ถึงตอนนี้ ทุกคนที่ติดตามการแข่งขัน MotoGP รวมถึงรายการรุ่นน้องอย่าง Moto2 น่าจะทราบกันมาบ้างแล้ว ว่ารถแข่งในคลาสกลางนั้นจะมาพร้อมเครื่องยนต์แบบ 3 สูบเรียง ปริมาตรกระบอกสูบ 765 ซีซี ที่ยกมาจากรถชีเปลือยสไตล์สปอร์ตอย่าง Triumph Street Triple 765 แต่รู้หรือไม่ว่าสุดยอดตัวแข่งสายสนามเหล่านั้น ใช้เกียร์ของรถถนนมาโดยตลอด?
อันที่จริงถ้าจะบอกว่ารถแข่งเหล่านั้นใช้เกียร์ถนนสำหรับทั้งหมดก็คงไม่ถูก เพราะรถแข่ง Moto2 นั้นได้ทำการปรับใช้เกียร์โยงแบบกลับทิศทางการตบเกียร์ ตามสูตรรถสำหรับใช้งานในสนามตามปกติมานานแล้ว ถ้ารถถนนทั่วไปนั้นมีลำดับการตบเกียร์เป็น 1 N 2 3 4 5 6 โดยต้องตบลงหนึ่งทีเพื่อเข้าเกียร์ 1 แล้วค่อยงัดคันเกียร์ขึ้นเพื่อเข้าเกียร์ที่สูงขึ้น
ตัวแข่ง Moto2 ก็จะมาพร้อมลำดับเกียร์แบบ 6 5 4 3 2 N 1 โดยผู้ขี่จะต้องงัดคันเกียร์ขึ้นหนึ่งครั้งเพื่อเข้าเกียร์ 1 แล้วหลังจากนั้นจึงตบเกียร์ลงเพื่อเข้าเกียร์ถัดไป ซึ่งนี่ก็เป็นรูปแบบการเข้าเกียร์ที่นักขี่สายสนามคุ้นเคยกันดี เพราะการเพิ่มเกียร์โดยการตบเท้าลงไป นั้นสะดวกในการแข่งขันมากกว่า
แต่ถึงเราจะเปลี่ยนทิศทางการเปลี่ยนเกียร์ ผ่านเกียร์โยงที่อยู่ด้านนอกเครื่องยนต์ให้เหมาะกับสนามแข่งแล้ว ชุดเกียร์ที่อยู่ภายในเครื่องยนต์นั้น กลับแทบไม่ต่างจากรถที่จำหน่ายสำหรับใช้งานท้องถนนเลย ซึ่งการมี เกียร์ว่าง หรือ N ตั้งอยู่ระหว่างเกียร์ 1 และ 2 นั้นก็เป็นปัญหากวนใจนักแข่งพอสมควร เพราะบางครั้งพวกเขาก็เผลือเข้าเกียร์ว่างในช่วงเวลาสำคัญ
ในฤดูกาลนี้เอง Triumph จึงได้ออกแบบชุดเกียร์ใหม่เป็น 6 5 4 3 2 1 N หรือก็คือการย้ายเกียร์ N มาอยู่ก่อนเกียร์ 1 ทำให้นักแข่งสามารถตบเท้าเพื่อเพิ่มเกียร์ได้แบบไร้กังวล และหลายคนก็น่าจะสงสัยกันแล้วว่าถ้านักแข่งงัดเกียร์ หรือลดเกียร์มันไปหน่อย สุดท้ายก็จะไปโดนเกียร์ว่างอยู่ดีไม่ใช่หรอ?
ทางผู้ผลิตเครื่องยนต์ก็ได้ทำการติดตั้ง ระบบล็อคเกียร์ว่าง ซึ่งเป็นระบบแบบเดียวกับที่ใช้ในรถแข่งขนานแท้อย่าง MotoGP เข้าไป โดยระบบนี้จะทำให้นักแข่งไม่สามารถเข้าเกียร์ว่างได้ถ้าไม่ตั้งใจ ต่อให้งัดเกียร์ขึ้นมากแค่ไหน แรงแค่ไหน รถก็จะไม่เข้าเกียร์ว่างให้เรา จนกว่าเราจะกดสวิทช์ควบคุมเพื่อบอกกับรถว่าเราจะเข้าเกียร์ว่าง
ซึ่งหลังจากที่เราได้คุยกับคนของทาง Triumph ที่สนามช้าง พวกเขาก็ได้บอกกับเราว่าระบบที่ว่านี้ติดตั้งอยู่ในชุดเกียร์ แต่รถแข่งแต่ละคันนั้นจะมีสวิทช์ควบคุมรูปแบบไหน และติดตั้งอยู่ตรงไหนก็ได้ ขึ้นอยู่กับความถนัดของนักแข่งและทีมช่างที่จะตัดแปลง ไม่ต่างจากก้านเบรกหลัง ที่นักแข่งบางคนก็เอามาติดตั้งไว้ที่มือ
อ่านข่าวสารมอเตอร์สปอร์ต เพิ่มเติมได้ที่นี่
