รีวิว 2024 Royal Enfield Himalayan 450 ซึ่ง MotoRival เราได้รับเกียรติเชิญไปทดสอบขี่กันบนเทือกเขาหิมาลัย เมืองมะนาลี ประเทศอินเดีย
2024 Royal Enfield Himalayan 450 ได้ถูกเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาในงาน Global Test Drive ที่อินเดีย ซึ่งเราต้องรอเก็บข้อมูลมา Embargo ขึ้นพร้อมกันตอนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน เป็น EICMA2023 เมื่อช่วง 3 วันก่อน
สำหรับรายละเอียด ดีเทล สเป็กตัวรถทางเราได้นำขึ้นพรีวิว ไปแล้ว รับชมได้ทีนี่
ในคอนเท้นต์ นี้เราจะขอเข้ามาโฟกัสเฉพาะเรื่อง ภาพรวมสมรรถนะการขับขี่กันเลย ว่าสัมผัสแรกมันจะเป็นเช่นไร ดีขึ้นแค่ไหน กับสไตล์เครื่องหม้อน้ำ ใหม่ และที่ได้รับการอัพเกรดระบบกันสะเทือน
เริ่มที่ท่านั่ง
ผู้ขับขี่มีความสูงอยู่ 182cm ตอนได้ลองคร่อมรถ เท้าเหยียบได้ถึงพื้นทั้งสองข้าง โดยรวมท่านั่งการวางเท้าตอนขับขี่ค่อนข้างสบาย เหมาะกับ เดินทางระยะไกล
ในรถทดสอบเป็นตัวเบาะปกติ จะมาพร้อมความสูง 825 มม. และ สามารถปรับขึ้นเป็น 845 มม. ได้
แต่ถ้าใครมองว่าสูงไป ทาง RE ก็มี Accessory Low Seat ขายแยกเป็นออปชั่นเสริม ที่จะมากับความสูง 805-825 มม. ก็เรียกว่าเตี้ยลงมาอีก 20 มม.
ระยะแฮนด์อยู่ในระนาบแกนที่ถือว่ากำลังพอดี ไม่แหงนไปด้านหน้า หรือ หักงอมาด้านหลังมากเกินไป
การยืนขับขี่ เวลาลุยทางฝุ่น อาจจะรู้สึกว่าแฮนด์เตี้ยไปหน่อย แต่ตัวรถเองก็สามารถปรับแฮนให้สูงขึ้นได้ด้วย ซึ่งจะต้องซื้อ Accessory เสริม
ตัวถังน้ำมันเพรียวบางกำลังพอดี ยังสามารถหนีบ Grip ได้เหมาะ แต่เมื่อยืนขี่ และต้องคอนโทรลรถนานๆ จะพบว่ามันดันช่วงเข่าไปหน่อย ดังนั้นถ้าขี่นานๆ ก็อาจรู้สึกเจ็บได้
ตัวรถรู้สึกหนักมากพอสมควร ในเวลาที่เข็นรถ หรือ ต้องตั้งขาคู่จะต้องออกแรงมาก รวมไปถึงเวลาที่เราขึ้นคร่อมรถ และต้องโยกรถขึ้นมาตั้งลำให้ตรงจะต้องใช้แรงดึงมากสักหน่อย
อย่างไรก็ดีโดยรวมเราชี่บนทาง On Road การกลับรถก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหา แต่การต้องขี่ใกลับรถในทางแคบก็ดูจะเป็นอุปสรรค ขึ้นมาในทันที
สมรรถนะเครื่องยนต์ Sherpa 450
สไตล์คาแรกเตอร์เครื่อง เป็นระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 Speed เน้นเรื่องของแรงบิด Torque ในรอบต่ำ
ผู้ทดสอบได้ลองขับเกียร์ 2 บนเส้นทาง Off Road ด้วยความเร็วต่ำมาก ตัวรถก็ไม่มีอาการสำลักสะดุด แต่การเปิดคันเร่งยังพบว่ามันมีจังหวะ Lag delay อยู่นิดหน่อย
ในจังหวะออกตัว สไตล์คาแรกเตอร์มันไม่ได้มาฟีลกระชาก เน้นสมูท
แต่เนื่องจากการที่เราได้ทดสอบกันบนเส้นทางที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ถึง 13000 ฟุต และอากาศเบาบาง ทำให้ตัวเครื่องยนต์ไม่สามารถรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มสมรรถนะ
เพราะทาง RE ได้ให้ข้อมูลว่า เครื่องยนต์ จะให้กำลังกำลังเหลือแค่ 28 แรงม้า จาก 40 แรงม้า หายไปถึง 12 ตัว ในระดับความสูงกว่า 10000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
จึงน่าเสียดายที่เราไม่ได้ทดสอบมันอย่างเต็มสมรรถนะ แต่ถึงกระนั้นการขับขี่บนเขาหิมาลัยไม่ได้มีอุปสรรคแต่อย่างใด ในจังหวะขี่ไต่ขึ้นทางชัน ตัวเครื่ยงยนก็ยังมีพละกำลังเเพียงพอที่จะขึ้นเขาหิมาลัยได้สบายไม่ยากเย็น
ระบบเบรค
เบรคหน้านั้น ตอบสนองได้ ไม่ต้องใช้แรงในการกดเบรกเยอะ แค่ใช้นิ้วเกี่ยวเบรกเพียงนิ้วเดียว ก็ยังดูดชะลอความเร็วลงได้เหมาะกับการที่ขี่แบบธรรมดาทั่วไป
เบรคหลังก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี ABS สามารถปิดได้เพื่อที่จะใช้ในการ Drift เล่นในทางฝุ่น
ช่างล่าง
ช่วงล่างด้านหน้าอัพเกรดให้มาเป็น USD และ อัพไซส์ขนาดแกนใหญ่ขึ้นมาเป็น 43 มม. และ ระยะ ยุบถึง 200 มม. ทั้งด้านหน้า และหลัง
โดยรวมประสิทธิภาพของโช้กอัพหน้า ถือว่าซับแรงได้ดีเลยในการขี่ทั่วๆไป ไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนสะท้าน
แต่เมื่อขี่ผ่านทางขรุขระ แน่นอนก็อาจมีดีดๆ ขึ้นมาบ้าง แต่โดยรวมยังถือว่าไม่มีปัญหา แค่ยกก้นขึ้น เดินคันเร่งไปได้สบายๆ งอศอก งอเข่านิด ก็ไม่มีปัญหาให้รู้สึกเสียการควบคุม
สรุป รีวิว 2024 Royal Enfield Himalayan 450 ครั้งแรกในโลกที่อินเดีย แม้ว่าจะไม่ได้รีดสมรรถนะของรถออกมาอย่างเต็มความแรง แต่ก็ต้องถือว่ามันเป็นรถที่เหมาะกับถนนหนทางในประเทศไทยเรา
อีกทั้งไฮไลท์จอสี TFT ที่แสดงผล Google Map ได้แบบเต็มจอ มี Port Type C และมีปุ่ม Joystick ที่เอาไว้ควบคุมการเล่นเพลงได้อีก ถือว่าเป็นรถที่ทันสมัยมากๆ
ไม่เพียงเท่านั้น อัตราสิ้นเปลือง ก็ทำได้เกือบๆ 30 kml ถือได้ว่าทำได้ดีเหมาะสมกับรถในคลาสนี้เลย
จุดสังเกต รถหนักเวลาเข็น และขึ้นขาคู่
ขอบคุณ Royal Enfield Thailand สำหรับประสบการณ์ในครั้งนี้
อ่านข่าว Royal Enfield เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่าน รีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่