รีวิว Benelli Imperiale 400 สิงโต เรโทร บิดดี ราคาได้
ย้อนไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาในงาน Motor Expo 2019 [TIME2019] ทางค่ายพี่สิงโต อย่าง Benelli ได้มีการเปิดตัวรถใหม่ เอาใจสายเรโทรเต็มรูปแบบ อย่าง Imperiale 400 ทำราคาในระดับแสนต้นๆ ซึ่งใครที่มองหารถ สไตล์รถเพียวคลาสสิค พิกัด Entry Bike ต้องมาดูใน รีวิว Benelli Imperiale 400 คันนี้กันเลยครับว่า จะมีอะไรน่าโดนใจแค่ไหน
Benelli Imperiale 400 ถือได้ว่าเป็นรถที่คงสไตล์ความเป็นเรโทรไบค์ เต็มรูปแบบ ให้กลิ่นอายความคลาสสิค แบบต้นตำรับ อย่าง Benelli-MotoBi ยุค 1950′
เริ่มที่ไฟหน้าทรงกลม ใช้หลอดไส้ เช่นเดียวกับไฟเลี้ยวข้างทรงกลมทรงเรโทรเช่นกัน
ไฟท้ายทรงรี ขนาดกระทัดรัด ติดอยู่ตรงชุดบังโคลนล้อหลัง ส่วนชุดไฟเลี้ยวติดตั้งอยู่ด้านบนขาจับทะเบียน
บริเวณบังโคลนท้าย มีเพลทบอกความเป็น Limited ซึ่งในไทยจะมีให้สำหรับผู้ที่จองรถใน TIME2019 109 คันแรกเท่านั้น เพื่อให้รับกันกับ ครบรอบ 109 ปี ของทาง Benelli
ถังน้ำมันดีไซน์หยดน้ำ พร้อมยาง Grip Tank ความจุ 12 ลิตร แบ่งเป็นถังหลัก 10 ลิตร ถังสำรองอีก 2 ลิตร
ใต้เบาะผู้ชี่ทางด้านขวาเป็นฝาครอบแบต
ส่วนฝั่งซ้ายเป็นครอบกรองอากาศ
มีโลโก้ Imperiale 400 บ่งบอกชื่อรุ่น
หน้าปัดทรงถ้วยคู่ อนาล็อกผสมดิจิตอล
ฝั่งซ้ายบอกความเร็ว ฝั่งขวาวัดรอบ มี Redline ที่ 6-8,500rpm
ส่วนตัวเลขดิจิตอลในถ้วยซ้าย จะใช้เซ็ท Trip 1, 2 และ odo โดยมีนาฬิกาบอกเวลา
ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนหน่วยจาก กม. เป็น ไมล์ได้ ส่วนตรงกลางเป็นเกจ์น้ำมัน และ บอกตำแหน่งเกียร์
สวิทช์ไฟซ้าย ประกอบไปด้วย ไฟต่ำ-สูง, Pass, ไฟเลี้ยว, แตร
สวิทข์ไฟขวา มีปุ่ม Run-Off, ไฟฉุกเฉิน, ปุ่มสตาร์ท มาให้ ไม่ต้องมานั่งสตาร์ทเท้าให้เมื่อยขา
ก้านเบรก มาพร้อมเหรียญ ปรับระดับได้ 4 ระดับ
ปลอกแฮนด์ มาพร้อมโลโก้ Benelli
เบาะนั่งแยก 2 ชิ้น แต่วางชิดติดกัน เบาะท้ายสามารถไปให้ศูนย์บริการถอดออกได้
มือจับหลัง เป็นแท่งเหล็กขนาดเล็กติดตั้งอยู่ช่วงเบาะท้าย
ในช่วงท้ายของตัวรถมีการติดตั้งโครงเหล็กไว้สำหรับติดกระเป๋าข้างมาให้เลยจากโรงงาน
บริเวณเฟรมด้านซ้าย ได้ติดตั้งตัวล็อกหมวกกันน็อคมาให้
ท่อไอเสีย ออกข้างด้านขวา ทรง Pea Shooter ติดตั้งการ์ดกันร้อนปลายท่อ รวมถึงช่วงคอท่อ
นอกจากนี้ ช่วงคอท่อยังดีไซน์มาให้เป็นแบบคอบอมบ์
มิติรถ
เบาะสูง 780 มม.
นน. 200 กก. (Dry)
ยาวxกว้างxสูง = 2170 x 820 x 1120 มม. (ไม่รวมมิติกระจกมองข้าง)
ระยะฐานล้อ 1440 มม.
ระยะ Ground Clearance 170 มม.
ถังน้ำมันจุ 12 ลิตร (แบ่งเป็นถังหลัก 10 ลิตร ถังสำรองอีก 2 ลิตร)
น้ำหนักตัว 205 กิโลกรัมเมื่อรวมของเหลว และน้ำมันในถัง 90%
ท่านั่ง
เริ่มที่ความสูงเบาะ 780 มม. ก็ถือว่า เป็นระดับที่ใกล้เคียงกับรถในสไตล์นี้ ทั่วๆไป แต่อย่างไรก็ดีตัวเบาะ และถังน้ำมันไม่ได้คอดเว้า หรือ แคบมากนัก
ผู้ทดสอบสูง 175 ซม. สวมบูท ก็ถือว่าเหยียบลงขาได้เต็มพอประมาณ หย่อนขาโยกรถหลบได้เพียงนิดหน่อย ซึ่งถ้าผู้ทดสอบที่สรีระตำกว่า 170 อาจจะ เหยียบได้ พอดีเท้า หรือ อาจจะไม่เต็ม ซึ่งเวลาจะโยกหลบอาจจะต้องเขย่งขากันเสียหน่อย
ตำแหน่งแฮนด์บาร์ ที่ค่อนข้างกว้าง และองศา กำลังพอดีกับช่วงลำตัว ต้องบอกว่า ช่วยให้ตำแหน่งนั่งให้สรีระศาสตร์ที่ดี หลังตรง ไม่เมื่อย ช่วงงอข้อศอกกำลังพอดี ให้การหักเลี้ยวทำได้สบาย
แต่ตำแหน่งแฮนด์ที่ยาวมาเสียหน่อย ตรงนี้ อาจทำให้ช่วงที่เราต้องขี่มุดช่องจราจร อาจจะต้องเอี้ยวตัวหลบกันมากเสียหน่อย
ส่วนช่วง Grip Tank ผู้ทดสอบพบว่า ช่วงเว้านั้นไม่ค่อยพอดีกับมุมหัวเข่านัก เนื่องจากถ้าจะให้เข้ามุมเข่าพอดี จะต้องร่นก้นไปทางด้านหลังของเบาะพอสมควร ดังนั้นหากเทียบกับสรีระคนเอเชียอย่างเราๆ จึงอาจจะไม่ค่อยพอดีนัก ซึ่งจะ Grip Tank ให้พอดีกับช่วงเว้าคงจะต้องเป็นสรีระของคนที่ตัวใหญ่ๆ หรือ พวกไซส์ยุโรป
ด้านตำแหน่งพักเท้า จะสังเกตุเห็นได้ว่า มันให้ตัวได้พอประมาณ ซึ่งตรงนี้ Benelli จงใจดีไซน์มาให้มันยืดหยุ่่นได้ เพื่อที่ว่าจะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ มายังลำตัวของผู้ขี่
ซึ่งจุดนี้นับได้ว่าใส่ใจรายละเอียดมากทีเดียว
นอกจากนี้ ตำแหน่งวางขา ก็สามารถวางลงได้ตรงๆ ไม่เตี้ย ไม่สูง และไม่ร่นไปทางด้านหน้า หรือด้านหลัง เรียกว่าตำแหน่งวางตรงกลางพอดี ซึ่งช่วยให้นั่งได้อย่างสบาย ไม่เมื่อยขา ไม่ว่าจะขี่ใกล้ หรือเดินทางไกล
สำหรับตำแหน่ง คนซ้อน ต้องบอกว่า แม้ขนาดเบาะจะดูเล็ก ผู้ทดสอบอาจจะนั่งได้ไม่เต็มก้นนัก แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่ได้รู้สึกเมื่อยมากเท่าใด เนื่องด้วยตัวเบาะที่มีความหนา ดูแน่น และนุ่ม โดยรวมก็ยังถือว่า นั่งได้สบายพอสมควร เมื่อต้องนั่งขี่ซ้อนกันยาวๆ แต่ทว่า ตำแหน่งมือจับหลังที่เป็นแม่งเหล็กขนาดเล็กบริเวณช่วงเบาะท้ายดูจะจับได้ไม่ค่อยถนัดมือนัก ซึ่งก็อาจจะต้องอาศัยการหนับสะโพกผู้ขี่ หรือจะจับไหล่ เกาะเอวก็แล้วแต่สะดวก
มีอีกจุดสังเกตุหนึ่งก็คือ นน.ตัว 205 กก. แบบ Wet ซึ่งหากเทียบแล้วกับการเป็นรถในพิกัดนี้ ก็ถือว่ามันดูหนักพอสมควร ซึ่งในการขึ้นขาตั้งคู่นั้น ด้วยความที่ขาตั้งดีไซน์มาให้ค่อนข้างยาว จึงช่วยให้มันมี Momentum ในการออกแรงงัดเยอะ ทำให้เราไม่ต้องออกแรงให้การขึ้นขาคู่มากนัก แต่ทว่าในจังหวะที่จะดึงรถลงจากขาคู่ต้องถือว่าต้องใช้แรงมากพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งหากตั้วขาบนทางลาดชันไปทางด้านท้ายของตัวรถ อาจจะต้องออกแรงกันมาก หรือ อาจจะต้องให้เพื่อนๆ มาช่วยดึงรถลงกันได้
ขุมพลังเครื่องยนต์ Imperiale 400 เป็นแบบสูบเดียว 373.5cc SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่ใช้การจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด เพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro4 ตามยุคสมัยปัจจุบัน มีกำลังสูงสุด 20.78 hp@5,500rpm ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 29 Nm@4,500rpm ส่งกำลังผ่านเกียร์ 5 Speed
เคลมอัตราสิ้นเปลือง 27.7 กม./ลิตร
เริ่มด้วยการติดเครื่องยนต์ แม้จะเป็นเรโทรไบค์ แต่สมัยนี้จะมาสตาร์ทเท้าให้เมื่อยขาก็ใช่เรื่อง ก็แค่กดปุ่ม Engine Start ก็ช่วยให้สะดวกสบายเข้ายุคสมัยมากขึ้น
และเมื่อออกตัว กำคลัทช์ เตรียมออก ก็พบว่าน้ำหนักของคลัทช์ ดูจะค่อนข้างหนักสักนิด หากขี่ในเมืองรถติดๆ มีเมื่อยนิ้วกันบ้าง
ด้าน Performance หากดูจากตัวเลขสเป็กแล้ว มันก็ไม่ได้ดูด้อยไปกว่ารถคลาสสิคในพิกัดเดียวกันสักเท่าใดเลย
การใช้งานจริงต้องบอกว่า ตามสไตล์สูบเดี่ยว Imperiale 400 คันนี้ มันให้อัตราเร่งช่วงต้นที่ดีทีเดียว เมื่อเทียบกับการที่มันเป็นรถ หม้อลม SOHC รอบไม่ได้จัด เหมือนรถสปอร์ต
ขณะที่ช่วงรอบปลายนั้นก็ยังมีมาให้ใช้แบบไหล เรื่อยๆ
ซึ่ง Top Speed นั้นหน้าไมล์ได้ 140 กม./ชม. ขณะที่ GPS จริงได้ราวๆ 135 ก็ถือว่า ok เพียงพอแล้วกับการเป็นรถใช้งานแบบคลาสสิคเช่นนี้
ขณะที่เรื่องของการสั่นสะเทือนทำได้ดียิ่งกว่าคู่แข่งในคลาสแบบชัดเจน เพราะมันเดินเรียบเนียน ขี่ยาวไกลๆ
หากเป็น รถรุ่นอื่นๆ ในคลาสนี้ ที่ผมเคยขี่จะพบว่า หากบิดที่ระดับ 90 ขึ้นไป – ประมาณ 110 ช่วงนี้ เมื่อบิดแช่ยาวๆ พอจอดรถ ต้องมีอาการมื่อสั่นสะท้าน ชามายังข้อมือกันบ้างล่ะ
แต่แน่นอนว่า Imperiale 400 คันนี้ไม่มีอาการเหล่านั้น
ส่วนเรื่องความร้อนนั้น ต้องถือว่าทำได้ดีเกินคาด อากาศร้อนในเมืองไทย หากขี่ไหลยาวๆ แทบไม่พบไอความร้อนเลย แต่ถ้า ขี่ช่วงรถติดในเมืองก็อาจจะได้รับไอร้อน มาจากช่วงบริเวณคอท่อบ้าง
แต่ก็นับว่าไม่ได้มาก จนทรมานแต่อย่างใด
ด้านอัตราสิ้นเปลืองนั้น ตัวเลขตามเคลมที่ 20 ปลายๆ
หากวิ่งทางยาวๆ แบบออกทริปไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำได้ที่ระดับ 30 กม./ลิตร+ เลยทีเดียว
ระบบกันสะเทือนแบบอนุรักษ์นิยม
ด้านหน้าแบบตะเกียบคู่ขนาดแกน 41 มม. มีระยะยุบ 121 มม.
ส่วนโช้กหลังคู่ แบบมีกระปุกซับแทงค์น้ำมันแยก มีระยะยุบ 55 มม. ปรับ Preload ได้แบบ Step
การใช้งานนั้น ถือว่า มันมีระยะยุบให้ตัวได้พอประมาณ ทำให้เรื่องของการซับแรงสะเทือนทำได้ดีหายห่วง ไม่ว่าจะขี่แล้วเจอทางอุปสรรคในเมือง ก็ไม่มีปวดก้นหรือสะท้าน
นอกจากนี้ ด้วย นน.ตัวระดับ 205 กก. มันก็ไม่ได้ถือว่าช่วงล่างดูย้วย แต่อย่างใด
แต่สำหรับการขี่ที่ความเร็วสูงๆ ก็อาจพบว่ามันมีอาการหน้าเบา มีส่ายเลื่อยบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ต้องบอกว่า มาจากยางที่ใช้ซีรีย์แบบคลาสสิค เช่นนี้
ซึ่งรถแนวนี้ ขี่ความเร็วสัก 100-110 กม./ชม. ก็ถือว่ากำลังดี ไม่โต้ลมมากจนเครียดเกินไป
ระบบเบรกดิสก์หน้า-หลัง พร้อม ABS Dual Channel
ทางด้านหน้าขนาด 300 มม. ทำงานร่วมกับปั๊มคาลิปเปอร์ 2 พอร์ท
ส่วนด้านหลังขนาด 240 มม. ทำงานร่วมกับปั๊มคาลิปเปอร์พอร์ทเดียว นอกจากนี้สายเบรก ยังให้มาเป็นแบบสายถัก แข็งแรงกว่าสายยาง รวมไปถึงส่งน้ำมันเบรกได้เสถียรและมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า
ภาพรวมการใช้งาน ก็ต้องถือว่า ทำได้ดีพอประมาณ ปั๊มบนไล่น้ำหนักได้ดี ไม่แข็ง ให้ความนิ่มนวล เบรกอาจจะไม่ได้ดูจับเร็ว เบรกจิกหน้าทิ่ม แต่ก็ถือว่าเพียงพอที่จะใช้ชะลอความเร็วพละกำลังรถที่มี
ด้านการจับของ ABS นั้นถือว่าทำได้ค่อนข้างดี หากเทียบกับ Benelli รุ่นอื่นๆ เพราะ Imperiale 400 คันนี้ ABS จับแล้ว ไม่กระด้าง สะเทือนขึ้นนิ้วมือมากนัก
ล้อซี่ลวด
ขนาดล้อหน้า 2.15 x 19″
สวมยางไซส์ 100/90 – 19
ขนาดล้อหลัง 3.00 x 18″
สวมยางไซส์ 130/80 – 18
ด้วยความที่มันใส่ล้อไซส์ด้านหน้าใหญ่กว่าด้านหลัง ทำให้แม้ นน. ตัวจะดูมากหน่อย แต่ก็ถือว่า พลิกเลี้ยวได้ไม่ลำบากนัก แต่ก็อย่างที่กล่าวไป อาจมีข้อควรระวังบ้างเรื่องของซีรีย์ยางที่ให้เป็นแบบคลาสสิค อาจจะไม่ได้ยึดเกาะดีมากนัก จึงไม่ควรขี่ด้วยความเร็วสูงๆ หรือลึกๆ ด้วยความเร็ว
สรุป รีวิว Benelli Imperiale 400 รถสายเรโทร ในพิกัด Entry Bike
ที่ถือได้ว่า มีสมรรถนะดีเยี่ยมไม่แพ้คู่แข่งในคลาสเดียวกันเลย แถมขี่ได้สะดวกสบายยิ่งกว่า ไม่เพียงเท่านั้น มันยังมีราคาที่ย่อมเยากว่า นั่นจึงทำให้เพื่อนๆ จับต้องมันได้ง่ายกว่า
ในส่วนของค่าตัว Benelli Imperiale 400 ราคา 139,900 บาท โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ,
ผู้ที่สนใจ สามารถไปรับชมตัวจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Benelli ทั่วประเทศครับ
อ่านรีวิว อื่นๆได้ที่นี่
อ่านข่าว Benelli อื่นๆได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ