หลังจากที่ Liberty Media ผู้ถือครองรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Formula 1 ได้ทำการเข้าควบรวมกิจการของ Dorna ที่เป็นเจ้าของทั้ง MotoGP และ WSBK หลายคนก็เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ที่การแข่งทั้งสองรายการนั้น จะถูกนำมาจัดร่วมกันที่สนามแข่งเดียวกัน ในสุดสัปดาห์เดียวกัน เพราะถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปี 2023 ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะทำการควบรวมกิจการ Stefano Domenicali ผู้บริหารของ Formula 1 และ Carmelo Ezpeleta ผู้บริหารของ Dorna ก็เคยหารือกันเกี่ยวกับสุดยอดอีเว้นในฝัน ที่จะรวมการแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของทั้งฝั่งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เข้าไว้ด้วยกัน และในมุมมองของคนนอกอย่างเรา ก็น่าจะเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง หลังมีการควบรวมกิจการ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นยากกว่าที่คิด เริ่มตั้งแต่สนามแข่งที่จะใช้ในการจัดแข่งขัน เนื่องจากไม่ใช่ทุกสนามบนโลกจะผ่านมาตรฐานทั้งของ FIM และ FIA บางสนามสามารถใช้จัดรายการนึงได้ แต่ดันจัดอีกรายการไม่ได้ โดยเฉพาะสนามแข่งแบบ Street Circuit ที่ถึงแม้จะใช้จัด Formula 1 แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ MotoGP ลงไปแข่ง…
Author: Kristha
Honda CB1000F รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตไฟกลมรุ่นใหญ่ รุ่นใหม่จากค่ายปีกนก คาดเตรียมเปิดตัวอย่างเร็วที่สุดภายในช่วงกลางปีนี้ โดยมันจะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของ Honda CB1000 Hornet ที่เพิ่งถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายปีก่อน เพื่อเป็นตัวตายตัวแทนให้รถรถในตำนานอย่าง CB1300 Super Four ที่ไม่ได้ไปต่อเพราะค่าไอเสียที่เข้มงวด ย้อนไปเมื่อปี 2020 ในตอนที่ค่ายปีกนกทำการเปิดตัวรถต้นแบบ CB-F Concept โดยมันเป็นรถสไตล์เรโทรแบบญี่ปุ่น ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ CB1000R ในยุคนั้น แต่ยกเส้นสายรอบคันมาจากรถในตำนานอย่าง CB750F มาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย แต่น่าเสียดายที่โปรเจคดังกล่าวกลับถูกพับไป ขยับมาที่ปี 2024 ในที่สุดทางค่ายก็ได้ทำการเปิดตัว CB1000 Hornet รถสปอร์ตเปลือยคลาสใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุดออกมา โดยมันมีจุดเด่นเรื่องสเปคที่ใกล้เคียงกับ Super Naked แต่กลับมีค่าตัวสูสีกับรถในคลาสกลาง เนื่องจากการติดตั้งเทคโนโลยีและของเล่นติดรถแค่เท่าที่จำเป็น รวมถึงตัดลูกเล่นฉูดฉาดที่ไม่จำเป็นออกไปจนเกลี้ยง และด้วยจุดเด่นเรื่องค่าตัวที่ว่านี้เอง ก็ทำให้ความเป็นไปได้ของร่างแยกสไตล์ย้อนยุค ดูจะมีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายของ Honda คือการสร้างมันขึ้นมาเพื่อแทนที่ตำแหน่งของ CB1300 Super Four โดยการใช้พื้นฐานของ…
BMW S1000RR รถมอเตอร์ไซค์ซุปเปอร์ไบค์ตัวแรงตัวสุด ที่เป็นอีกหนึ่งไอคอนของวงการรถมอเตอร์ไซค์ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา กับภาพลักษณ์ไฟหน้าตาเข และช่องระบายอากาศทรงเหงือกฉลาม มันคือรถที่ปฏิวัติแนวทางของตัวค่ายเอง และแนวทางของรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสายสนามทุกรุ่นที่เกิดขึ้นมาหลังจากมัน ที่มาของมันเป็นแบบไหน? ไปดูกัน ซึ่งเจ้าฉลามคันนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นรถซุปเปอร์ไบค์ของ BMW สำหรับใช้ในการแข่งขัน WSBK เพื่อสร้างภาพลักษณ์แนวสปอร์ตให้กับทางค่าย นอกจากภาพลักษณ์ดั้งเดิมที่มักมีแต่รถแนวแอดเวนเจอร์หรือทัวริ่ง S1000RR โฉมแรกนั้นถูกเปิดตัวในปี 2008 มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 4 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 999 ซีซี ตามกติกาของรายการที่มันต้องลงแข่ง ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 193 Hp เอกลักษณ์ของมันก็หนีไม่พื้นเรื่องรูปลักษณ์ที่ไม่สมมาตร ที่ไฟหน้าทั้งสองดวงนั้นมีรูปทรงที่ต่างกัน รวมถึงช่องระบายอากาศด้านข้างตัวรถก็ต่างกันด้วย โดยช่องฝั่งขวานั้นจะมีรูปทรงคล้ายกับเหงือกฉลาม ทำให้มันกลายเป็นฉายาที่ติดหูของรถรุ่นนี้ในเวลาต่อมา แถมมันยังเป็นผู้ริเริ่มติดตั้งตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์อย่าง ABS และ TCS ให้กับรถสปอร์ตสายสนาม จนค่ายอื่นต้องทำตามบ้างในเวลาต่อมา ตัวรถได้รับการปรับสเปคเล็กน้อยในปี 2011 ส่วนใหญ่เป็นความเปลี่ยนแปลงรายละเอียดภายในเครื่องยนต์ ความแตกต่างภายนอกที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเหงือกฉลามที่มีหน้าตาเปลี่ยนไป แต่ความเปลี่ยนแปลงสำคัญนั้นจะอยู่ที่ปี 2012 ที่มีการเปิดตัวรุ่นย่อยระดับท็อปอย่าง S1000RR HP4 ที่มาพร้อมชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน…
Honda NX190 รถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์น้องเล็ก จากค่ายปีกนก Honda ที่มาพร้อมกับสเปครอบคันที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ความธรรมดาและไร้อุปกรณ์ติดรถหวือหวา กลับเป็นจุดเด่นและจุดขายในตัวของมันเอง เพราะการที่รถคันนี้ไม่มีอะไรมาให้เลย แปลว่าก็จะไม่มีอะไรให้พังเสียหายขณะลุยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่คนไทยจะไม่ได้ใช้รถรุ่นนี้ โดยรถคันนี้จะมาพร้อมกับสเปคแบบเรียบง่ายขั้นสุด เริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ที่ไม่มีแม้แต่ระบบระบายความร้อนน้ำมันเครื่องด้วยซ้ำ 1 สูบ 2 วาล์ว SOHC ปริมาตรกระบอกสูบ 184 ซีซี ที่สามารถให้พละกำลังได้สูงสุด 17 Hp และแรงบิดสูงสุด 16.1 Nm ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ซึ่งพื้นฐานของมันก็จะแชร์ร่วมกับ Hornet 2.0 และ CB190TR แต่เอามาทำการยกสูง เพื่อให้ใช้เดินทางท่องเที่ยวและลุยทางดินได้มากกว่าเดิม ทำขึ้นเพื่อเจาะตลาดประเทศกำลังพัฒนา หรือลูกค้าที่มีรายได้น้อยแต่ต้องการรถที่มีสไตล์และแรงกว่ารถบ้านทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นโซน อเมริกาใต้ อินเดีย จีน หรือแม้แต่เพื่อนบ้านของเราอย่างอินโดนีเซีย โดยค่าตัวของมันนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 105,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่แพงเท่าไรเมื่อเทียบกับรถยกสูงในยุคนี้ ชุดเฟรมหลักและเฟรมท้ายแบบเหล็กท่อ…
ในช่วงหลายปีที่ผ่าน พวกเราได้เห็นเหล่ารถแข่งต้นแบบที่ร่วมต่อสู้อยู่ในรายการ MotoGP นำชุดปีกสร้างแรงกดมาใช้เสริมความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ถูกส่งต่อมาสู่รถโปรดักชั่น และรถเหล่านี้ก็นำเทคโนโลยีที่ว่าส่งต่อไปที่เวทีรถตลาดอย่าง WSBK แต่หลายคนก็น่าจะเห็นตรงกันว่าบางครั้ง ชุดปีกที่สร้างแรงกดอากาศและกดเวลาต่อรอบ ก็ดูขัดหูขัดตาหากมองในด้านความสวยงามอยู่เหมือนกัน ซึ่งค่ายรถที่ไม่ได้มีส่วนในการแข่ง MotoGP แต่กลับเป็นค่ายที่บ้าพลังเรื่องระบบแอโร่ไดนามิคมากที่สุด และเป็นแชมป์โลกการแข่งขัน WSBK ฤดูกาลล่าสุดอย่าง BMW ก็น่าจะคิดเช่นเดียวกันกับเรา เพราะพวกเขาได้ทำการจดสิทธิบัตรชุดแฟริ่งแบบใหม่ ที่ทำให้ตัวรถมอเตอร์ไซค์สามารถใช้ลูกเล่น และความได้เปรียบของ Winglet ได้โดยไม่ต้องมีมันให้เกะกะ หรือรบกวนเส้นสายการออกแบบภายนอก เพราะถ้าเราย้ายไปดูทางฝั่งของรถยนต์ เราจะเห็นว่าการสร้างลูกเล่นของแอโร่ไดนามิคนั้นไม่ได้มีแค่การติดปีกขนาดใหญ่เข้าไปเท่านั้น เพราะเราสามารถสร้างกระแสของอากาศที่ส่งผลกับตัวรถได้ เพียงแค่ติดตั้ง Gurney Flap หรือ Ducktail Spoiler ที่จะทำการเบี่ยงเบนและควบคุมกระแสของอากาศ ให้วิ่งไปในทิศทางที่เราต้องการในระดับหนึ่ง ไม่ว่าเป็นการทำเพื่อนสร้างแรงกดโดยตรง หรือลดแรงดันลบที่ดูดรถของเราจากด้านหลัง แต่การจะติดตั้ง Gurney Flap และ Ducktail Spoiler รอบตัวรถมอเตอร์ไซค์นั้นคงจะไม่แก้ปัญหาเรื่องงานออกแบบ BMW จึงเลือกใช้วิธีจัดการกับกระแสของอากาศภายใต้แฟริ่งแทน ซึ่งนี่จะไม่ใช่แค่การสร้างแฟริ่งสองชั้นซ้อนกัน แล้วติดปีกขนาดเล็กไว้ด้านใน แบบที่เรามักจะเห็นกันในช่วงที่มีการปรับกติกาแอโร่ไดนามิคของ MotoGP…
Royal Enfield Himalayan 750 รถมอเตอร์ไซค์เรโทรแอดเวนเจอร์รุ่นใหม่จาก Royal Enfield ที่เราหลายคนต่างรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็มีภาพหลุดขณะวิ่งทดสอบ โผล่มาให้เราเห็นแบบชัดเจนเต็มตาสักที โดยตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ในช่วงท้ายของการพัฒนา และมีรูปร่างที่เกือบจะสมบูรณ์พร้อมผลิตจริงแล้ว ซึ่งเจ้าแพะภูเขารุ่นใหญ่นั้นก็ถูกจับภาพได้ขณะวิ่งทดสอบในทวีปยุโรป โดยมันมาพร้อมกับชุดเฟรมใหม่หมดจด ที่ทำไว้ให้ใช้งานในสไตล์ทั่วริ่งลุยฝุ่น และไม่ได้แชร์ร่วมกับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นของค่ายอย่าง Interceptor หรือ Super Meteor ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหัวกลับ ด้านหลังแบบสปริงเดี่ยวพร้อมกระเดื่องทดแรง ที่สามารถปรับได้ทุกค่า มีระยะยุบมาก ช่วยให้ลุยได้พอประมาณ จัดเต็มด้วยระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์คู่ ทำงานร่วมกับคาลิเปอร์แอ็กเซียลเม้าท์จาก Bybre ซึ่งถือว่าจัดเต็มมากสำหรับรถจากค่ายนี้ และในจุดนี้เองก็ทำให้เราสงสัยว่าเครื่องยนต์ที่ใช้อยู่นั้นจะไม่ใช่เครื่อง 650 ซีซี แต่เป็นเครื่องยนต์ลูกใหม่ที่มีข่าวลือว่าจะขยายความจุไปเป็น 750 ซีซี แน่นอนว่าจะทำให้มันแรงขึ้นมากกว่าเดิม จดต้องพึ่งพาระบบเบรกที่ดีกว่าเดิม แต่ในส่วนของเครื่องยนต์ลูกใหม่นั้นยังคงเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ชุดล้อแบบซี่ลวดขนาด 19 และ 17 นิ้ว บ่งบอกว่ารถรุ่นนี้จะทำมาเพื่อการท่องเที่ยวทางไกล ที่ผสมทั้งการใช้งานบนทางดำและทางดิน ไม่ใช้สายลุยเต็มตัวแบบคู่แข่งกระแสหลัก ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากประเภทของเครื่องยนต์ลูกนี้ที่ไม่ได้ทำมาให้ลุยแต่แรก และน้ำหนักของตัวรถที่น่าจะเยอะมากจนโดดเนินลำบาก รูปลักษณ์โดยรวมนั้นเหมือนจะเป็นการผสมระหว่าง Himalayan…
Suzuki GSX-R900 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตคลาสกลางรุ่นใหม่ อาจอยู่ในช่วงพัฒนา และเตรียมเปิดตัวให้เราได้เห็นเร็วกว่าที่คิด เพื่อมาแทนที่ช่องว่างที่หายไป จากการยกเลิกการผลิตรถสายสนามตัวท็อปอย่าง GSX-R1000 เรียกได้ว่าถอดรุ่นท็อปของค่าย และอัพเกรดรุ่นกลางให้ใหญ่ขึ้นแบบเดียวกับค่ายส้อมเสียงทำเลย ก่อนอื่นเราขอย้อนความกันเล็กน้อยว่าในปี 2022 ค่ายรถคนบ้านั้นได้ทำการประกาศถอนตัวออกจากการแข่งขัน MotoGP อย่างเป็นทางการ พร้อมกับถอดการสนับสนุนให้กับทีมแข่งของตัวเองในการการอื่นทั่วโลก นอกจากนี้รถรุ่นท็อปที่เป็นความภาคภูมิใจของค่ายอย่าง Suzuki GSX-R1000 นั้นถูกประกาศยุติการผลิตไปในช่วงกลางปี 2024 หลังจากที่ไม่ได้ทำการอัพเดตสเปคมานานหลายปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากยอดขายรถซุปเปอร์ไบค์ที่ตกต่ำ และความยากลำบากในการพัฒนาเครื่องยนต์เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียใหม่ที่เข้มงวด โดยทางค่ายให้เหตุผลว่าต้องการนำงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ไปใช้ในการพัฒนารถมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นที่มีคนสนใจมากกว่า ซึ่งผลที่ได้ก็คือแฝดสามรถคลาสกลางอย่าง GSX-8S, GSX-8R และ V-Strom 800 รวมถึงรถสายถนนอีกหลายรุ่นในคลาสใหญ่ แน่นอนว่าทุกรุ่นที่เราว่ามาก็น่าจะมีคนสอยมาใช้จริง มากกว่ารถสปอร์ตสายสนามบ้าพลังที่ไม่สามารถใช้งานได้จริงบนถนน ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับรถสปอร์ตรุ่นใหม่ก็ไม่ได้ลือมาจากใครที่ไหน แต่เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของประธานค่ายคนบ้า Suzuki Toshihiro ที่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เราจะได้เห็นรถสปอร์ตสายสนามจากพวกเขาในอนาคตว่า “ตอนนี้เรายังบอกรายละเอียดอะไรไม่ได้ แต่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะเอารถ Supersport กลับมาสู่ตลาด แล้วปรับให้มันเข้ากับกติกาแบบใหม่ เราคิดว่ามันสำคัญเพราะนี่เป็นประวัติศาสตร์ของเรา” นอกจากนี้เขายังกล่าวเสริมอีกว่า “ขอให้สนุกกับ EICMA ในปีหน้า”…
หลังจากที่ในงาน EICMA 2024 ค่ายปีกนกได้ทำการเปิดตัว PCX125 ที่ได้รับการปรับโฉมรูปลักษณ์ภายนอก และเทคโนโลยีใหม่สำหรับตลาดยุโรป ก่อนที่ร่างเครื่องใหญ่อย่าง PCX160 ในรูปลักษณ์เดียวกันจะถูกเปิดตัวตามมาในประเทศอินโดนีเซีย พร้อมกับมีข่าวว่ามันจะตามมาเปิดตัวต่อในไทยกันตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเลย เราเลยขอชวนทุกคนมาวิเคราะห์กันว่าฝาแฝดสายลุยอย่าง ADV160 จะถูกปรับโฉมตามตอนไหน? Honda ADV160 รุ่นใหม่นั้นเราสามารถคาดการณ์ได้ไม่ยากว่าสเปคโดยรวมของมันจะคล้ายกับรถรุ่นเดิม และคล้ายกับ PCX160 ที่แชร์พื้นฐานร่วมกัน มาพร้อมเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 1 สูบ 4 วาล์ว ปริมาตรกระบอกสูบ 157 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 16 PS ที่ 8,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 14.7 Nm ที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อเพิ่มความสดใหม่ รวมถึงเพิ่มหน้าจอสี TFT ที่มีการติดตั้งระบบ Roadsync ที่ควบคุมผ่านประกับแฮนด์ด้านซ้าย ซึ่งเป็นการอัพเกรดที่รถสกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ของค่ายปีกนกได้รับเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น PCX160 ไปจนถึง…
หลังจากที่ Honda ทำการเปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นต้นแบบในงาน EICMA 2024 ที่มาพร้อมกับเลเอาท์ V3 สุดแปลกตา แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าเราย้อนไปสัก 20 ปี พวกเขาเคยคิดจะทำเครื่องยนต์แบบ V5 รุ่นขายจริง เพื่อเกาะกระแสตัวของแข่งแชมป์โลก MotoGP อย่าง RC211V แต่น่าเสียดายที่รถรุ่นดังกล่าวกลับไม่ได้เกิด โดยข้อมูลที่ว่านี้ก็มาจากปากอดีตวิศวกรของสถานบันวิจัยของ Honda ที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตน ซึ่งเขาได้ให้ข้อมูลไว้กับนิตสาร Young-Machine ตั้งแต่ปี 2004 ว่าตอนนั้นค่ายปีกนกได้ทำการพัฒนาเครื่องยนต์ลูกใหม่แบบ V5 สำหรับวางจำหน่ายในวงกว้าง และเครื่องยนต์ลูกดังกล่าวก็ได้รับการพัฒนาไปไกลพอสมควรแล้วด้วย ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้มันมาทำหน้าที่เป็นตัวตายตัวแทนของเครื่องยนต์ V4 ที่ใช้อยู่ในรถตระกูล VF และ VFR ที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถตัวท็อปของค่าย นอกจากนี้ยังเป็นการล้อไปกับตัวแข่ง RC211V ที่คว้าแชมป์โลกในเวที MotoGP ในยุคนั้นอีกด้วย ในส่วนของรายละเอียดและสเปคของเครื่องยนต์นั้นมีอยู่อย่างจำกัด เนื่องจากมันเป็นเครื่องยนต์ที่อยู่ในช่วงพัฒนา และถือเป็นความลับสำหรับคนทั่วไป แต่สิ่งที่เราพอจะเดาได้คือมันจะเป็นเครื่องยนต์สำหรับรถคลาสใหญ่ระดับ 750-1400 ซีซี และลูกสูบหน้า-หลังจะกางทำมุม 75.5…
หลังจากการเปิดตัวของ Yamaha NMAX และ Aerox Alpha รุ่นใหม่ล่าสุดไปในปีนี้ พวกเราก็ได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ของค่ายส้อมเสียง ซึ่งถือว่าเป็นลูกเล่นที่ดูน่าสนใจไม่น้อย อย่างระบบชามหน้าไฟฟ้า YECVT ที่ทำการติดตั้งมาให้ในรถตัวท็อปของทั้งสองรุ่น แต่คำถามต่อไปคือเมื่อไรกันที่บิ๊กสกู๊ตเตอร์อย่าง XMAX จะนำระบบที่ว่านี้มาใช้บ้าง? ก่อนอื่นเราต้องขออธิบายกันก่อนว่าระบบชามหน้าไฟฟ้า หรือ YECVT นั้นจะทำงานโดยการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปในส่วนของชามหน้า ซึ่งมอเตอร์ดังกล่าวนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบขับเคลื่อน แต่จะเป็นตัวควบคุมอัตราการเปลี่ยนอัตราทดกำลังของเครื่องยนต์ ที่จะถูกส่งไปสู่ล้อหลัง จากเดิมที่ตัวรถจะมีอัตราเร่งแค่แบบเดียวจากโรงงาน YECVT จะทำให้ผู้ขี่สามารถเลือกรูปแบบการส่งกำลังได้ตามใจมากกว่าเดิม อยากขี่ลากรอบเพื่อเอาอัตราเร่ง หรือขี่แบบนุ่มนวลเพื่อความประหยัดก็ทำได้ เพียงแค่กดปุ่มบนประกับแฮนด์ ซึ่งรถที่ทำการติดตั้งระบบดังกล่าวนั้นก็คือ NMAX TURBO และ Aerox Alpha TURBO ที่เป็นรุ่นท็อปของรถทั้งสอง แน่นอนว่าเหตุผลที่ต้องเป็นรถสองรุ่นนี้ ก็มาจากการที่รถทั้งคู่ใช้เครื่องยนต์ 155 ซีซี ลูกเดียวกัน แถมมีจุดขายเป็นเรื่องความสปอร์ตเหมือนกัน แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่ายังมีรถออโตเมติกอีกรุ่นที่ขายความสปอร์ตเหมือนกัน แถมได้รับความนิยมเหมือนกัน นั่นก็คือ Yamaha XMAX ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะติดตั้ง YECVT ในอนาคตด้วย…