ถึงแม้ว่า MotoGP จะถือเป็นรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งราคาค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุด คนดูเยอะที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นรายการดังกล่าวก็ไม่สามารถเจาะตลาดขนาดใหญ่อย่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้ เพราะต่อให้เทียบกับประเทศแถบยุโรปและเอเชียที่มีรายได้น้อยกว่า ก็ยังมีคนสนใจไม่มากเท่า(ส่วนหนึ่งก็เพราะคนใช้มอเตอร์ไซค์จากฝั่งนั้นมีไม่มาก) แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อเริ่มมีการพิจารณาเพิ่มสนามแข่งในดินแดนอินทรีชุบแป้งทอด MotoGP ก็เห็นถึงโอกาสเติบโตในฝั่งอเมริกา จึงพยายามทุกวิธีที่จะบุกตลาดดังกล่าว แต่ก็ติดปัญหาที่ช่วงหลังมานี้ไม่มีนักแข่งหรือทีมแข่งจากฝั่งอเมริกาอยู่เลย ไม่ต้องพูดถึงค่ายรถจากฝั่งอเมริกาที่ไม่ได้มาแนวสปอร์ตสักค่าย แต่หลังจากการดึงทีมแข่งจาก NASCAR อย่าง Trackhouse มารับหน้าที่แทน RNF สถานการณ์หลายอย่างจึงเหมาะสมกับการไปถึงเป้าหมายมากขึ้น Justin Marks เจ้าของทีมแข่ง Trackhouse ได้ให้ข้อมูลว่า “อเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่ การมีการแข่งมากกว่าหนึ่งสนามจะช่วยได้มาก แค่เราประกาศว่าจะเพิ่มสนามใหม่ก็ถือเป็นการโปรโมทแล้ว ผู้คนถูกดึงดูดในสิ่งที่ไม่เคยเห็น และผมรู้ว่า Dorna กำลังพยายามไปทางนั้น ผมไม่แน่ใจว่าหลังบ้านเขากำลังคุยกันยังไง แต่ตอนนี้ผมมาเพื่อช่วย” “ปัญหาคือสนามในอเมริกาที่สามารถจัดแข่งมอเตอร์ไซค์ได้มันมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ถูกทำขึ้นเพื่อจัดแข่งรถยนต์ แต่มันก็มีบางสนามที่กำลังสร้างอยู่ซึ่งผ่านมาตรฐานของ MotoGP” Marks กล่าว “มันอาจจะไม่ใช่ปีนี้หรือปีถัดไป แต่มันมีสนามที่ถูกวางแผนให้ทำแบบนั้นได้อยู่” ปัจจุบันนี้นอกจากประเทศสเปนที่มีการจัดการแข่งขันมากถึง 4 สนาม(และมีมากถึง 5 สนาม ในคาบสมุทรไอบีเรีย) ก็ไม่มีประเทศไหนที่เป็นเจ้าภาพมากกว่า…
Author: Kristha
Aprilia Roadster 457 รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตโรดสเตอร์ปริศนาคันใหม่จาก Aprilia กำลังวิ่งทดสอบ หลังจากที่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทางค่ายได้ทำการเปิดตัวสปอร์ตแฟริ่งคลาสเริ่มต้นอย่าง RS457 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์และแพรตฟอร์ตใหม่หมดจด แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่คงคาดหวังถึงการตามมาของฝาแฝดร่างฮาร์ฟแฟริ่งอย่าง Tuono 457 ที่เป็นรุ่นถอดเปลือก แต่เรากลับได้เห็นรถไฟกลมรุ่นใหม่ที่ไม่ได้คาดคิดไว้วิ่งทดสอบแทน Aprilia Roadster 457 เป็นแค่ชื่อสมมุติที่เราตั้งขึ้นเพื่อเรียกรถปริศนาที่กำลังวิ่งทดสอบอยู่เท่านั้น(ชมภาพได้ที่นี่) เพราะปกติค่ายรถจากอิตาลีรายนี้ก็ไม่ได้มีไลน์อัพรถแนวคลาสสิกที่ทำตลาดอยู่ประจำ โดยรายละเอียดของรถคันนี้จะเห็นได้ว่ามันยังคงใช้เครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบเรียง 457 ซีซี ที่ให้พละกำลังสูงสุด 47.6 Hp และแรงบิดสูงสุด 43.5 Nm ลูกเดียวที่ใช้อยู่ในรถสปอร์ตแฟริ่งน้องเล็ก แต่ทางด้านของชุดเฟรมและสวิงอาร์มก็เปลี่ยนไปจากของเดิมทั้งหมด ชุดเฟรมแบบอลูมีเนียมถูกแทนที่ด้วยแบบเหล็กท่อ ที่ถึงแม้จะมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ก็ดูจะเข้ากับรถแนวคลาสสิกมากกว่า ต่อมาคือสวิงอาร์มแขนคู่ชุดใหม่ ที่เปลี่ยนจุดยึดโช้คสปริงเดี่ยวด้านหลังจากตรงกึ่งกลาง มาไว้ที่ด้านข้างขวาของตัวรถ แน่นอนว่าช่วยให้รูปลักษณ์ดูคลาสสิกมากกว่าเดิม ประกอบกับไฟหน้าโคมกลม(แน่นอนว่าไม่ใช่ของที่จะใช้กับรุ่นขายจริง) ก็ทำให้เราเชื่อว่าทางค่ายอาจสนใจพัฒนารถแนวย้อนยุคอยู่ ทางด้านของระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบหัวกลับ ระบบเบรกแบบดิสก์จาก Bybre รวมถึงชุดล้อและยางก็ล้วนเป็นของที่ยกมาจาก Aprilia RS457 แต่จากสภาพของรถโดยรวมที่ดูห่างไกลกับคำว่าสมบูรณ์ ทำให้เชื่อว่าเราคงไม่ได้เห็นรถรุ่นดังกล่าวถูกเปิดตัวภายในปี…
Kramer Super Hooligan รถมอเตอร์ไซค์สปอร์เปลือยรุ่นต้นแบบ จากค่ายรถสายสนามสัญชาติออสเตรีย Kramer ที่ก่อนหน้านี้เคยมีผลงานทำรถสปอร์ตสายสนามล้วนรุ่นขายจริงอย่าง GP2-890RR แต่ดูเหมือนว่ากระแสของรายการแข่ง Super Hooligan ในอเมริกาจะเริ่มดัง ทางค่ายจึงสร้างต้นแบบคันใหม่นี้ให้กับ Rok Bagoros นักขับมอเตอร์ไซค์สตั้นท์ชื่อดัง Kramer Super Hooligan นั้นไม่ใช่ชื่อย่างเป็นทางการของรถต้นแบบคันนี้ เพราะทางค่ายไม่ได้ทำการตั้งชื่อจริงจังให้มัน เราจึงต้องเรียกมันตามแนวทางการพัฒนา โดยรถคันนี้จะเป็นการนำเอาพื้นฐานของรถสปอร์ตสายสยาม GP2-890RR มาถอดเปลือกนอกออกไปให้หมด แล้วเปลี่ยนแฮนด์จับโช้คเป็นแฮนด์บาร์ รวมถึงติดตั้งแผ่นแปะหมายเลขเข้าไปที่ด้านหน้าในตำแหน่งไฟหน้า และด้านข้างใต้เบาะคนขับ ตามสไตล์รถแข่งสปอร์ตเปลือยสายสนามอย่าง Super Hooligan เพราะอย่างนั้นเราจึงต้องขออธิบายสเปคบางส่วนของร่วมต้นแบบมีแฟริ่งของมันกันหน่อย เริ่มจากเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยน้ำ 2 สูบเรียง 889 ซีซี รหัส LC8c จากค่ายรถยักษ์ใหญ่ร่วมชาติอย่าง KTM รุ่นเดียวกับที่ใช้อยู่ใน 890 Duke แต่ถูกเอามาจูนใหม่ให้มีพละกำลังสูงสุด 138 Hp ที่ 10,100 รอบ/นาที…
อีกไม่กี่วันก่อนที่สัญญาอย่างเป็นทางการระหว่าง Marc Marquez และ Repsol Honda จะสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ นักแข่งรายนี้ก็ได้ให้ความเห็นสำคัญที่เขามองว่าเป็นปัญหาต่อการสู้เพื่อขึ้นมาอยู่หัวแถวของทีมจากญี่ปุ่น นั่นคือเรื่องของ Top Speed ความเร็วสูงสุดที่เขามองว่าเป็นปัญหามากจนทำให้สู้กับคู่แข่งตัวแรงจากค่ายแดงได้ลำบาก ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์ของ Honda จะไม่ใช่เครื่องยนต์ที่ไม่จุดอ่อนด้านกำลังแบบ Yamaha แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างคือเรื่องของแอโร่ไดนามิค และการที่จะดึงความสามารถของแอโร่ไดนามิคมาใช้ได้ ก็คือการมีเครื่องยนต์ที่แรง เพื่อสู้กับแรงด้านอากาศที่เพิ่มขึ้น “มันยากมากที่จะสู้กับนักแข่งคนอื่นโดยไม่มี Top Speed ในช่วงทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล เราแทบจะไม่ได้ทดสอบปีกแอโร่ไดนามิค กลายเป็นว่าตอนหลังเรามีปีกมากขึ้น ใหญ่ขึ้น แต่ความเร็วสูงสุดเราทำได้น้อยลง(เพราะแรงต้านมากขึ้น)” “แน่นอนว่าถ้าเราอยากใช้งานปีกแอโร่ไดนามิคชุดใหญ่ เราก็ต้องมีพละกำลังมากขึ้น” เขากล่าว “ในฐานะนักแข่งผมพยายามเต็มที่ในสนาม และพยายามเต็มที่ในการให้ข้อมูลทีมช่าง Honda ผมต้องให้คำแนะนำว่าเขาควรพัฒนาไปทางไหนในอนาคต ถึงแม้ว่าผมจะไปอยู่กับ Gresini ในสัปดาห์หน้าแล้ว” “ผมพยายามให้ความเห็นที่ละเอียดที่สุด และวันนี้ผมก็บอกเขาไปว่าถ้าไม่มี Top Speed พวกเขาก็สู้ใครไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เราวิ่งทางตรงยาว ผมจะเสียตำแหน่งเสมอ สถานะการณ์แบบนี้มันยากมากที่จะสู้ พวกเขาต้องทำอีกหลายอย่าง แต่ผมเชื่อว่าสักวันพวกเขาจะทำได้” Marc Marquez…
ผู้จัดการทีมแหละเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทีมแข่ง ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะตัดสินว่าทีมเหล่านั้นจะมีผลงานแบบไหน ไม่ต่างกับนักแข่งหรือวิศวกรทีมช่าง เพราะถือเป็นผู้ที่วางแผนการพัฒนารถ และวางโครงสร้างของทีมให้เป็นรูปเป็นร่าง หลายทีมแข่งระดับล่างก็สามารถขึ้นมาเป็นแชมป์ได้ หากมีผู้จัดการทีมที่มีความสามารถมากพอมาจัดการ ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทาง Ducati ก็กำลังเป็นห่วงว่ามีดีของตัวเองอย่าง Gigi Dall’Igna มีโอกาสถูกซื้อตัวโดยคู่แข่ง ความเห็นนี้เป็นเป็นสิ่งที่ Claudio Domenicali ผู้ที่เป็น CEO ของ Ducati แสดงความเป็นห่วง “พวกเราเข้ากันได้ดี(กับ Gigi) เราหวังว่าเขาจะทำงานกับเราตลอดไป แต่ผมก็ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่สักวันนึง Honda จะสร้างข้อเสนอสุดพิเศษให้กับเขา” Domenicali กล่าว “แต่ถึงอย่างนั้น แม้แต่ Gigi ก็ไม่ได้รู้ความลับที่เป็นสูตรวิเศษสู่ความสำเร็จของ Ducati” “สูตรความสำเร็จของ Ducati ก็เหมือนกับสูตรของ Coca-Cola มันเป็นสิ่งที่แต่ละคนในบริษัทจะรู้แค่บางส่วนของสูตรนั้น แต่จะไม่มีใครรู้ทุกอย่างของสูตรที่ว่า” ทางด้านความเห็นของ Gigi Dall’Igna ก็ดูเหมือนว่าเขาไม่มีแนวโน้มที่จะย้ายงานเร็ว ๆ นี้ด้วยเช่นกัน “ผมสบายดีกับ Ducati ผมทำงานหนักมากเพื่อให้ทีมขึ้นมาอยู่จุดนี้ จุดที่สามารถเป็นต้นแบบให้ทีมอื่นได้…
2024 Yamaha Nmax 155 รถมอเตอร์ไซค์พรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ตัวเริ่มรุ่นใหม่จาก Yamaha คู่แข่งโดยตรงของรถยอดนิยมอย่าง Honda PCX160 ที่หลายฝ่ายรอคอยให้ทำการเปิดตัวมานาน และยังมีข่าวลือหลุดมาให้เราได้ยินกันตั้งแต่ปีที่แล้ว(แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน) ในที่สุดก็ได้เวลาของข้อมูลแบบหนักแน่นแจ่มชัดกันสักที เมื่อมีภาพของรถรุ่นดังกล่าวกำลังวิ่งทดสอบอยู่ในถนนสาธารณะของประเทศอินโดนีเซีย 2024 Yamaha Nmax 155 นั้นโผล่วิ่งทดสอบจนถูกประชาชนตาดีจับสังเกตุได้(ชมภาพได้ที่นี่) ซึ่งถ้าจะให้บอกตามตรง ภาพนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้รายละเอียดและความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของตัวรถเท่าไรนัก เพราะเห็นแค่ภาพถ่ายจากด้านหลัง แต่สิ่งที่เรายืนยันได้คือทางค่ายจะทำการปรับเปลี่ยนงานออกแบบของตัวรถพอสมควร เพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้กับตัวรถ หลังจากที่คู่แข่งปรับโฉมตัดหน้าไปหลายรอบ แต่ก็ถือว่าไม่ได้พลิกโฉมงานดีไซน์อะไร เนื่องจากตลาดนอกประเทศไทยของรถรุ่นนี้ได้รับการตอบรับในระดับที่เทียบเท่า หรือดีกว่าคู่แข่งปีกนกอยู่แล้ว รายละเอียดด้านเครื่องยนต์ก็คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้อมูลรหัสเครื่องยนต์ลูกใหม่หลุดออกมา จากเดิมที่ใช้รหัส B6H เปลี่ยนเป็นรหัส BL ซึ่งจะมีการแบ่งรุ่นย่อยของเครื่องยนต์ออกเป็น 2 รุ่น ตรงนี้สื่อต่างประเทศคาดเดาว่าจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ปกติ และรุ่นเครื่องยนต์แบบที่พ่วงระบบไฮบริด คล้ายกับระบบเดียวกับที่ใช้อยู่ในรถร่วมค่ายอย่าง Yamaha Grand Filano Hybrid ถึงแม้ว่าระบบไฮบริดที่ว่านี้จะไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในการใช้งานมากนัก แต่ข้อดีของการยกระบบไฮบริดจากรถร่วมค่ายมาใช้ คือเรื่องที่เป็นระบบที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้ ไม่ใช่ระบบอะไรที่ซับซ้อนจนผู้ใช้ต้องมาห่วงเรื่องอายุการใช้งานแบบของฝั่งคู่แข่ง สิ่งเดียวที่เราต้องรอติดตามในตอนนี้คือ “เมื่อไร” ที่รถรุ่นดังกล่าวจะทำการเปิดตัว…
เรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีในการแข่งขัน MotoGP ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนยกมาถกเถียงกัน เพราะฝั่งหนึ่งก็อยากเห็นเทคโนโลยีสุดล้ำ อีกฝั่งก็อยากเห็นการต่อสู้ชิงแชมป์ของนักแข่งด้วยกำลังของตัวเอง แน่นอนว่าคนในวงการหลายคนก็มีความเห็นแตกต่างกันออกไป Casey Stoner อดีตแชมป์โลกยาวออสซี่ก์ถือเป็นอีกคน ที่ออกตัวชัดเจนว่าไม่ชอบรถแข่งที่ซับซ้อนแบบปัจจุบัน Casey Stoner ให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่า “ตอนนี้วิศวกรเป็นคนคุมทุกอย่าง เราให้วิศวกรสร้างฝันในแบบของเขา แต่ไม่ต้องให้เขาควบคุมการแข่ง มันมีหลายประเด็นที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ เรื่องนี้คือเหตุผลนึงที่ทำให้ผลเลิกแข่ง ทิศทางนี้ของการแข่งขันทำให้ผมไม่มีความสุข” “การขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้นเป็นศิลปะอย่างนึง ตอนนี้นักแข่งไม่ได้ควบคุมรถเยอะเท่าเมื่อก่อน ตอนนี้เราสามารถบิดคันเร่งเต็มข้อบนรถที่มีแรง 280 แรงม้า โดยที่ล้อไม่ยกหรือไม่หลุดจากโค้ง แถมตอนนี้ยังมีตัวย่อโช้คที่ลดอาการล้อยกได้อีก ตอนนี้ตัวแปลมันอยู่แค่ที่การเบรกไปเสียหมด อุบัติเหตุส่วนใหญ่ในตอนนี้เกิดจากการที่นักแข่งทุ่มความเสี่ยงไปกับเรื่องเบรก แทนที่จะเป็นการรักษาสมดุลให้รอบด้าน” “ตอนนี้สิ่งที่ควบคุมการแข่งคือระบบอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ย่อความสูง ปีกวิงเล็ท เราควรถอดของพวกนี้ให้หมด” Stoner กล่าว “ให้เรื่องพวกนี้อยู่ในมือของนักแข่ง ให้เขาปัด ให้เขาเลื้อย ให้เขาได้มีความผผิดพลาด นั่นคือสิ่งที่ผมอยากเห็น เพราะตอนนี้แต่ละคนแทบไม่มีความแตกต่าง(ด้านการขับขี่)” “F1 เคยมีโช้คไฟฟ้าซึ่งตอนนี้ถูเอาออกแล้ว มันมีค่าเท่าอุปกรณ์ย่อความสูงของฝั่ง MotoGP แปลว่าเรามีตัวช่วยเยอะกว่า F1 อีก เราจะมีของเยอะขนาดนั้นไปทำไม? เราไม่ต้องการการชิงแชมป์โลกของวิศวกร…
Tacita Discanto รถมอเตอร์ไซค์ Adventure Rally พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หน้าตาประหลาด จากค่ายรถน้องใหม่จากอิตาลีที่หลายคนคงไม่รู้จักอย่าง Tacita ได้ทำการเปิดตัวรถต้นแบบคันใหม่เพื่อเตรียมใช้ในการแข่งขันลุยโหด ข้ามทะเลทรายยาวนับพันกิโลเมตร Dakar Rally ซึ่งในปี 2020 ค่ายรถรายนี้ก็เปิดตัวด้วยการเป็นค่ายรถรายแรกที่ลงแข่งด้วยมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า Tacita Discanto นั้นเป็นมอเตอร์ไซค์ต้นแบบสายลุยสำหรับการแข่งขันเต็มตัว มีรูปลักษณ์โดยรวมเหมือนกับรถแนว Rally ที่มีรูปทรงประหลาด โดยเฉพาะส่วนหัวที่ใหญ่โตผิดปกติ ต่างกับรถแข่งแนวเดียวกันที่มักจะแค่เพิ่มแฟริ่งทรงตั้งเข้าไปที่ด้านหน้ารถเท่านั้น จนเหมือนกับว่ารถรุ่นนี้จะทำการรวมชิลด์บังลมด้านหน้าเข้าไว้เป็นชิ้นเดียวกับบังโคลนจงอยปากนกตามปกติ ส่วนระบบกันสะเทือนที่มีความสูงมากจนโย่ง และชุดล้อซี่ลวดขนาด 21 นิ้ว ก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับรถแนวนี้ ทางด้านสเปคของตัวแข่งนั้นก็ไม่มีการเปิดเผยอะไรออกมา(ตามปกติของรถแข่ง) แต่มีข้อมูลเปิดให้เรารู้ถึงความน่าสนใจทางด้านวิศวกรรมภายใน ยกตัวอย่างเช่นมอเตอร์ไฟฟ้านั้นจะมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ สำหรับการใช้งานแบบต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีชุดเกียร์ 5 จังหวะ ที่มีไว้สำหรับการตัดต่อพละกำลังเพื่อความประหยัดพลังงาน View this post on Instagram A post shared by Tacita Electric Motorcycles (@tacita.official)…
Royal Enfield Goan Classic 350 ชื่อปริศนาของรถมอเตอร์ไซค์คลาสสิก ตัวเริ่มต้นรุ่นใหม่อีกคันจาก Royal Enfield ที่ดูจากแนวทางการทำตลอดของค่ายแล้ว ก็เหมือนว่าจะพยายามแตกรุ่นย่อยใหม่ของรถในแต่ละคลาสของตัวเองอย่างน้อยปีละหนึ่งรุ่น เพื่อครอบคลุมตลาดของรถแนวย้อนยุคให้ครบทุกรูปแบบมากที่สุด ชนิคที่ว่าคู่แข่งรถไฟกลมจากอินเดียที่ว่าเดือดก็ยังสู้ได้ยาก Royal Enfield Goan Classic 350 นั้นเป็นชื่อที่โผล่ขึ้นมาในเอกสารการจดเครื่องหมายการค้าในประเทศอินเดีย ถึงแม้ว่าข้อมูลของรถรุ่นดังกล่าวในตอนนี้จะยังมีอยู่จำกัด แต่ในช่วงนี้ทางค่ายก็กำลังทดสอบรถแนวบ็อบเบอร์รุ่นเล็ก(ชมภาพที่นี่) ที่เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากร่างต้นอย่าง Classic 350 ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ชื่อรถใหม่ที่ว่านี้ จะถูกนำไปจับคู่กับรถที่กำลังทดสอบอยู่ แนวทางโดยรวมของตัวรถจะในแบบ Bobber คือเพิ่มความสปอร์ตของรถโดยรวมให้มากขึ้น ตัดชิ้นส่วนรอบคันให้มีความกระชับมากกว่าเดิม บังโคลนหลังย้ายไปติดตั้งที่สวิงอาร์มและขนานกับแนวโค้งของล้อหลัง พักเท้าอยู่กึ่งกลางแบบเดียวกับ Classic 350 ไม่ได้ยื่นไปด้านหน้าหรือหลังมากเกินไป ส่วนที่ต่างไปจากรถแนวบ็อบเบอร์ทั่วไปคือตำแหน่งของแฮนด์บาร์ที่ค่อนข้างสูง Royal Enfield Goan Classic 350 นั้นจะยังคงใช้พื้นฐานของชุดเฟรมและเครื่องยนต์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ 1 สูบ 349 ซีซี ลูกเดียวกับที่แชร์กันในพี่น้องรุ่นอื่น เช่นเดียวกับอุปกรณ์รอบคันอย่างระบบกันสะเทือนหรือระบบเบรก ที่ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับคนใช้รถแนวนี้ในคลาสเริ่มต้น…
เป็นเรื่องปกติที่รถแข่ง ไม่ว่าจะในรายการสองล้อหรือสี่ล้อ ไม่ว่าจะในรายการระดับประเทศหรือระดับโลก การติดโลโก้ของผู้สนับสนุนทีมแข่งบนตัวรถนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน และเป็นเอกลักษณ์ของการเป็นรถแข่งไปแล้ว เพราะนอกจากจะเป็นการใช้ตัวรถแข่งแทนป้ายโฆษณา ซึ่งทีมแข่งจะได้เงินค่าโฆษณาไปแล้ว บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับยานยนต์ก็มักจะได้ภาพลักษณ์ทางบวกไปด้วย เพราะทำให้คนดูรู้สึกว่าแม้แต่รถแข่งระดับโลกก็ยังใช้สินค้าจากบริษัทเหล่านั้น จนกระทั่งเรื่องไม่เป็นแบบนั้น หากเราอ้างอิงจากข้อมูลของคนวงใน MotoGP ที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตน โดยเขาได้ให้ข้อมูลว่าบางครั้ง(หรือหลายครั้ง) รถแข่งก็ไม่ได้ใช้สินค้าที่เป็นผู้สนับสนุนตัวเอง “ทีมแข่งไม่ได้ใช้น้ำมันเครื่องแบรนด์เดียวกับผู้สนับสนุนทุกครั้ง บางทีโลโก้ข้างตัวรถก็ไปอยู่บนนั้นเพราะพวกเขาจ่ายเงิน มันเป็นแค่เรื่องของการตลาดให้คนคิดแบบนั้น” “ขณะเดียวกัน ทีมแข่งก็มีอิสระในการเลือกน้ำมันเครื่องที่ตัวเองต้องการ เพราะน้ำมันเครื่องนั้นเป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสมรรถนะ ทีมเลยมักเลือกของที่ตัวเองต้องการเป็นหลัก” เขากล่าว “ไม่ใช่ทุกครั้งที่ทีมแข่งจะทำแบบนั้น บางทีมก็เลือกใช้น้ำมันเครื่องตามแบรนด์ผู้สนับสนุนของตัวเอง เรื่องนี้มันเป็นแค่ธุรกิจ” ซึ่งกรณีของน้ำมันเครื่องก็จะต่างไปจากอุปกรณ์ของผู้สนับสนุนจากบริษัทสินค้าประเภทอื่น เพราะน้ำมันเครื่องเป็นส่วนประกอบที่ใช้งานภายในเครื่องยนต์ ซึ่งคนดูไม่มีโอกาสได้เห็น และต่อให้ได้เห็นตัวน้ำมันเครื่องเอง(แบบไม่มีบรรจุภัณฑ์) ก็ไม่มีทางแยกออกอยู่แล้วว่ามาจากบริษัทไหน ต่างกับของแต่งอย่างสายถักเบรกหรือโซ่และน็อต ที่คนดูสามารถมองเห็นได้ขอแค่มีภาพถ่ายชัด ๆ ที่มา iwanbanaran อ่านข่าวสาร MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่