หลังจากที่ทีมงาน MotoRival เราได้มีโอกาส ไปทดสอบ รีวิว 2020 Yamaha Nmax ใหม่ กันไปแล้ว กับน้องเล็กตระกูล Max Series ซึ่งในครั้งนั้นเป็นแบบ สัมผัสแรกในสนามสั้นๆ
ล่าสุดในวันนี้ เราได้มีโอกาสกลับมาทดสอบกันแบบเต็มๆ อีกครั้ง ซึ่งจะมีอีกหลายประเด็นที่ขาดตกไป ในวันนี้ ทางทีมงานเราจึงขอมา ฟูล รีวิว 2020 NMAX ให้เพื่อนๆ รับชมกันครับ
เริ่มกันที่รูปลักษณ์ของ 2020 NMAX
All New 2020 Yamaha Nmax ใหม่ มันได้ปรับลุคให้ดูสปอร์ต และเข้ายุคสมัยมากยิ่งกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไฟหน้าแบบ LED ดูเผินๆ อาจดูคล้ายของเดิม แต่ที่จริงมีการปรับดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
วินชิลด์หน้า ขนาดใหญ่ขึ้น และมีดีไซน์ที่โฉบเฉ๊่ยวขึ้นอีกด้วย
ไฟท้าย ทรงเหลี่ยม จากเดิมที่เป็นหลอด คราวนี้ หันมาใช้เป็น LED ดีไซน์แยกออก 2 ฝั่งดูแล้ว คล้ายรุ่นพี่ Xmax
สำหรับไฟเลี้ยวที่อยู่ด้านข้างกรอบไฟท้าย ยังเป็นแบบหลอด
สำหรับ All New 2020 NMAX สี แดง และ น้ำเงิน ให้ได้ล้อสีดำ และ เพลท Logo สีเงิน
ส่วน All New 2020 NMAX สีดำ และ เทา จะมากับล้อสีทอง และ เพลท สีทอง
หน้าจอเรือนไมล์ ใช้เป็นแบบ LCD ทรงคล้าย Aerox
มาพร้อมกับระบบกุญแจ Smart Key (Keyless)
ช่องเก็บของทางฝั่งซ้าย เปิดโล่ง มีพอร์ทชาร์จไฟ มาให้
ส่วนลิ้นชักขวา มาพร้อมฝาปิด ใหญ่พอจะใส่ Smartphone ขนาดใหญ่ พร้อมกับกระเป๋าสตางค์ได้
สวิทช์ไฟซ้าย แม้หน้าตาจะคล้ายสวิทช์ไฟทั่วไป แต่ตำแหน่งปุ่มไฟ Pass จะเป็นปุ่ม Menu สำหรับใช้ดูรายละเอียด มาตรวัด แทน
สวิทช์ไฟขวา นอกจากปุ่มติดเครื่องแล้ว ก็มีปุ่มไฟฉุกเฉิน และปุ่ม SSS (Stop & Start System) ด้วย
ถังน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น มีความจุที่ 7.1 ลิตร
ตัวเบาะนั่ง ชิ้นเดียว แบ่ง 2 Step
U-box ขนาดใหญ่พอ ที่จะเก็บหมวกกันน็อคเต็มใบได้ ซึ่ง จะต้องวางหมวกลงในท่าวางคว่ำ
มิติรถ 2020 NMAX
ยาว x กว้าง x สูง = 1,935 x 740 x 1,160 มม. (ความยาวสั้นลง 20 มม. สูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย)
ระยะฐานล้อ = 1,340 มม. (สั้นลง 10 มม.)
ระยะ Ground Clearance เตี้ยลงอีก 10 มม. เหลือที่ 125 มม.
น้ำหนัก เพิ่มขึ้น 4 กก. อยู่ที่ 131 กก.
ส่วนความสูงเบาะ เท่าเดิม 765 มม.
เริ่มที่ความสูงเบาะ 765 มม. ผู้ทดสอบสูง 175 ซม. สวมรองเท้าผ้าใบ เมื่อนั่งช่วงปลายเบาะ พบว่า พอลงได้เต็มเท้า ช่วงเข่าหย่อนได้นิดหน่อย
ซึ่งถ้าเขยิบก้น มาทางด้านหลังอีกนิด ขาจะลอยแล้ว เนื่องจากตัวเบาะมีความกว้างมาก และ Floorboard นั้น ค่อนข้างกว้างจึงทำให้ต้องนั่งแบะขาออกมากหน่อย
สำหรับตำแหน่งวางเท้า สามารถวางได้ทั้ง 2 ตำแหน่ง ซึ่งการปรับตำแหน่งวางเท้าใหม่ ก็ทำให้นั่งเหยียดขาได้สบายขึ้นด้วย
ต่อมาตำแหน่งแฮนด์ ได้มีขยับเข้าใกล้ผู้ขี่มากขึ้น ช่วยให้สบายช่วงแขนมากขึ้นไม่ต้องเอื้อมแขนยาวออกไปไกล เวลาคอนโทรลเลี้ยว หรือ ลัดเลาะ อะไรต่างๆ ให้การควบคุมเป็นอย่างดี
ด้าน นน. ตัว ที่เพิ่มขึ้นอีก 4 กก. แต่ภาพรวมการขี่ไม่ได้ดูลำบากแต่อย่างใด ด้วยความยาวที่สั้นลง รวมถึง ระยะฐานล้อที่สั้นลง จึงทำให้มันขี่เลี้ยวเลาะ ทำได้คล่อง และกระฉับกระเฉงยิ่งขึ้น
ส่วนตำแหน่งผู้ซ้อน พบว่า ตัวเบาะซ้อนขนาดไม่ใหญ่มาก ซึ่งสำหรับผมเองก็ยังนั่งได้เต็มก้น แต่ถ้าหากใครตัวใหญ่ ก็อาจจะนั่งได้ไม่เต็ม นอกจากนี้ มือจับหลังขนาดค่อนข้างใหญ่ ไม่ต้องเอื้อมมือไปไกลลำตัว แต่ มีจุดสังเกตุ ตรงที่ ลักษณะมือจับจะเว้าเข้าไป ทำให้เราจับได้ไม่เต็ม Grip นิ้วมือนัก
เครื่องยนต์ Bluecore สูบเดียว 155cc หม้อน้ำ มาพร้อมระบบ VVA
แต่ภายในปรับเปลี่ยนรายละเอียดใหม่ ค่อนข้างเยอะ
ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มระบบ SMG (Smart Motor Generator) ทำให้ต้องออกแบบแคร้งเครื่องใหม่
เนื่องจาก มีขนาดเล็กลง เพราะไม่ต้องมี ตัวมอเตอร์สตาร์ท
ซึ่งตัว SMG จะเป็นทั้งมอเตอร์สตาร์ท และเจนเนอเรเตอร์ ในชุดเดียว ช่วยให้ การติดเครื่องยนต์ ราบเรียบเงียบ ไม่ต้องบำรุงรักษาตัวมอเตอร์สตาร์ท
ส่วนระบบ Stop & Start ถ้าจอดติดเกิน 5 วิ เครื่องยนต์จะดับเองอัตโนมัติ
ตัวเครื่องยนต์ อย่าง ลูกสูบก็ได้ออกแบบเยื้องศูนย์ ช่วยลดการสูญเสียกำลัง มีการเปลี่ยนหัวลูกสูบ เป็นหัวเรียบ ให้มีกำลังอัดเพิ่มด้วย อยู่ที่ 11.6:1 จากเดิม 10.5:1 ทำให้ได้ พละกำลังมากขึ้นอีกนิดหน่อย
อยู่ที่ 15.4 PS@8,000rpm (ของเดิม 15.1 PS ที่รอบเท่ากัน)
นอกจากนี้ ก็เพิ่มขนาดกรองอากาศ ใหญ่ขึ้นเป็น 4.3 ลิตร เพื่อให้รับอากาศเข้ามาได้มากขึ้น
ในฟีลลิ่งการขับขี่ ของเครื่อง Bluecore นั้นการเปิดคันเร่งช่วงแรก จะมาแบบนุ่มๆ เรื่อยๆ แต่เมื่อเปิดคันเร่งกระแทก จนถึงรอบที่ VVA ทำงาน (ซึ่งสังเกตุได้ที่หน้าจอสัญลักษณ์) จะพบว่า พละกำลังย่านกลาง-สูง จะดูมีแรงดึง มีพละกำลังในการเร่งแซงได้เรียกว่าสนุกขึ้น
จากการทดสอบ Top Speed ของทางทีมงานเรา จะได้อยู่ในช่วง 124 กม./ชม. ตามมาตรวัด ซึ่งเมื่อจับดูจาก GPS จะได้ 118 กม./ชม. ซึ่งเพี้ยนไปประมาณ 5% (ดูคลิปได้ทางด้านบน)
โดยรวมต้องถือว่า เพียงพอกับการใช้งานทั่วๆไปแล้ว
หากใครยังไม่พอใจ อย่างเพื่อนๆ สายเดินทางออกทริป อยากได้ปลาย ก็ยังสามารถไปปรับไล่ น้ำหนักเม็ดแรงเหวี่ยงกันต่อให้ปลายไหลเพิ่มได้
ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองนั้น ทางทีมงานเราได้ที่ 37 กม./ลิตร กับการขี่แบบเน้นสมรรถนะ ไม่เน้นประหยัดอะไรมากมาย กับภาพรวมการใช้งานในเมือง ก็ถือว่าใช้ได้เลย
ระบบกันสะเทือน โช้กหน้าตะเกียบคู่ มีการปรับเซ็ทน้ำมันโช้กหน้าใหม่ ค่า K สปริงใหม่ ให้แข็งขึ้นกว่าเดิม อีกเท่าตัว รวมไปถึงความยาวสปริงโช้กสั้นลงอีก 10 มม. (เหลือ 235.3 มม.) รวมถึงช่วงแผงคอใหม่ ทำให้มีระยะเทรลเพิ่มจากเดิม มาอยู่ที่ 100 มม. (รุ่นเดิม 92 มม.)
ด้านหลังโช้กอัพคู่ มีการปรับเซ็ทใหม่ เช่นกัน ค่า K สปริงอ่อนลง จาก เล็กน้อย และความยาวสปริงโช้ก สั้นลง (เหลือ 198.6 มม.)
โดยภาพรวมการใช้งานนั้น ต้องบอกว่าช่วงล่าง All New NMAX มันปรับมาให้ดูสปอร์ตยิ่งกว่าเดิม ช่วงล่างหน้าดูเฟิร์มขึ้น พลิกเลี้ยวต่างๆ หน้าไม่แกว่งอย่างรุ่นเดิมซึ่งหลายคนมักจะต้องไปปรับเซ็ทน้ำมันโช้กเพิ่ม แต่อย่างไรก็ดี การที่มันใช้สปริงเตี้ยลง รวมไปถึงระยะ Clearance ที่ต่ำลงด้วย ทำให้เวลาเราต้องรูดเนิน หรือ หลุม รวมถึงทางรถไฟ จะต้องค่อยๆ หย่อน ชะลอความเร็วกันหน่อย เพราะหากเรามาเร็วไป ด้วยความที่สปริงสั้นลง อาจทำให้โช้กกระแทกแผงคอ จนอาจทำให้โช้กแตกยัน ได้
นอกจากนี้ ระยะเทรล ที่เพิ่มขึ้น ทำให้หน้าดูนิ่งและมั่นคงขึ้นอีกด้วยเวลาขี่ที่ความเร็วสูงๆ
ส่วนโช้กหลัง สปริงสั้นลง เช่นกัน แต่ ค่า K ที่อ่อนลง จึงทำให้มันนั่งสบาย นิ่มนวลยิ่งขึ้น
ด้านหน้าดิสก์เดี่ยวขนาดจาน 230 มม. คาลิปเปอร์ สูบเดี่ยว
ด้านหลังดิสก์เดี่ยวขนาดจาน 230 มม. คาลิปเปอร์ สูบเดี่ยว
ในส่วนระบบเบรกถือว่ายังคงสามารถกำเบรกแบบไล่น้ำหนักได้ สามารถชะลอความเร็วได้เหมาะสมกับสมรรถนะรถ
แต่จุดสังเกตุ คือ ทางฝั่งซ้าย ก้านจะแข็งกว่าฝั่งขวา การบีบไล่น้ำหนักจึงต้องใช้แรกกำเข้าไปมากหน่อย
รวมถึงช่วงจังหวะที่ ABS หลัง ทำงาน ก้านทางฝั่งซ้ายดูจะดิ้นสู้มือไปสักนิดหนึ่ง
สรุป ฟูล รีวิว 2020 NMAX น้องเล็ก ตระกูล Max Series ที่นอกจากหน้าตาหล่อสปอร์ตขึ้นแล้ว ยังปรับเสริมเพิ่มเติมฟังก์ชั่น และสมรรถนะให้ดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง แถมขี่ได้กระฉับกระเฉงขึ้นอีก
ถ้าหากเพื่อนๆ กำลังมองหา รถ AT ในคลาส 150cc ที่ขี่สบาย แรง แถมยังมีการคอนโทรลที่กระฉับกระเฉง เจ้า All New NMAX นี้ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากคันหนึ่งเลยครับ
ด้านราคา 2020 NMAX 155 อยู่ที่ 85,900 บาท มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ แดง, น้ำเงิน ซึ่งจะมากับล้อสีดำ
ส่วน เทา, ดำ มาพร้อมกับ ล้อทอง และ Emblem สีทอง
อ่านข่าว Yamaha เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว อื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ