราะทีมที่ใช้รถ Ducati…