เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว กับรถมินิไบค์สไตล์สปอร์ตคันแรกของไทย บนพิกัด 150cc กับ GPX Demon 150 GR ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติไทย ที่มียอดขายสูงที่สุดในงาน Motor Expo 2017 โดย รหัส 150 GR นี้ เป็นการสานต่อพื้นฐานของ GPX Demon 150 GN โฉม Naked Bike มาในรูปลักษณ์สปอร์ตฟูลแฟริ่ง ที่โดดเด่นออกมาจากโรงงาน ด้วยหน้าตาและดีไซน์ที่ดูหรูในแบบรถ Superbike ยุโรป ในวันนี้ทาง MotoRival เราได้มีโอกาสมารีวิว GPX Demon 150 GR มินิไบค์สปอร์ตฟูลแฟริ่งคันแรก ให้เพื่อนๆ ผู้สนใจมองหา Minibike ในสไตล์นี้กันครับ
เริ่มที่รูปลักษณ์นั้น GPX Demon 150 GR ถือเป็นรถสปอร์ตแบบฟูลแฟริ่งขนานแท้ ดีไซน์ที่โดดเด่น และสวยงาม จาก
ไฟหน้าดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมไฟหน้าแบบ Day Time Running Light แบบ LED
ไฟท้ายดูแหลมคม ลุคสปอร์ต โดดเด่นสวยงามรับกันกับความสปอร์ตทางด้นหน้า
บั้นท้ายขนาดเล็ก เบาะแบบแยกตอน 2 ชิ้น เบาะผู้ซ้อนมีขนาดเล็ก มอบความสปอร์ตในแบบรถ Superbike
เฟรมถักตาข่ายเชื่อมรอบคัน แบบรถ Superbike สีดำ (ในรุ่น Luxury) และเฟรมสีแดง ในรุ่น (Sport Edition)
ชุดแฟริ่งครอบไฟหน้า มีครีบเรียงอากาศขนาดเล็กใต้โคมไฟ ลวดลายคล้ายเคฟล่า
ชุดแฟริ่งด้านข้าง มีมิติที่ยื่นห่างออกมาจากตัวถังน้ำมัน และมีช่องระบายความร้อน
ล้อลาย 5 ก้านคู่ ขนาด 14″ ใหญ่กว่า เพื่อนๆ Minibike คันอื่น
พร้อมสวมยาง Pirelli Diablo Scooter (สำหรับ 2,000 คันแรก) แบรนด์ดังที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพความหนึบ
ไซส์ด้านหน้า 120/70/R14 ด้านหลังไซส์ 140/70/R14
ท่อไอเสียทรงสั้นออกใต้ท้องตามสมัยนิยม และดีไซน์เหมือน Superbike อิตาลี
หน้าปัดแบบ Digital เหมือนกับ Demon 150 GN ปรับสีได้ 3 สี ได้แก่ ส้ม, แดง, น้ำเงิน และมีลูกเล่น คือ บอกตำแหน่งเกียร์
ด้านใต้หน้าปัดมีช่องจ่ายไฟ USB สำหรับชาร์จโทรศัพท์ได้
สำหรับมิติรถ นั้น
ตัวเบาะความสูง 780 มม. ใกล้เคียงกับรถสปอร์ตในพิกัด 250-300cc
ขณะที่น้ำหนักตัวอยู่ที่ 130 กก.
ถังน้ำมัน 8 ลิตร สำรอง 1.5 ลิตร ถือได้ว่า เพียงพอต่อการเดินทางออกทริประยะ 200 กม. +
และหากถังแรกหมด ก็สามารถบิดเข้าถังสำรอง ซึ่งวิ่งได้อีกราว 50 กม. เพื่อที่จะหาปั๊มที่ใกล้ที่สุดเพื่อเติมน้ำมัน
ในส่วนของท่านั่ง พบว่า
Demon 150 GR มีตำแหน่งพักเท้าต่ำ และวางตรงกลาง องศาแฮนด์บาร์แบบจับโช้กค่อนข้างเตี้ย ทำให้ช่วงเข่า และข้อมืออยู่ค่อนข้างใกล้กัน
แต่องศาแฮนด์แบบจับโช้กนี้ ถือว่าไม่แคบเกินไป ทำให้การเลี้ยวลัดเลาะนั้นไม่ยากนัก ศอกไม่ติดถังน้ำมัน
เมื่อพับกระจกมองข้าง ทำให้การลัดเลาะช่วงรถติดในเมืองเป็นไปได้อย่างง่ายดายคล่องตัวเป็นที่สุด
สำหรับท่าหมอบขี่แบบสปอร์ต พบว่าผู้เขียนที่มีส่วนสูง 174 ซม. อาจจะหมอบได้ลงไม่สุดกับตัวถังน้ำมันขนาดเล็ก ต้องร่นก้นไปด้านท้ายให้มากที่สุด
ขณะที่เบาะผู้ซ้อนต้องเรียนตามตรงว่ามีขนาดเล็กมาก หากผู้โดยสารตัวอย่างผู้ชายปกติทั่วไปจะนั่งได้ไม่เต็มก้น และสายรัดเบาะท้ายอยู่ในตำแหน่งเป้าพอดี
เครื่องยนต์ 1 สูบ พิกัด 150cc 4 จังหวะ จาก CR5 และ 150 GN ขี่มันส์กว่าเดิมด้วยการจับคู่เกียร์ 6 สปีด (150 GR เกียร์ 5 สปีด)
ด้วยการการันตีที่ใช้มาอย่างยาวนานในรุ่น CR5 150cc
ออกตัวกำคลัทช์ น้ำหนักเบาสบายมือ แต่จังหวะเตะเกียร์อาจพบว่าคันเกียร์แข็งไปเสียหน่อย ซึ่งอาจต้องออกแรงงัด หรือตบเกียร์หนักๆ ในจังหวะเดียว
การทำงานของเครื่องยนต์ ในรอบต่ำอาจจะดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงบิด แต่ทว่าเมื่อเดินคันเร่งลากรอบเครื่องไปยาวๆ เสียงเครื่องยนต์จะกรีดร้องดังคำราม พร้อมทะยานความเร็ว พร้อมเร่งแซงได้ดีกว่ารถ Minibike คันอื่นๆ ในคลาส 125cc อย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ในส่วนของเกียร์ 6 Speed อาจทำให้จังหวะลดเกียร์ลง Engine Brake ต่ำ เมื่อเทียบกับ 150 GN ที่เป็นเกียร์ 5 Speed ซึ่งล้อหลังล็อกง่าย คุณจะไม่พบอาการเช่นนั้นใน 150 GR คันนี้
แต่ข้อดีของมันคือ มันขี่ได้ไหลลื่นกว่าเดิม จังหวะเปลี่ยนเกียร์ ลดเกียร์ไม่กระชาก และความเร็วปลายที่เคลมจากที่ GPX เคลมได้มากกว่า 125 กม./ชม. ทีมงานเราทดสอบไปได้ไกลถึง 135 กม./ชม. เลยทีเดียว
ระบบกันสะเทือน โช้กหน้าแบบ UpSideDown จาก KYB แกนสีทอง
โช้กหลังเดี่ยว ทำมุมราว 60 องศา วางบนสวิงอาร์ม
โช้กอัพหน้าจาก KYB ยี่ห้อนี้ การันตีสมรรถนะ ความหนึบแน่น อาการช่วงล่างออกแน่นเฟิร์มติดแข็งเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกระเด้งกระดอน และซับแรงได้ดีพอประมาณ
โช้กหลังเดี่ยวตัวนี้ถูกปรับมาค่อนข้างแน่นแข็งพอตัว เหมาะกับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต แต่เมื่อขี่ผ่านทางลูกระนาด หรือเนินอาจจะต้องชะลอความเร็วเสียหน่อย เนื่องจากจังหวะ Bump กระแทก นั้นอาจจะทำให้ผู้โดยสารตอนหลังกระเด้งกระดอนได้
นอกจากนี้การควบคุมรถในการเข้าโค้ง ถือว่าทำได้อย่างมั่นใจ แม้เป็น Minibike ฐานล้อที่ยาว 1,230 มม. ทำให้การคอนโทรลรถดี ร่วมกับยาง Pirelli Diablo Scooter ซึ่งถือได้ว่าหนึบ และดูดถนน เวลาเลี้ยวทำให้การเข้าโค้งสนุกมันส์ เล่นโค้งได้สบายๆ
ระบบเบรก จานดิสก์เดี่ยวทั้งหน้า-หลัง
การบีบเบรกหน้า พบว่าตัวแม่ปั๊มดูมีน้ำหนักที่แข็งไปหน่อย ต้องใช้แรงบีบเบรกมากหน่อยเพื่อจะหยุดรถ หรือ ชะลอความเร็วลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับเบรกหลัง น้ำหนักกำลังพอดี ในการแตะเบรกเพื่อชะลอความเร็ว แต่ในจังหวะยกเท้ามาเหยียบขาเบรก อาจพบว่าหัวเข่าขวา จะดูติดกับชุดแฟริ่งด้านข้างที่ยื่นออกมามากไปหน่อย
สรุป รีวิว GPX Demon 150 GR ในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นรถมินิไบค์สไตล์สปอร์ตฟูลแฟริ่งล้อ 14″ คันแรก มีความโดดเด่น ทั้งในด้านรูปลักษณ์ที่ดูหรูแบบรถยุโรปที่ดูดีมีระดับ ออปชั่นที่ให้มา ก็เรียกได้ว่าออกรถมาแล้ว ขี่ได้แบบหล่อๆ ไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มเติมกันเปลืองเงิน
เรียกได้ว่าทาง GPX ได้ต่อยอด กับการทำรถสไตล์สปอร์ตฟูลแฟริ่งครั้งแรกของค่าย และถือเป็นการทำรถมินิไบค์ล้อ 14″ ในรูปลักษณ์สปอร์ตเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
ดังนั้นผู้มองหามินิไบค์ที่มีกำลังเครื่องที่ดีกว่ารุ่นอื่นๆ และมีรูปลักษณ์สปอร์ตแล้วล่ะก็ คงต้องเลือก Demon 150 GR คันนี้อย่างแน่นอน โดยมันมีราคาแพงกว่ารุ่น 150 GN อยู่ 4,000 บาท
โดย GPX Demon 150 GR (Luxury สีโมโนโทน) ราคา 63,800 บาท และ GPX Demon 150 GR (Sport Edition สีพิเศษล้อทอง) ราคา 64,500 บาท
ขอขอบคุณ บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถทดสอบ GPX Demon 150 GR สีเทาด้าน (Luxury) ราคา 63,800 บาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver, Photos
อ่านรีวิว GPX Demon 150 GN ได้ที่นี่
อ่านรีวิวรถ อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว GPX เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ