รีวิว 2022 CT125 ณ หาดเจ้าหลาว จันทบุรี ภายหลังจากที่เปิดตัวออนไลน์ มาเพียง 1 สัปดาห์ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา MotoRival เราได้ไปร่วมงานทดสอบ เจ้า New 2022 CT125 ใหม่ ในครั้งนี้ด้วย
โดยก่อนหน้านี้ ผมได้พรีวิว New CT125 Stanley Edition ไปแล้ว ตัวแต่งพิเศษ H2C และ Stanley มีเพียง 150 คัน เท่านั้น รับชมได้ที่นี่
และสำหรับในครั้งนี้เราได้มารีวิว แล้ว ซี่งผม จะขอพูดถึงจุดเด่นที่แตกต่างจาก โฉมก่อนหน้า ว่ามันมีอะไรกันบ้างครับ ก่อนเข้ารีวิว 2022 CT125 กันครับ
สำหรับ โฉมปี 2022 ที่เรียกว่า New แม้ มันจะหน้าตาเดิม แต่ก็เป็นเพราะ หลักๆ มันใช้ขุมพลังหัวใจใหม่ จาก Dax125 เพิ่มระบบ Piston Oitjet ระบบที่ฉีดน้ำมันเข้าไปใต้หัวสูบ ช่วยลดความร้อนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสายโมดิฟาย น่าจะถูกใจ โอกาสลูกสูบติดขัดน้อยมากๆ นอกจากนี้ ถ้าดูจากกราฟแรงม้า แรงบิด จะยกตัวสูงขึ้นกว่าโฉมเดิมด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น อัตราทดเกียร์ต้น ก็ จัดขึ้น ส่วน อัตราทดเฟืองท้ายลดลง เพื่อให้ รอบเครื่องต่ำลง (Honda บอกว่า ต้นดีขึ้น ปลายไหลเท่าเดิม แต่การใช้รอบต่ำลง ทำให้ประหยัดน้ำมันเท่าเดิม 66.7 kml)
ขณะที่ดีเทล ภายนอก เรามองด้วยสายตา คือ สีครีม จะถูกยกเลิกการจำหน่าย ให้สีใหม่ Matte Grey Metallic มาแทน ซึ่งดุดันสวยงามกว่า (แร็คหลังสีดำ)
ส่วนอีก 2 สี ยังเหมือนเดิม คือ แดง และ เขียว แต่จะมีความแตกต่างคือ สีแดง ปกติแร็คหลังแดง จะเปลี่ยนมาเป็นสีดำ ในปี 2022 นี้
ส่วนสีเขียวปกติ สีดำ แต่ปี 2022 ดันกลับมาให้สีเดียวกับตัวรถแทน
ขอมาเริ่มที่ท่านั่งกันครับ
เบาะสูง 800 มม. เป็นเบาะเดี่ยว ซึ่งก็ถือว่าสูงพอตัวกับรถแนวนี้ แต่ เบาะเป็นตอนเดียว และปลายแคบแบบรถจักรยาน ทำให้ผมสูง 175 ซม. สามารถเหยียบลงได้เต็มเท้า
ตำแหน่งแฮนด์ ออกทรงสูง แต่ด้วยแผงตุ๊กตาแฮนด์ต่ำ เลยไม่ได้รู้สึกว่าตำแหน่งมันสูงนักจนต้องยกไหล่ คือ กำลังดี แฮนด์ไม่กว้างมาก แต่ถ้าเทียบกับ Moped ก็ถือว่ากว้างอยู่ดี แต่แอบรู้สึกระยะแฮนด์จะอยู่ใกล้ลำตัวไปนิดหน่อย และองศาดูจะบิดเข้าหาลำตัวมากกว่ารถ Moped ทั่วไปด้วย แต่ก็เข้าใจได้ ตามสไตล์รถ CUB House เน้นคอนโทรลได้ง่าย แต่ดูจะไม่เหมาะกับการยืน เพราะว่า ปลายส้นเท้า อาจจะไปโดนตำแหน่งคันเกียร์
ตำแหน่งกรองอากาศย้ายจากหลังแกนคอมาไว้ใต้เบาะฝั่งซ้าย พร้อมทำปากท่อเดินขึ้นมาไว้ที่แร็คหลังที่สามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 20 กิโลกรัม
ด้วยความที่ต่อท่อเป็นเหมือน Snoggle ทำให้ Honda เคลมว่ามันลุยน้ำท่วมได้ที่ระดับช่วงใต้เบาะ คือ บอกเลยน้ำท่วมช่วงนี้ เอา CT125 ไปบิดลุยได้หายห่วง
จุดต่อมาพักเท้ามันมียางมาให้ ซึ่งถ้าใครเอาไปขี่ลุยจริงจังสามารถถอดยางออกได้ด้วย เพื่อให้มันจิกกับพื้นรองเท้าไม่ลื่น เพราะผมเจอมาแล้ว ตอนวิ่งทาง Enduro ฝนตก และหินมันลื่น ต้องระวัง
สำหรับการขี่ OnRoad ผมรู้สึกว่าคล่องใช้ได้เลย จนตอนเราลองขี่แบบโยก Slalom ผมว่า หน้ามันเบาอย่างเห็นได้ชัด จากตำแหน่งแฮนด์ ที่กว้างและงุ้มหาลำตัวเล็กน้อย ไซส์ยางแคบ และหน้าเบา อาจทำให้รู้สึกโยกช่วงแรกไม่ชินโหวงๆ แต่พอสักพักเริ่มคุ้น จะรู้สึกว่ามันหน้าไว คอนโทรลโยกบิดรถ หลบอุปสรรคต่างๆ ทำได้ง่ายคล่องรวดเร็ว
ขุมกำลังเครื่องยนต์ 125cc บล็อกใหม่ นอกจากเพิ่มระบบ Piston Oiljet ตามที่บอกไปแล้ว โดยรวม กราฟ จะยกตัวทั้งแรงม้าแรงบิด จะมีออกมากมากกว่า
และยังปรับอัตราทดใหม่ ทำให้เราบิดช่วงต้น จัดจ้านมีกระชากใช่ได้เลย เวลาปีนป่ายทางชันขึ้นเขา ไม่ต้องไล่เกียร์ลงต่ำมาก
แค่เดินคันเร่งส่งก็ไปได้สบายๆ ส่วนความเร็วปลายอย่าถามหา เพราะเราขี่กันเป็นขบวนมี Marshall นำ บิดแค่ 50-60 kmph เท่านั้น เน้นถ่ายรูป
ผมแอบ มาลองขี่เก็บฟุต Gopro และ 360 เมื่อถือที่พักแล้ว แอบลองถนน ด้านหลังหาด กดคันเร่งไปไม่นาน ก็ทะลุ 80 kmph แล้ว ถือว่าอัตราเร่งกับรถ Moped เช่นนี้ดูดีเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ดีรถพวกนี้เราไม่เน้นปลายอยู่แล้ว และ Honda ก็ไม่ได้ชูไฮไลท์ที่ความเร็วปลายกับมันด้วย บอกว่าได้เท่าๆ ตัวก่อน
ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นโช้กตั้งช่วงยาว มีปลอกหุ้มโช้กเอาไว้สำหรับสายลุยกันฝุ่นกันกระแทก ระยะยุบมากถึง 110 มม.
ด้านหลังเป็นโช้กอัพสปริงคู่ช่วงยุบที่ 70 มม. ไม่สามารถปรับเซ็ทค่าได้ แต่โดยรวมช่วงล่างถือว่าดีงามกับการขี่ถนนในประเทศไทย มันซับแรงดี มีช่วงยุบมาก ให้ความยืดหยุ่นดี เวลาเราเจอทางขรุขระ รูดไปได้เลยยาวๆ ยกก้นนิด ก็ ok แล้ว แต่ด้วยความที่มันอาจไม่ได้มีระยะ Clearance มากจ๋า ขนาด Enduro ตระกูล CRF ใต้แคร้งเครื่องก็ต่ำกว่า ถ้าใครตัวใหญ่ๆ และไปปีนหินอะไรที่ลูกใหญ่ๆ หนักๆ หรือลงเนินแบบ Bump เร็วๆ ก็อาจต้องค่อยๆ หย่อน ระวังท้องกระแทกกันสักบิด
ด้านระบบเบรก ดิสก์เดี่ยวทั้งหน้า-หลัง ตามสไตล์ปั๊ม Nissin เรายังต้องกดไล่ นน. เบรกลงอยู่ ในช่วงที่กำลงแรกๆ ไม่ลงลึก จะรู้สึกมันดูเบาไปหน่อย แต่พอเราไล่น้ำหนัก ก็รู้สึกเบรกได้ดีหยุดตามมือสั่ง และถือว่าเพียงพอกับกำลังตัวรถ กล่าวคือไล่ นน.ได้ดี แต่อาจต้องลงแรงเยอะหน่อย ส่วนหนึ่งเราต้องเข้าใจว่ามันเป็นรถที่ไว้ลุยทางฝุ่นด้วย ไม่ได้ขี่ OnRoad เท่านั้น จะเอาให้จับจึกแบบ เบรกจิกแบบรถสปอร์ต ก็ดูจะไม่เหมาะ ส่วนรถแนวนี้ ABS มีให้ที่ล้อหน้า ก็ถือว่าตามความปลอดภัยสมัยนี้ เบรกหลังไม่มี ABS เพราะ เอาไว้ให้ล้อล็อกสไลด์เล่นได้
สรุป รีวิว 2022 CT125 ใหม่ ต้องบอกว่า แม้หน้าตาเหมือนเดิม แต่บิดมันส์กว่าเดิม ต้นจัดขึ้นชีัดเจน ขี่สนุกเป็นอย่างมาก ขี่คนเดียวขึ้นเขาก็สบาย ที่สำคัญ ช่วงนี้ น้ำท่วมบ่อยๆ มันเป็นรถที่เหมาะมาก เพราะ เป็น Moped ที่ขี่ง่าย เบา มีสไตล์ และไม่รู้สึกหนัก ลำบาก เหมือนเวลาขี่รถ Enduro แท้ๆ
เอาเป็นว่าถ้าคุณต้องการรถใช้งานได้ในชีวิตจริง แบบลุยได้ และอยากมี Lifestyle ออกแคมป์ ด้วย (บิดคนเดียวไม่มีคนซ้อน)
New CT125 2022 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ราคาเริ่ม 88,900- กับ สามสี ให้เลือก ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น
อ่าน รีวิว เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่
อ่านข่าวสาร Honda เพิ่มเติมที่ได้ที่นี่