รีวิว BMW R1300GS สุดสายนักเดินทางไฮเทค ล้ำยุค ทันสมัยสุดแล้ว ในคลาส
รีวิว BMW R1300GS หลังเปิดตัวเผยโฉมอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ไปเมื่อช่วง Motor Show 2024 ที่ผ่านมา ทาง MotoRival เราได้มีโอากส มาทดสอบกันที่ สนาม BMW Enduro Park ศรีราชา โดย เราขี่กันสั้นในในสนาม Enduro Park แห่งนี้ เบาๆ เป็นการวอร์มอัพ ความคุ้นชินกับตัวรถก่อน และค่อยไปทาง On Road ไปกลับ ระยะทางประมาณ 60-70 กม. ไม่ไกล และไม่ได้ใช้ความเร็ว สมรรถนะความแรงตัวรถมากนัก ให้เราได้ลองความคล่องแคล่ว และเทคโนโลยี ที่มันเพิ่มเติมเข้ามา
โดยก่อนอื่น สำหรับดีเทล พื้นฐาน รายละเอียดตัวรถ สามารถรับชมได้ที่นี่ เพระา คอนเท้นต์นี้ จะขอเข้าที่ฟีลลิ่งการขับขี่ 1st Impression กันเลย
สำหรับคันที่ผมเลือขับขี่ เป็นตัว R1300GS Option719 รุ่นท็อป ที่จะให้สีเขียวมุก และตัดลายสีทอง และล้อซี่ลวดสีทอง รวมถึงของแต่ง CNC อย่าง ก้านเบรก ก้านคลัทช์ ฝาปิดปั๊มบน พักเท้าคนขี่ คันเบรกเท้า คันเกียร์ เป็นต้น
ต้องบอกว่ารถคันนี้มีเทคโนโลยี เพิ่มเติมขึ้นมาเยอะมาก จนทำให้มันไฮเทค ล้ำสมัยกว่าคู่แข่งในคลาส จนเรียกว่า ล้ำที่สุดแล้วก็ว่าได้
จากเรดาร์ 2 ตัว ก็จะช่วยให้มันมีระบบเพิ่มมา อย่าง Adaptive Cruise Control ในรูปแบบรถยนต์ ที่สามารถ ชะลอ และเร่งความเร็วตามคันหน้าได้ กับ Blind Spot และ Front Collision Warning
ด้านกุญแจ Keyless ที่มาพร้อม ระบบ Central Lock ทางด้านหลัง มีไว้สำหรับรองรับ การติดตั้งกล่องหลัง ช่วยอำนวยความสะดวก
และ จุดที่ถือเป็นไฮไลท์ คือ ระบบช่วยยกขาตั้งคู่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน การทำงาน คือ เมื่อออนสวิทช์กุญแจ ขึ้น ให้เตะขาตั้งเดี่ยวพับเก็บไป และนำขาตั้งคู่ลง เมื่อขาตั้งแตะถึงพื้น ระบบช่วงล่างหลังจะยกตัว และ ทางด้านหน้าจะยกตาม และหลังจากนั้นเราก็ ออกแรงยกรถขึ้น ก็จะช่วยเราเซฟแรงได้ประมาณ 20%
เข้าที่ฟีลลิ่งการขี่ ก่อนอื่นเริ่มกันที่ท่านั่ง
ผมสูง 175cm เบาะนั่ง 850-820mm ด้วยความที่ช่วงล่าง ปรับไฟฟ้า และมันฉลาดมาก คือ จะลด Ride Height ให้เราเลย กรณี ที่จอดนั่ง หรือ ความเร็ว <25kmph
จึงทำให้ผมที่ใส่รองเท้าบูท Enduro นั่งคร่อมได้สบาย ขาลงถึงพื้นหย่อนเข่าได้พอประมาณ จุดนี้ น่าจะเอื้อเฟื้อต่อสรีระคนตัวเล็กได้ ดี เพราะรถ ADV ตัวพันหลายคัน ผมมักจะเท้าลอยแล้ว
แต่ การที่เป็นเครื่อง Boxer CG ต่ำ ทำให้ นน. ทิ้งลงด้านล่างเยอะ ผมพบว่าเวลาจะดึงรถให้ตั้งตรง เพื่อเตรียมขี่ออกนั้น อาจต้องใช้แรงสักหน่อย ซึ่งถ้าคนตัวเล็กๆ อย่างคุณผู้หญิงอาจจะ ลำบากสักนิด แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับ R1250GS ถือว่าเบาลงมาก แล้ว และ การออกแบบตัวเครื่องยนต์บล็อกใหม่ นี้ ที่ cc มากขึ้น แต่กลับเบาลงถึง 6.5kg ทำให้ มันมีขนาด Compact กว่าเดิมอีกด้วย
การที่ นน.ตัวรวมเบาลง ถึง 12 กก. นั้น นอกจาก เครื่องแล้ว ซับเฟรมหลังก็เป็น อลูมีเนียม ที่ช่วยลดน้ำหนักลงไปด้วย โดยสามารถแยกชิ้นได้ ซ้าย-ขวา เผื่อกรณี อุบัติเหตุแล้วต้องเปลี่ยน
จุดต่อมา ตำแหน่งแฮนด์ ผมพบว่าเมื่อเรามาขี่ในทาง Off Road และมีการยืนขี่เพื่อควบคุม แอบรู้สึกว่าแฮนด์บาร์จะตำแหน่งต่ำไปสักนิดนึง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับสรีัระแต่ละท่านด้วย
ด้านของขุมกำลังเครื่องยนต์ 1300cc หม้อน้ำ พิกัด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้แรงขึ้นอีกหน่อย 145hp แรงบิด 149Nm แถมผ่านไอเสียระดับ EU6 โดยที่ กินน้ำมันเท่าเดิม
ต้องบอกว่าแม้แรงขึ้นไม่มาก แต่เมื่อดูดราฟ จะพบว่า แรงบิดที่ช่วง 2500-5000rpm นั้น จะมาดีกว่า และขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงทำให้รถมีกำลัง อัตราเร่งช่วงรอบต่ำดีกว่าเดิม แบบสัมผัสได้
แต่อย่างที่บอก ทริปนี้เราขี่แบบขิลๆ ไม่ได้ใช้ความเร็ว เลยอาจไม่ได้ลองสมรรถนะคววามแรงของรถอะไรนัก ผมพบว่า เครื่องลูกนี้ ขี่ได้สมูท ขึ้นแบบเนิบๆ ไม่ได้ดิบกระชากอะไร
ถ้าเพิ่งลองมาจับรถ ก็กด Rain Mode ก่อน เพื่อทำความคุ้นชิน แต่เมื่อคุ้นชิน ก็สามารถปรับเป็น Road
และถ้าอยากได้ การตอบสนองคันเร่งที่ดี แรง ก็ต้องไปที่ Dynamic Mode (คล้าย Sport Mode) การตอบสนองคันเร่งก็จะกระฉับกระเฉงดีขึ้น เวลาเดินคันเร่ง ถ้าไม่เนียน ก็มีกระชากเหมือนกัน
ช่วงล่าง
นี่คือสิ่งดีงามมาก อีกจุด ช่วงล่าง TeleLever ที่เก็บซับแรงดีอยู่แล้ว เป็นช่วงล่างไฟฟ้า นอกจากจะชาญฉลาดแล้ว ในโฉมนี้ปรับให้ แข็งขึ้น คมขึ้น ทำให้ขี่พลิกรถได้กระฉับกระเฉง พลิกรถได้ไว ขีั่สนุกกว่าเดิม
แต่ช่วงล่างด้านหลัง ParaLever ก็ปรับปรุง พร้อมยืดสวิงอาร์ม ให้ม่ีการยึดเกาะที่ดีอีกด้วย โดยรวมแล้ว ผมว่ามันซับแรงดีมากๆ ขี่ผ่านลูกระนาด หรือ ผิวขรุขระ มันเก็บซับแรงดี จนแทบไม่ต้องยก้นยืนเลยก็ยังได้ นั่งได้สบายๆ
ระบบเทคโนโลยี ตรงนี้จะขอพูดถึงที่มันเร่ง และเบรกเองได้
เนื่องจาก Adaptive Cruise Control ที่เราสามารถเซ็ทไว้จะชะลอความเร็วเองได้ ตามคันหน้า จุดนี้ จะสามารถเซ็ทระยะห่างได้ 3 ระดับ ซึ่งเป็นปุ่มเดียวกับที่ ใช้เลื่อนปรับวินชิลด์
ผมพบว่า มันก็ช่วยได้ดีระดับหนึ่ง แต่เวลาชะลอลงมา เราจะต้องเป็นผู้ลดเกียร์ลงเอง และ ถ้าจะจังหวะเร่งความเร็วขึ้น ตามคันหน้า เพื่อกลับไปยังค่าเริ่มต้น ก็อาจต้องช่วยลดเกียร์ช่วย หาก ใช้เกียร์สูงแล้วลดอาจจะไม่มีกำลัง เพราะมันค่อยๆ ไล่ความเร็วขึ้น
ส่วน FCW ผมเจอตอนกดคันเร่งตามคันหน้า ขึ้นทางชัน ด้วยความที่เป็นคนติดไหลเบรกลึก มันจึงเบรก แบบตอดก้านเบรกหน้าให้เองแบบรู้สึกได้ กับบางจังหวะที่ผมรู้สึกว่าจะเร่งแล้ว เหมือนโดนตัดกำลังลง ในบางครั้ง เลยคิดว่า สำหรับสายซิ่งชอบเบรกลึก ระบบนี้อาจเป็นข้อสังเกตสำหรับคุณ
สรุป รีวิว BMW R1300GS ในครั้งนี้ แม้จะไม่ได้ลองสมรรถนะ ความแรง แต่ก็พอบอกได้ว่า มันเป็น มอไซค์สุดสายนักเดินทาง ที่มากับเทคโนโลยีไฮเทคล้ำ แถมเพรียวบางเบากว่าเดิม ดีไซน์น้ำตามเทรนด์ แต่ก็อาจไม่ถูกใจ คอ Adventure BMW สายอนุรักษ์ไฟตาเข ซึ่งก็เข้าใจได้ เพราะมันลบภาพจำเก่าๆ ไปหมดเลย แต่บอกเลยผมว่ามันขี่ดี ขี่สนุกกว่าเดิมแน่นอน
ราคา BMW R1300GS เริ่ม 1,125,000 บาท ในสี Triple Black และ GS Trophy
ราคา BMW R1300GS Option719 1.205 ล้าน ได้ของแต่งเพิ่มตามที่กล่าวไปข้างต้น
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว BMW เพิ่มเติมได้ที่นี่