อย่างที่ทราบกันดีว่า Honda ได้ยุติการผลิตเจ้าลิงน้อย Monkey 50 ที่โรงงานในประเทศญี่ปุ่นไปเรียบร้อยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่เจ้าลิงน้อยนั้นยังไม่ได้จากเราไปไหน มันถูกปลุกกลับมาใหม่ Awaken Monkey อีกครั้ง ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ขึ้น เป็น Monkey 125 แถมผลิตในประเทศไทย เปิดตัวไปแล้วเมื่อ Motor Show 2018 ที่ผ่านมาช่วงต้นปี
และในวันนี้เองทางทีมงาน MotoRival เราได้มีโอกาสมา รีวิว Honda Monkey 125 คันนี้กัน ซึ่งเพื่อนๆ ที่สนใจมารับชมกันเลยดีกว่าครับ
สำหรับ Honda Monkey 125 นั้น ถูกวางจำหน่ายใน CUB House เท่านั้น ซึ่งถือเป็น Culture Unique Bike (มอเตอร์ไซค์ที่สะท้อนวัฒนธรรม และความเป็นตัวเอง) ซึ่งจะเป็นการยกระดับกลุ่มลูกค้าที่สูงกว่ารถโมเดลอื่นๆ ที่จำหน่ายทาง Wing Center ทั่วไป
*เพิ่มเติมในส่วนของพื้นที่ CUB House นอกจากมีโซนที่เป็นโชว์รูมของรถ ทั้ง Monkey 125 และ Super CUB C125 แล้ว
CUB House ยังมีพื้นที่โซน D.I.Y. ที่รวบรวมเอาชุดแต่งรถ และ Accessories ต่างๆ จาก 5 แบรนด์ดังทั้งจากญี่ปุ่น และในประเทศ ได้แก่ H2C, Bikers, G’ craft, Kitaco และ Moriwaki
ขณะที่โซนคาเฟ่ ก็ได้รับความร่วมมือจาก Greyhound ในการครีเอทเมนูต่างๆ ขึ้นมาเป็นพิเศษ อาทิ CUB House Monkey ซึ่งเป็นเมนูที่มีเฉพาะแค่ CUB House เท่านั้น
กลับมาที่เจ้าลิง Honda Monkey 125 กันต่อ เจ้าลิงน้อยจะมีด้วยกัน 4 สี ได้แก่
สีเหลือง โช้กทอง เฟรมเหลือง
สีแดง โช้กแดง เฟรมแดง
สีน้ำเงิน โช้กน้ำเงิน เฟรมน้ำเงิน
สีดำ โช้กดำ เฟรมดำ
เจ้าลิงคันที่เราได้มาทดสอบนี้เป็นคันสีเหลือง ซึ่งถือเป็นสีไฮไลท์
เริ่มกันที่ ไฟหน้าคงสไตล์ไฟกลม แต่ปรับให้ทันสมัยด้วยโคม LED มาพร้อมไฟ DRL
ไฟท้าย LED ทรงกลมเช่นกัน
ไฟเลี้ยวแบบ LED ทรงกลมทั้งหน้า-หลัง
ถังน้ำมันทรงสี่เหลี่ยมคางหมู (คล้าย Honda Gorilla) ความจุ 5.6 ลิตร มีโลโกปีกนก HM บนตัวถังน้ำมัน
รวมไปถึงฝาถังน้ำมันเป็นแบบ Airplane Cap (แบบเดียวกับรถ Bigbike ของ Honda)
ปลายท่อไอเสียที่ยกสูง ติดตั้งการ์ดกันความร้อนชุบโครเมียม
ตัวเบาะนั่งขนาดใหญ่ มีพื้นที่แยกออกจากถังน้ำมัน สำหรับนั่งคนเดียว ตัวเบาะนุ่มนั่งได้สบายๆ พร้อมคำว่า Honda ทางด้านท้าย
บังโคลนหน้า และหลังชุบโครเมียม
แฮนด์บาร์ ชุบโครเมียมทรงสูง องศางุ้มเข้าหาลำตัว
กระจกมองข้างทรงกลม ชุบโครเมียมเช่นกัน
กุญแจดอกกลม แถมระบบกันขโมยมาให้ในตัว
มาตรวัดถ้วยกลมเดี่ยวแบบ Digital LCD (Backlight สีดำ) แสดงผลความเร็ว Odo, Trip A-B และ เกจ์น้ำมัน
แคร้งเครื่องยนต์ด้านขวา ตกแต่งครอบจานไฟด้วยโครเมียม
ด้านใต้ถังน้ำมันจะพบกับ พลาสติกสีดำ ครอบกรองอากาศ
ฝาครอบชุดสายไฟ ประทับโลโก้ Monkey สามารถไขกุญแจเปิด เก็บเครื่องมือเล็กๆน้อยๆ ได้
ที่ล็อกหมวกกันน็อก ดูจะเตี้ยและลึก ล้วงมือเข้าไปลำบาก
ล้อลายเดียวกับ MSX แต่ใช้สีเงิน
สวมยางกึ่งลุย Tubeless ให้เหมาะสมกับแบบฉบับ Mini Bike หน้าไซส์ 120/80-12 ด้านหลังไซส์ 130/80-12
ด้านมิติรถ
กว้าง x ยาว x สูง = 754 x 1,712 x 1,029 มม.
ความสูงเบาะ 776 มม.
นน.ตัว 105 กก.
ความจุถังน้ำมัน 5.6 ลิตร
สำหรับท่านั่ง และตำแหน่งการขี่
ผู้ทดสอบสูง 174 ซม. นั่งคร่อมรถเหยียบเต็มเท้าขาหย่อนได้สบายๆ เบาะนั่งกว้างและนุ่มราวกับนั่งบนโซฟา
และแน่นอนว่ารถคันเล็กเช่นนี้ มันดีไซน์มาไว้นั่งขี่คนเดียว แต่ถ้าผู้ซ้อนที่ตัวไม่ใหญ่ ก็ยังมีพื้นที่นั่งซ้อนด้วยกันได้ แต่จะไม่มีพักเท้าหลังให้เหยียบ
ด้านการใช้งานจริงในท้องถนน กทม. รถติดๆ มันเป็นรถที่มอบความคล่องตัวดีมาก แม้แฮนด์จะองศางุ้มเข้าหาตัวมากไปหน่อย แต่มันเหมาะสมและสะดวกในการหักเลี้ยววงแคบ ซอกแซกช่องการจราจรเป็นอย่างดี
เครื่องยนต์สูบเดี่ยว บล็อกเดียวกันกับ MSX125SF ดังนั้นปริมาตรความจุเครื่องยนต์ของมันจึงอยู่ที่ 124.9cc SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI พละกำลังขับเคลื่อนยังคงเท่าเดิมคือ 9.7 แรงม้าที่ 7,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 9.4 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยคลัชท์มือ ลงสู่เกียร์ 4 สปีด เช่นเดียวกับ MSX
ฟีลลิ่งเครื่องยนต์นั้นดูแตกต่างทันทีตั้งแต่เปิดคันเร่งครั้งแรก คันเร่งมาแบบสมูทขึ้น ความเร็วมาแบบเนียนๆ ไม่ได้ออกตัวดีดเหมือนกับ MSX รถจึงดูนิ่งตั้งแต่รอบเดินเบา จนถึงรอบเครื่องยนต์สูงสุด
ขณะที่ Top Speed เจ้า Monkey 125 ทำได้ราวๆ 110 กม./ชม. ตามมาตรวัด
โช้กหน้า UpSideDown ยกมาจาก Honda MSX
แต่ด้านหลังเป็นโช้ก Twin Shock รวมไปถึงสวิงอาร์มเป็นแบบท่อกลม
ช่วงล่างค่อนข้างนิ่ม ยิ่งทำงานร่วมกับเบาะนั่ง ที่ให้ความรู้สึกนุ่มราวกับนั่งเบาะโซฟาอย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้น ก็ยิ่งทำให้จังหวะที่ต้องขี่เร็วๆ หรือ เข้าโค้งแรงๆ หรือ เบรกหนักๆ ก็ดูจะพบกับอาการที่ย้วยออกมาให้เห็นบ้าง แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ รถแนวนี้ ไม่ได้มีไว้ขี่เร็วๆ หรือ เค้นสมรรถนะอยู่แล้ว และเน้นไปที่การขับขี่แบบชิลๆ ไหลๆ ไปตามสภาพการจราจรมากกว่า
ระบบเบรกยกมาจาก MSX เช่นกัน ทั้งด้านหน้าปั๊มเบรก Nissin คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ และ ด้านเบรกหลังปั๊มจาก Nissin เช่นกัน คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ
การทำงานก็ถือว่าใช้งานได้ดีตามสภาพ ในการชะลอรถเครื่องยนต์ 125cc คันเล็กนี้ ซึ่งทำได้ดี ไม่ต่างจาก MSX นัก แต่เสียดายที่ไม่มีรุ่น ABS มาให้เลือก
สรุป รีวิว Honda Monkey 125 ในครั้งนี้พอให้เรารู้ได้ว่า การสานต่อรถมินิไบค์ระดับตำนานนี้ ด้วยการประกอบในประเทศไทย ทำพิกัดให้ใหญ่ขึ้น พร้อมใช้กับการจราจรจริงยิ่งขึ้น แม้ราคาจะแพงแตะ 1 แสนบาท แต่แลกกับการได้รถในระดับตำนานที่ใครๆ รอคอย มาขี่หล่อๆ ใช้งานแบบ Lifestyle ก็คงไม่ถือเป็นราคาที่แพงจนเกินไปนัก
ดังนั้น หากคุณเป็นผู้ขี่รถใช้งานในเมืองไปไหนมาไหนคนเดียว และไม่มีสัมภาระที่ต้องมาแบกเยอะแล้วล่ะก็ Honda Monkey 125 คันนี้ จะเป็นรถที่มอบความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางในเมืองเป็นอย่างดีทีเดียว
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver + Photos
อ่านข่าวรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ