แม้ว่าจะเป็นเจ้าบ้านจัดการแข่งขัน MotoGP (และ WorldGP) มาเนิ่นนานนับ 50 ปี แต่ดูเหมือนว่าในปี 2020 ที่จะถึงนี้ อาจจะเป็นปีสุดท้ายแล้วที่ทางสนาม เบอร์โน่ ที่ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐเช็ค จะไม่ได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันมอเตอร์ไซค์อันดับหนึ่งของโลกดังกล่าวอีกต่อไป หลังภาครัฐมีมติจะสนับสนุนเงินทุนในการต่อสัญญาฉบับใหม่ลดลงจากเดิมไปถึง 1 ใน 3 จากสัญญาฉบับปััจจุบัน
โดยสำหรับมูลค่าสัญญาค่าลิขสิทธิ์ MotoGP ของสนามเบอร์โน่ กับทาง Dorna นั้นไม่มีการระบุเลขที่ชัดเจนเอาไว้ แต่หากพูดถึงตัวเลขเม็ดเงินที่รัฐบาลสาธารณรัฐเช็คได้ให้กับทางสนามไว้เพื่อเป็นสนับสนุนทำสัญญาฉบับใหม่ (2021-2023) ก็จะอยู่ที่ 39,000,000 โครูนา หรือราวๆ 54 ล้านบาทไทย ซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 เท่านั้นจากเม็ดเงินที่ภาครัฐเคยใช้สนับสนุนสัญญา MotoGP ฉบับปัจจุบัน (2018-2020) คือ 65,000,000 โครูนา หรือราวๆ 90 ล้านบาทไทย
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ทางบอร์ดบริหารสนามเบอร์โน่ เกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เนื่องจากด้วยเม็ดเงินการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ลดต่ำลง จึงทำให้พวกเขาอาจมีเงินไม่พอที่จะต่อสัญญา MotoGP ฉบับใหม่กับทาง Dorna หากไม่สามารถหาสปอน์เซอร์จากภาคเอกชนรายอื่นๆมาช่วยหักล้างเม็ดเงินสนับสนุนที่หายไปได้ทัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ Karel Abraham นักบิด MotoGP สังกัดทีม Ducati Reale Avintia Racing ผู้ซึ่งเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของสนามเบอร์โน่ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อดัง Motorsport.com เอาไว้ว่า
“มันคือความจริงที่ศึก MotoGP 2020 อาจจะเป็นการจัดครั้งสุดท้ายในเบอร์โน่”, “มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ซับซ้อนมากสำหรับการยื้อให้ MotoGP ยังอยู่กับเบอร์โน่”, “หนึ่งในประเด็นสำคัญก็คือการให้ความร่วมมือจากรัฐบาล, แม้ว่าเกือบทุกภาคส่วนจะให้ความร่วมมือก็ตาม แต่ถ้ารัฐบาลของเราดูเหมือนจะมีประเด็นอะไรบางอย่าง มันก็ย่อมจะเป็นปัญหาหลัก”
“พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือเรามากเท่าที่เราต้องการ, พวกเขามา แล้วบอกว่าจะให้เราได้แค่ 2 ใน 3 จากเดิม, แต่คือเราต้องการมากกว่าเพื่อมัน (MotoGP), เพื่อการสนับสนุนทางการเงินในอนาคตที่เราไม่รู้(ว่าจะเป็นยังไง)”
“มันน่าเศร้ามาก แต่มันก็ไม่แฟร์ เพราะถ้าคุณมองมันดีๆ ทั้งบริษัทเล็กๆ, โรงแรม, ภาคธุรกิจ ล้วนได้รับเงินจำนวนมากจากมัน, ภาครัฐเองก็ได้ภาษีจากตรงนั้นไปตั้งเยอะ”
“และถ้าพวกเขาช่วยลดค่าธรรมเนียมให้ (หมายถึงช่วยซัพพอร์ทค่าลิขสิทธ์ MotoGP) พวกเขาก็จะยิ่งได้เงินเพิ่มขึ้นอีก, ทุกคนจะได้อีกมาก, แต่ถ้าสนามต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเอง จริงอยู่ว่าทุกคนจะได้เงินเยอะเท่าเดิม แต่สนามนี่แหล่ะที่จะสูญเงิน ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผลเลย”
…. พอกลับมามองสถานการณ์ของสนามช้างฯในตอนนี้ ทาง MotoRival เองคิดว่าคงไม่ต่างจากที่ Brno กำลังเผชิญเท่าไหรนักเช่นกันล่ะมั้งครับ (ฮ่าๆ)
อ่านข่าว MotoGP เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ