เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ ต่อมาวันศุกร์เราก็ได้รับเชิญจาก A.P. Honda ให้เข้าร่วมทดสอบเจ้า 2019 Honda CBR150R สปอร์ตไบค์พิกัดเริ่มต้นที่ต้องใช้เวลากว่า 8 ปี ถึงจะปรับโฉมทันที และในวันนี้เราก็ไม่รอช้า ขอมาบอกเล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้สัมผัสเจ้านี่แบบ 1st Impression กับ รีวิว 2019 Honda CBR150R แบบสัมผัสแรกกันเลยดีกว่าครับ
โดยในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก ที่ต้องบอกตามตรงว่าในการปรับโฉมเจ้า CBR150R ใหม่ในรอบ 8 ปีครั้งนี้ ในที่สุดทาง A.P.Honda ก็็ได้ทำการปรับโฉมมันแบบ All-New ทั้งคันจริงๆเสียที ชนิดที่ไม่เหลือเค้าเดิมไว้เลย ซึ่งหากพูดถึงหน้าตาในภาพรวมของมัน จะเห็นได้ว่ามันมีความโฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่หัวจรดท้าย แต่ในบทความนี้เราจะไม่ไปเอ่ยถึงตรงนั้น เพราะเราได้เคยไล่ให้เพื่อนๆชมไปแล้วตอนเปิดตัวครั้งแรก และเพื่อนๆสามารถคลิกอ่านได้ที่นี่
โดยในบทความ 1st Impression Review ครั้งนี้ เราจึงขอเล่าถึงฟีลลิ่งเป็นหลัก และเราจะขอเริ่มจากเครื่องยนต์บล็อคใหม่ของมัน ที่หากเทียบกับ CBR150R โฉมเก่า เราก็สามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่า มันคือบล็อคใหม่หมดจด ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยสักนิด ทว่าอันที่จริงแล้วเครื่องยนต์บล็อคใหม่ใน 2019 CBR150R ที่ว่านี้ ก็คือบล็อคเดียวกับที่ประจำการอยู่ใน CB150R คู่แฝดร่างแน็คเก็ทของมัน
ดังนั้น “ลักษณะของเครื่องยนต์”ใน 2019 CBR150R นี้ ก็จะถือว่ามีการเปลี่ยนไปแปลงไปโดยสิ้นเชิง จากตอนแรก (ในโฉมเก่า) เครื่องยนต์สูบเดียว 150cc ของมันจะเป็นแบบ “ลูกโต x ชักสั้น” เป็นแบบ “ลูกเล็ก x ชักยาว” แทน (อ่านรายละเอียดเครื่องยนต์รวมถึงข้อมูลทางเทคนิคที่เปลี่ยนไปได้ที่นี่)
ซึ่งผลที่ได้ก็คือ อัตราเร่งในช่วงรอบต่ำตั้งแต่ออกตัวจนถึง ราวๆ 8,000 รอบ/นาที ตัวเครื่องยนต์สามารถตอบสนองและผลักดันตัวรถให้ทะยานออกไปข้างหน้าได้ดีมากๆ เพราะมีแรงบิดสูงสุดให้เรียกใช้ถึง 13.7 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 7,000 รอบ/นาที แต่ในขณะเดียวกัน กลับกลายเป็นว่าในช่วงรอบปลาย (ช่วงเกือบๆ 9,000 รอบ จนถึงเรดไลน์ที่ 10,500 รอบ/นาที) ตัวเครื่องยนต์ไม่สามารถไต่ความเร็วขึ้นไปได้กระฉับกระเฉงเท่าไหร่นัก โดยตัวผู้ทดสอบเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าเป็นเพราะตัวเครื่องยนต์ที่ม้าน้อยลง 1 ตัวตามประสาเครื่องชักยาว หรือเพราะตัวผู้ทดสอบหนักเกินไปกันแน่ (ตัวผู้ทดสอบหนัก 90 กิโลกรัม)
ด้าน“ท่านั่งรวมถึงการควบคุมตัวรถ” ที่ในสัมผัสแรกตอนผู้ทดสอบได้ลองนั่งคร่อมดูนั้น พบว่าตัวรถมีความเพรียวบางกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในส่วนของความกว้างตัวเบาะเอง รวมถึงถังน้ำมันที่มีการบีบทรงตรงหว่างขาให้แคบลง ส่วนปลายเท้าทั้งสองข้างก็สามารถแตะพื้นได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะเบาะสูงแค่เพียง 787 มิลลิเมตรเท่านั้น
ส่วนตัวแฮนด์บาร์ แม้ทาง A.P. Honda จะบอกว่าพวกเขาได้ให้วิศวกรปรับตำแหน่งความสูง องศา และระยะแฮนด์ใหม่ เพื่อให้ท่านั่งโดยรวมของผู้ขี่มีท่วงท่าตอนควบคุมในแบบสปอร์ตไบค์มากขึ้น แต่ส่วนตัวผู้ทดสอบ มองว่าเมื่อลองจับแฮนด์ทั้งสองข้างแล้วลองโน้มตัวลงไปจริงๆแล้ว กลับพบว่ามันยังให้ความรู้สึกที่เป็นกึ่งๆทัวร์ริ่งอยู่อย่างเห็นได้ชัด เพราะถึงยังไงเจ้า CBR150R คันนี้ก็ต้องออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ดังนั้นหากต้องพลิกเลี้ยวตัวรถไปมาแบบสลาลอม ก็ถือว่าด้วยลักษณะตำแหน่งแฮนด์แบบนี้ รวมถึงทรงถังน้ำมันและเบาะนั่งที่เพรียวบางแบบนี้ถือว่าเหมาะเป็นอย่างยิ่งถ้าจะใช้งานในเมือง
ในขณะเดียวกัน ถ้าถึงเวลาที่ต้องหมอบ หรือโหนตัวรถเพื่อเอียงตัวรถเข้าหาโค้งก็ถือว่าไม่ตขิดตขวงใจอะไรนัก เพราะถ้าหากเทียบกับ CBR150R รุ่นเก่า ก็แน่นอนว่า มันมีทั้งความแคบ และความเตี้ยที่มากกว่าให้พอรู้สึกได้จริงว่ามันมีความเป็นสปอร์ตไบค์ พร้อมโหนทิ้งโค้งมากขึ้นตามที่ทางผู้ผลิตบอก ส่วนตำแหน่งพักเท้าเองก็ให้ความมรู้สึกที่ถอยไปข้างหลัง และยกสูงขึ้นเล็กน้อยเช่นกันเมื่อเทียบกับโฉมเก่า (รู้สึกได้เลยว่าสามารถเอียงตัวรถได้เยอะกว่า เซนเซอร์พักเท้าถึงจะขูดพื้น)
ด้านระบบช่วงล่างเอง ก็คงต้องไล่จากตัว“ระบบเบรก”ที่แม้ว่าด้านหน้าจะยังเป็นแบบโฟลทติ้งเมาท์ 2 พอร์ท ไม่ใช่แบบเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ท เหมือน CB150R แต่เอารจิงๆเท่านี้ก็ถือว่าเอาอยู่แล้วสำหรับเครื่องยนต์ 150cc กำลังสูงสุด 17.1 แรงม้าของมัน นอกจากนี้ในตัวรถที่ผู้ทดสอบได้ใช้ก็ยังมีระบบ ABS มาให้ ดังนั้นจึงหายห่วงไปได้เลยสำหรับการหยุดชะลอตัวรถ ทั้งแบบธรรมดา และแบบกระทันหัน (ในกรณีเบรกกระทันหัน ตัว CBR150R ใหม่นี้ จะมีระบบ E.S.S หรือไฟฉุกเฉนสว่างวาบขึ้นมาเพื่อแจ้งเตือนคนข้างหลังด้วย)
ทีนี้ก็ถึงคราวของ“ระบบกันสะเทือน”ที่ในตอนแรกตัวผู้เขียนเองก็เสียดายไม่แพ้เพื่อนๆเช่นกันว่า ไหนๆก็เปิดตัวใหม่ทั้งที ทำไมถึงไม่ให้โช้กหน้าหัวกลับแบบเดียวกับที่ใช้อยู่ใน CB150R แล้วกลับยังเป็นแบบตะเกียบคู่ธรรมดาที่ดูแล้วไม่หล่อเหลาเท่าคู่แข่งคันอื่นๆเสียอย่างนั้น ? แต่พอผู้ทดสอบได้ลองใช้งานในแทร็คจริงๆแล้วกลับพบว่า ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ทาง Honda ได้เพิ่มเข้ามาใน CBR150R รุ่นใหม่นี้อย่างการเพิ่มตัวปรับพรีโหลดหัวโช้กด้านหน้า และระบบกระเดื่องทดแรงที่ทำเพิ่มขึ้นมาเพื่อเสริมโช้กหลังที่สามารถปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับนั้น ทำให้ตัวผู้ทดสอบต้องเปลี่ยนความคิด และคำสบประมาทที่ให้ไว้ในตอนแรกทันที
โดยสาเหตุที่ต้องเกริ่นแบบนี้ก็เพราะว่า แม้รูปลักษณ์จะไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่ด้วยความสามารถใหม่ของมันที่เอื้อให้ผู้ขี่สามารถเซ็ทความแข็งอ่อนของโช้กทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างอิสระนั้น ทำให้เกิดความสนุกในการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นในตอนแรก ที่ผู้ทดสอบต้องขี่ตัวรถด้วยเซ็ทติ้งโช้กเดิมๆจากโรงงาน ซึ่งในขณะนั้นผู้ทดสอบมองว่า ถ้าเซ็ทโช้กแบบนี้ ตัว CBR150R คันนี้น่าจะเหมาะแค่กับการใช้งานในเมืองเท่านั้น เพราะตัวรถสามารถพลิกเลี้ยวได้ไว ซอกแซกไปมาได้คล่องตัว แต่กลับให้ความรู้สึกไม่มั่นคงตอนที่ต้องเบรกหนักๆ สาดโค้งแรงๆ หรือไม่สามารถออกโค้งแบบนิ่งๆด้วยการเปิดคันเร่งเต็มๆได้
แต่พอเข้าสู่ช่วงเซสชันที่สอง หรือการทดสอบในรอบที่สอง ที่ทาง A.P. Honda ให้ทีมช่างเข้ามาเซ็ทติ้งรถใหม่ด้วยการปรับความแข็งสปริงทั้งหน้าและหลัง ให้แข็งที่สุด ตัวผู้ขี่ก็สัมผัสได้ทันทีว่าฟีลลิงความรู้สึกของเจ้า CBR150R คันนี้นั้นเปลี่ยนไป เพราะมันสามารถรับแรงกดที่ล้อหน้าตอนเบรกหนักๆได้อย่างมั่นคง และสามารถเข้าโค้งได้นิ่ง มั่นใจสุดๆ ส่วนตอนเปิดคันเร่งออกโค้งนั้นอาจจะมีอาการย้วยอยู่บ้าง เพราะอย่างที่บอกว่าตัวผู้ทดสอบเองหนักถึง 90 กิโลกรัม แต่อย่างน้อยด้วยการเซ็ทติ้งโช้กหลังแข็งสุดแบบนี้ก็ทำให้ท้ายรถมั่นคงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับตอนแรกที่ไม่ได้ปรับเซ็ทอะไรเลย
“สรุป” รีวิว 2019 Honda CBR150R แบบสัมผัสแรกในครั้งนี้ นับเป็นการปรับโฉมใหม่ในรอบ 8 ปี แบบ All-New ถือว่าทาง Honda ทำการบ้านมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของระบบกันสะเทือน ที่ยังคงรักษาความเป็นค่ายปีกนกไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ขณะที่ดีไซน์โดยรวมก็คงต้องแล้วแต่เพื่อนๆว่าจะชอบอะไรที่ดูปราดเปรียวกว่าเดิมขนาดนี้มั้ย แม้แต่ตัวเครื่องยนต์ที่ปรับใหม่ให้เน้นในเรื่องของแรงช่วงรอบต่ำถึงกลางเองก็เช่นกัน ยังไงก็ลองตัดสินใจกันดูครับ
2019 CBR150R มีราคา 92,000 บาท ในรุ่น STD (สีน้ำเงินด้าน กับ ดำด้าน) และ
2019 CBR150R ABS ราคา 98,900 บาท (สีแดง A.P.Honda Racing และ สีส้ม Repsol) ของ 2019 Honda CBR150R คันนี้จะสมน้ำสมเนื้อกับเม็ดเงินที่เสียไปแค่ไหน
อย่างไรก็ดี นี่ยังเป็นเพียงแค่การรีวิวแบบสัมผัสแรกเท่านั้น ไว้ถ้าหากโอกาสหน้า เราได้มีโอกาสรับเจ้า 2019 Honda CBR150R มาทีฟูลรีวิวอีกครั้ง เราจะรีบแจ้งให้เพื่อนๆได้ทราบในทันที และเก็บข้อมูลตัวรถให้ละเอียดที่สุดดเท่าที่ได้ ยังไงก็รอติดตามกันได้เลยครับผม
ขอขอบคุณ A.P.Honda สำหรับกิจกรรมการทดสอบ All-New Honda CBR150R ในครั้งนี้ครับ
Test Rider + Writer + Photo : รณกฤต ลิมปิชาติ
ขอบคุณภาพเพิ่มเติมจาก K.surachet
อ่านรีวิวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ