รีวิว 2024 CBR500R ลองขี่สัมผัสแรกในโลก ณ สนาม หลังจากที่เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ EICMA2023
หลังจากที่ เราได้ทำรีวิว CBR650R 2024 ทดสอบในสนามแก่งกระจานกันไปแล้ว
วันนี้ก็มาตามนัดอีกหนึ่งตระกูล CBR ที่ได้ทดสอบกันในสนามแห่งนี้ นั่นคือ รีวิว CBR500R 2024 ใหม่ ในครั้งนี้
และแน่นอน เราจะขอกระชับเข้ามาที่ฟีลลิ่งการขี่ทดสอบในแทร็กกันเลยครับ เนื่องจากสเป็กดีเทล รายละเอียดความเปลี่ยนแปลง เราก็ได้พูดไปแล้วหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งสามารถไปรับชมกันได้ที่นี่
เริ่มกันที่ท่านั่ง
เบาะสูงเท่าเดิม 785 มม. และ นน. เท่าๆเดิม 191 กก.
ซึ่งโดยรวมผมว่ามิติ มันก็ใกล้เคียงเดิม ไม่ได้ดูหนีจากเดิมนัก ดังนั้นผมสูง 175 ซม. ก็ยังเหยียบลงคร่อมรถได้เต็มฝ่าเท้า ระยะหย่อนเข่ามีเหลือประมาณหนึ่งเหมือนเดิม
ขณะที่ตัวแฮนด์คลิปออน แม้จะจับใต้แผงคอ แต่ก็ไม่ได้ต้องหมอบเยอะ ทำให้ไม่ต้องก้มหลังมากนัก เวลาขี่ On Road โดยรวมทำให้ขี่ลัดเลาะวงเลี้ยวถ้าขี่บนถนนก็ยังคงน่าจะทำได้คล่องแคล่ว
แต่พอลองหมอบขี่ในสนาม เรายังแอบรู้สึกว่ามันสูงโด่งๆไปสักหน่อย เลยทำให้ดูเหมือนก้มๆ แล้วยังไม่สุดเท่าไร ช่วงศอกเวลาเหน็บถัง อาจมีติดเข่านิดๆ
ก็ต้องเรียนตามตรงว่า ท่านั่งเวลาหมอบขี่มันยังสู้ Sport Replica ไม่ได้ หรือแม้แต่ 650R ซึ่งผมว่าท่ามันดูจะก้มต่ำลงดึงลำตัวลงมาได้มากกว่าอีกหน่อย
แต่ก็อย่างว่าต้องพอเข้าในโจทย์ เนื่องจาก CBR500R ถือเป็น BigBike ตัวเริ่มสำหรับคนที่อยากเข้ามาเล่นรถใหญ่ เน้นขี่ได้ง่าย และมันออกแบบสำหรับใช้งานได้ทุกวัน จึงต้องทำให้ท่านั่งโดยรวมของมันออกมาได้ประมาณนี้ แต่ถ้าใครชอบฟีลเรซซิ่ง ผมว่าก็ไปเปลี่ยนแฮนด์คลิปออน หรือ จะไปเซ็ทติ้งปรับระยะแฮนด์โหลดลงอีกหน่อยก็ทำได้
ขุมกำลัง เครื่องยนต์ 2 สูบ 471cc หม้อน้ำ คาแรกเตอร์ เครื่องลูกนี้ นั้นออกแบบมาให้อเนกประสงค์ดีมาก เพราะใช้ตั้งแต่ร่างสปอร์ตยัน Adventure หรือ จะเป็น ครุยเซอร์, สแครมเบลอร์ก็ตามที
ทอร์คดี มีมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำ ไม่ต้องรีดลากรอบสูง เอาเป็นว่าไม่ต้องเค้นกำลังรถเยอะ เพราะมันก็ไม่ได้แรงอะไรมากมาย แต่ ภาพรวมมันตอบสนองดี คาแรกเตอร์เครื่องที่พร้อมใช้ โดยรวมอัตราเร่งดี และผมว่าเหมาะกับแทร็กแก่งกระจาน ที่ไม่ใช่ High Speed กำลังขี่ได้ตึงมือพอประมาณ เพราะผมเคยขี่ CBR500R ตัว Gen4 ในช้างฯ ก็รู้สึกกำลัง และรอบมันจะมีให้ใช้น้อยไปหน่อย เมื่อเทียบกับแทร็กที่ยาว
เอาเป็นว่าจังหวะดันขึ้นเนิน ก็ยังทำได้ดีประมาณหนึ่ง สามารถดันส่งช่วงขึ้นเขา T1-T4 ที่เกียร์ 4 ยัดขึ้นไปได้เลย
โดยรวมแล้ว พละกำลังของตัวรถถือว่ากำลังดีกับแทร็กไม่ได้เยอะไปเหมือน 650R ในบางช่วงจังหวะ และตัวรถที่เบากว่าอีกหน่อย ผมเลยมองว่ามันพลิกได้ไวขี่ได้ดูจะสนุกกว่า
ระบบกันสะเทือน โช้ก SFF-BP จาก SHOWA ตัวนี้ ก็ต้องบอกว่า เรื่องการซับแรงสะเทือนโดยรวมกับสนามแห่งนี้ที่มี Bumping เยอะนั้นยังทำได้ดี แต่ผมยังรู้สึกมีอาการ หน้าลอยอยู่นิดๆ เวลาที่พลิกเข้าโค้งเร็วๆ อย่างในช่วงจังหวะโค้งซ้าย High Speed ยาวๆ หลังเขา ขณะที่ช่วงล่างด้านหลัง ที่จริงของเดิมถือว่าเซ็ทออกมาตรงกลางดีอยู่แล้ว เฟิร์มอยู่พอสมควร ในตัว Gen5 นี้มีการปรับเซ็ทติ้งใหม่ ซึ่งทาง Honda บอกว่ามันเฟิร์มขึ้นนิดนึง แต่ผมก็ต้องเรียนตามตรงว่า แทร็กแก่งกระจานแห่งนี้ ผมเคยขี่แค่ CBR250RR มาก่อน ยังไม่เคยขี่ CBR500R และบวกกับที่แทร็กแห่งนี้ Bumping เยอะมากๆ ผมจึงยังมองว่า ยังไงก็ตามมันก็ยังมีดีดๆ คลอนๆ ตัวออกมาให้รู้สึกอยู่ดี แต่โดยรวมแล้ว CBR500R ถือว่าเป็นรถที่พลิกได้ค่อนข้างเร็วไม่หนักมาก แต่ในมุมมองผมก็ยังแอบรู้สึกว่าถ้าเอาตัวรถแบบเข้าโค้งคมๆ CBR650R ยังดูลงตัวกว่าอยู่หน่อย เอาเป็นว่า ถ้าใช้งานบนท้องถนนทั่วไป น่าจะดูดีเฟิร์มขึ้น แต่ก็ยังคงให้ความสบายในการใช้งานด้วยเหมือนเดิม
ระบบเบรก จากการที่มันให้เป็นดิสก์คู่ปั๊มเรเดียล 4 pots ถือว่า อันนี้สเป็กดีดูอยู่แล้วกับสมรรถนะตัวรถ เบรกอยู่ และสไตล์ปั๊ม Nissin ยังไล่น้ำหนักได้ แต่ถ้าต้องการจิกหมับเดียวให้อยู่ก็ต้องกดหนักๆ แรงๆหน่อย ซึ่งตามที่ผมได้บอกไป CBR500R ผมว่าโช้กหน้าบางจังหวะยังรู้สึกยุบตัวมากไปหน่อย ช่วงที่เราเบรกหนักๆ แบบสุดทางตรงยาว อย่างไรก็ดีจุดนี้เลยต้องใช้วิธี Shift Down เกียร์เข้าช่วยด้วยก็ดูจะเหมาะสมด้วยกว่า ไม่ให้รถเสียอาการมากนัก
นอกจากนั้นเรื่องออปชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาอย่าง HSTC ก็จะช่วยให้จังหวะกระแทกออกตัวนั้นมีระบบเข้ามาช่วยเซฟมากขึ้น แต่เนื่องจากแทร็กนี้ผมไม่ได้ถนัดอะไรกับมันมากมาย จึงอาจจะค่อยๆ เดินคันเร่งขี่ไปแบบเรื่อยๆ ไม่ได้เปิดคันเร่งพรวดจนระบบ HSTC เข้ามาช่วย
สรุป รีวิว 2024 CBR500R กับการขี่ครั้งแรกๆของโลกในแทร็กแก่งกระจาน มันก็ถือว่าได้เป็นรถสปอร์ตตัวเริ่มที่ผมว่ามันก็ยังขี่ง่ายควบคุมง่ายเหมือนเดิม ทั้งคาแรกเตอร์เครื่องยนต๋ที่มีกำลังเพียงพอ ขี่ในแทร็กที่ไม่ได้เน้นทำความเร็วสูง เช่นนี้ยังถือว่าทำได้ดี ส่วนช่วงล่าง ก็ต้องยอมรับว่า 500 Series ยังเน้นออกมาขี่แบบ Everyday Bike จึงดูจะเหมาะกับการใช้ On Road มากกว่า ถ้าอยากขี่สนุกจริงๆจัง ในสายแทร็ก คงต้องมองหา RR ที่เป็น Replica โดยตรงจะเหมาะสมกว่า
แต่ถ้ามามองราคาค่าตัว แพงขึ้นกว่าโฉมก่อนแค่ 3,000- ซึ่งก็ถือว่าใกล้กับที่ MotoRival เราวิเคราะห์เอาไว้เลย ได้ทั้งจอสีระบบ Roadsync, ได้ TCS รวมถึงหน้าตาใหม่ ต้องบอกว่าโคตรคุ้มแล้ว มันยังคงเป็นตัวเลือกต้นๆ สำหรับคนมองหาสปอร์ตช่วงสองแสน สำหรับใช้งานบนท้องถนน
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่