หลังจากที่ A.P.Honda ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในโลก เมื่อช่วงปีที่ผ่านกับ Honda CB150R ExMotion ซึ่งถือได้ว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ในการยกระดับออปชั่นรถพิกัด 150cc เทียบเท่ารถ Supersport ทำให้ CB150R ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
เลยมาในช่วงปลายปีที่แล้ว Honda ได้เผยโฉม 2018 CB300R ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน EICMA2017 หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา A.P.Honda ได้ประเดิมเปิดศักราชใหม่ ด้วยการเปิดตัว 2018 Honda CB300R ในประเทศไทย ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ CB150R และเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสมรรถนะในด้านของพละกำลังที่เพิ่มขึ้น
และในวันนี้ทีมงาน MotoRival เราได้มีโอกาสมาสัมผัสเจ้า Neo Sports Cafe คันนี้กันเสียที เราจึงขอพาทุกท่านมาพบกับ รีวิว 2018 Honda CB300R กันเลยดีกว่าครับ
สำหรับ CB300R มากับคอนเซ็ปต์ Neo Sports Café ถือเป็นการสะท้อนภาพ Japan Crafted
สังเกตได้จากทรวดทรงถังน้ำมัน CB300R จะมีเส้นสายที่แหลมคม มอบความเป็นสปอร์ต มากกว่า ตัว CB150R ที่เน้นความโค้งมนสไตล์ Modern
รวมไปถึงตัวครีบด้านข้างแฟริ่งที่มีขนาดใหญ่ยาวขึ้น และดีไซน์แหลมคมกว่า ซึ่งปกคลุมแผงหม้อน้ำที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
ปลายท่อออกข้างขนาดใหญ่ ภายในดีไซน์ไอเสียแบบ 2 ห้อง ดูทรงพลัง และให้เสียง
เบาะนั่งหลังขนาดใหญ่และแบน ทำให้ผู้ซ้อนนั่งได้สบาย
แฮนด์บาร์อลูมีนัม เส้นผ่านศูนย์กลาง 28.6 มม. เบา และแข็งแรง
ขณะที่คุณสมบัติเด่นยังมาครบทั้ง
และไฟท้าย LED
มาตรวัด Full Digital แบบ Multifunction มีออปชั่นครบ ทั้ง
ไฟ Shift Light
นาฬิกาจับเวลาการ
บอกอัตราสิ้นเปลืองทั้ง AVG/Realtime
โช้กหน้า UpSideDown ขนาดแกน 41 มม.ได้ปรับเปลี่ยนกระบอกโช้กจากทองมาเป็นสีเงิน
ปั๊มเบรกหน้า Radial Mount คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ พร้อมระบบ ABS G-Sensor
ขณะที่ล้อและยาง ยังคงให้สเป็กรถใหญ่ โดยยางหลังกว้าง 150 มม.
สำหรับ นน.ตัวนั้น CB300R มีน้ำหนัก Net Weight ที่ 143 กก. หนักกว่า CB150R อยู่ 18 กก.
ถังน้ำมันจุ 10 ลิตร จุกว่า CB150R 1.5 ลิตร
ความสูงเบาะอยู่ที่ 799 มม. สูงกว่า CB150R อยู่ 4 มม.
ท่านั่งขี่ ผู้เขียนส่วนสูง 174 ซม. สวมรองเท้าผ้าใบ ลองนั่งคร่อมรถดูแล้วพบว่า ขาหย่อนได้อยู่เล็กน้อย
ถือว่า CB300R เป็นรถกลุ่ม Naked Sport ที่เบาะค่อนข้างสูงทีเดียว มันสูงกว่าเพื่อนๆ รถญี่ปุ่นคันอื่นๆ หรือ แม้แต่รถจากฝั่งเยอรมันนีด้วย
ด้านองศาแฮนด์การควบคุมที่ค่อนข้างต่ำ ตัวแฮนด์กางยาวและงุ้มเข้าหาลำตัวเล็กน้อย ขี่หย่อนมือได้สบายๆ กำลังพอดี ไม่เหยียดตึง หรือ หย่อนข้อศอกเกินไปจนเมื่อย
ตำแหน่งเบาะผู้ซ้อน ดีไซน์เรียบแบน นั่งได้สบายกว่าที่คิด แต่อาจต้องงอหัวเข่ามากหน่อย ตามแบบรถสปอร์ตพักเท้าสูง
ขุมพลังเครื่องยนต์สูบเดี่ยว 286cc DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบล็อกอเนกประสงค์ของ Honda 300 Series รุ่นอื่นๆ
ใน CB300R คันนี้ มีการปรับเซ็ท ในส่วนของอัตราทดเกียร์ ใหม่ ซึ่งขี่แล้วรู้สึกแตกต่างจาก Rebel 300 ที่ได้ทดสอบไปก่อนหน้า
อัตราเร่งดูจัดจ้านขึ้นกว่าเดิม ขี่สนุกกับการใช้งานในเมือง ออกตัวไฟเขียวเรียกได้ว่าไม่แพ้ใคร
เปิดคันเร่งออกตัวที่เกียร์ 1 ไปไม่นาน Shift Light กระพริบเตือนตั้งแต่รอบ 7,500rpm ยังสามารถลากต่อไปจนเข้า Redline ได้ถึง 10,500rpm
ขณะที่อัตราเร่งย่านกลางก็ยังถือว่าแรงดีแบบต่อเนื่อง ไปจนถึงความเร็วในการเดินทางที่ระดับกว่า 120 กม./ชม. ความเร็วยังคงขึ้นเรื่อยๆ สามารถใช้เร่งได้
แต่เมื่อตัวเลขใกล้แตะ 150 กม./ชม. ความเร็วเริ่มไต่ขึ้นช้าลง รวมถึงรอบเครื่องยนต์ที่มีให้ใช้ใกล้จะหมดแล้วเช่นกัน
ด้านอัตราสิ้นเปลือง การใช้งานในเมือง และนอกเมืิองผู้เขียนได้ค่าเฉลี่ยที่ 29.3 กม./ลิตร
ระบบกันสะเทือน โช้กหน้า UpSideDown ขนาดแกน 41 มม. จาก Showa ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ Honda X-ADV
โช้กหลัง Monoshock ปรับได้ 7 ระดับ รองรับการขี่ทั้ง Urban, Touring หรือ แม้กระทั่งสปอร์ต
การซับแรงสะเทือนถึือว่าดีเยี่ยม จากกระบอกโช้กหน้าขนาดใหญ่ การขี่ที่ความเร็วสูง หน้าไม่ดเบาเกินไปแม้จะเป็นรถ Naked Bike
รวมถึงจังหวะเบรกหนัก โช้กหน้ามีการยุบตัวและคืนตัวอย่างเหมาะสม ไม่ย้วยจนคอนโทรลรถลำบาก
ขณะที่ยางด้านหลังกว้าง 150 มม. ช่วยให้การเข้าโค้งควบคุมรถในวงเลี้ยวมั่นใจได้จากพื้นที่หน้ายาง ซึ่งเนื้อยางของ Dunlop Sportmax ถือว่ามีการยึดเกาะดีในระดับหนึ่ง กับการใช้งานแบบรถ Streetbike
ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์เดี่ยวขนาดจาน 296 มม. ปั๊มเบรก Nissin Radial Mount คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบ สเป็กแบบที่ใช้ใน X-ADV
เบรกหลังขนาดจาน 220 มม. คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ จาก Nissin เช่นกัน
ยังมาพร้อมระบบ ABS G-Sensor ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีระดับรถ Superbike ข้ามาช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้ายปัด ท้ายยก โดยอาศัยการปรับควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกให้เหมาะสม
ระบบเบรกนั้น ฟีลลิ่งการตอบสนองเหมือนกับ CB150R ที่ผู้ขี่ได้เคยสัมผัส ซึ่งพบว่าในโมเดลที่ไม่มี ABS จะตอบสนองมือได้ดีกว่า (CB300R นี้มีเฉพาะโมเดลที่มาพร้อม ABS เท่านั้น)
สรุป รีวิว 2018 Honda CB300R ในครั้งนี้ เราถือว่ามันเป็นรถในกลุ่ม Sport Naked ที่ตอบสนองการขี่แบบ Fun to Ride มาในสไตล์ Neo Sports Café ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ขี่ได้อย่างมีระดับ
ในด้านของสมรรถนะการนั้นได้รับการการันตีดีเยี่ยมจาก CB150R ทั้งในเรื่องของระบบกันสะเทือน และ เบรก
แต่เพิ่มทางเลือกของสมรรถนะที่แรงขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานที่ครอบคลุมในการเดินทาง โดยมีราคาแพงกว่า CB150R ABS อีก 4 หมื่นบาท
สำหรับ 2018 Honda CB300R ใหม่ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ แดง Candy Chromosphere, เทาด้าน Mat Axis Gray Metallic และ เงินด้าน Mat Cryton Silver Metallic
มีราคาแนะนำที่ 149,800 บาท
ขอขอบคุณ A.P.Honda สำหรับรถทดสอบ 2018 Honda CB300R คันนี้
ขอบคุณ Treat Café & Hangout แจ้งวัฒนะ สำหรับสถานที่ถ่ายทำ
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver + Photo
สุภิญญา ชำนาญกุล VDO
อำพล มูลทองสุข Photo
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว Honda CB150R เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ