เมื่อวานนี้ A.P. Honda เผยโฉมรถจักรยานยนต์ไฮบริดคันแรกของค่ายออกมาเป็นที่เรียบร้อย กับ New Honda PCX Hybrid พร้อมกับการทดสอบก่อนเปิดตัวจริงพร้อมกับการเผยราคาอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนหน้า ซึ่ง MotoRival เราขอมาตามนัด กับ รีวิว Honda PCX Hybrid ใหม่ ในครั้งนี้
เริ่มกันที่ภายนอก
มองเผินๆ New Honda PCX Hybrid แทบจะไม่แตกต่างจากโฉมเดิม ดังนั้น เราขอมาโฟกัสเข้าที่จุดต่างเลยดีกว่าครับ
ชุดสีรอบคันที่มีสีเดียว คือ “Hybrid Blue” ซึ่งสีนี้เป็นสีเฉพาะ สำหรับโฉมไฮบริดคันนี้
ขอบไฟหน้า/ไฟเลี้ยว มีการเพิ่มชิ้นส่วนพลาสติกสีฟ้าเข้าไปเพื่อบอกถึงขุมพลัง Hybrid
ไฟท้ายขอบสีฟ้าอ่อนแบบเดียวกับไฟหน้า มาพร้อม Smoke Len รมดำ
ติดเพลท “Hybrid” ที่กาบข้างตัวรถ (เพลทนี้เป็นแบบเดียวกับรถยนต์ Honda Hybrid)
ขณะที่โลโก้ Honda และ PCX เพลทจะเป็นสี Smoke รมดำ
ชุดสวิทช์แฮนด์ด้านซ้าย มีการเพิ่มชุดสวิทช์ปรับ Mode การขี่ที่นิ้วชี้
สวิทช์แฮนด์ขวามีการปรับเปลี่ยนหน้าที่การทำงานของสวิทช์ Idling Stop ให้เป็น Run-Off แทน โดยมีสวิทช์ไฟฉุกเฉินให้มาด้วย
กุญแจ Smart Key ของ PCX Hybrid เหมือนกับ PCX 150 แต่เปลี่ยนสีเป็นสีฟ้า
มาตรวัดจอเป็น LCD Backlight หากดูเผินๆ จะคล้ายกับ PCX 150 แต่ใน PCX Hybrid จะมีการเพิ่มแถบ Charge/Assist ทางด้านบน ไว้บอกการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า,
Riding Mode ทางด้านซ้าย, ย้ายระดับน้ำมันเครื่องไปไว้ด้านขวาแทนที่ด้วยระดับไฟคงเหลือในแบต Li-ion (แบตสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า) มาใส่แทนที่ นอกนั้นเหมือนเดิมเกือบทั้งหมด
U-Box ขนาดเล็กลงกว่า PCX 150 ลงอีก 5.5 ลิตร ทำให้ PCX Hybrid มีความจุ U-Box 23.3 ลิตร
เนื่องจากต้องเสียพื้นที่ให้กับชุดแบตเตอร์รี่ Li-ion แรงดันไฟสูงถึง 48 โวลท์ แต่อย่างไรก็ดีมันใหญ่พอที่จะใส่หมวกกันน็อคเต็มใบ Full Face ลงไปได้
ชุดเครื่องยนต์ ตัวแคร้งเครื่องภายนอกเป็นสีเทา จากเดิมเป็นสีเงินสว่าง นอกจากนั้นก็แทบไม่แตกต่างอะไรจากภายนอก
รายละเอียดนั้นไปอยู่ที่ภายใน ซึ่งติดตั้งชุดมอเตอร์ ACG ใหม่ ซึ่งจากเดิมทำหน้าที่แค่สตาร์ท แต่ PCX Hybrid นี้เข้ามาทำหน้าที่เป็น Motor Assist ด้วย
โดยมี PDU มาช่วยเป็นตัวควบคุม การทำงาน ซึ่งแรงบิดจาก Motor Assist นี้ ช่วยเพิ่มทอร์คได้สูงถึง 26% @4,000rpm
A.P. Honda เคลมว่า PCX Hybrid ใหม่ มีอัตราเร่งดีขึ้น หากเทียบช่วงเวลาที่ระยะทางจาก PCX 150 วิ่งออกตัวในช่วง 0-50 ม. จะได้ความเร็วที่ 59 กม./ชม.
PCX Hybrid จะวิ่งได้ระยะทางเพิ่มขึ้นมาเป็น 53 ม. ได้ความเร็วที่ 62 กม./ชม.
ด้านระบบ Idling Stop ที่มีการพัฒนาขึ้น
PCX 150 ใช้เวลา 3 วินาที ถึงทำงาน แต่ PCX Hybrid หากวิ่งมาด้วยความเร็วมากกว่า 6 กม./ชม. แล้วจอดนิ่ง จะใช้เวลาที่ 0.5 วินาที เท่านั้น
สำหรับโหมด การขี่ที่ปรับด้วยนิ้วชี้
โดย D จะเป็นโหมดขี่ปกติ ที่ มอเตอร์จะเข้ามาผสานการทำงานในจังหวะเปิดคันเร่งออกตัว
S Sport ที่จะตอบสนองเรื่องของคันเร่งให้เร็วยิ่งขึ้น บิดติดมือขึ้น
Blank Mode จะเหมือนกับ D แต่ Idling Stop ไม่ทำงาน (เครื่องจะไม่มีการดับ)
มาต่อกันที่มาตรวัด Charge/Assist จะเป็นสเกลเดียวกัน แต่จะวิ่งสวนทางกัน
เริ่มที่ Assist จะวิ่งจากซ้ายไปขวา สเกลมี 5 ระดับ
ที่ระดับ 1 จะทำงานเมื่อบิดคันเร่งน้อยกว่า 10 องศา
ระดับ 2 บิดคันเร่ง 10-15 องศา
ระดับ 3 15-20 องศา
ระดับ 4 20-35 องศา
ระดับ 5 มากกว่า 35 องศา
ขณะที่สเกล Charge มี 2 ระดับ จะวิ่งจากขวามาซ้าย
การชาร์จระดับ 1 จะขึ้นเมื่อ ประจุแบต Li-ion อยู่ที่ระดับ 4-5 ขีด
การชาร์จระดับ 2 จะขึ้นเมื่อ ประจุแบต Li-ion เหลือน้อยกว่า 4 ขีด
เอาล่ะขอเข้ามาที่การทดสอบกัน หลังจากพอทำความเข้าใจกันเบื้องต้นไปแล้ว
จากการที่ทางทีมงาน MotoRival เราได้ทำการทดสอบกันแบบพอหอมปากหอมคอในงาน พบว่าในส่วนของความรู้สึกการควบคุมต่างๆ ของตัว PCX Hybrid ทั้งการเบรก การเลี้ยว ไม่ได้ต่างจากตัว PCX 150 เลย เพราะโดยรวมแล้วทั้งสองตัวใช้พื้นฐานเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นโช้ค เบรก และยางติดรถ เว้นก็แค่น้ำหนักชุดระบบ Hybrid ที่เพิ่มขึ้นมาอีก 5 กิโลกรัม ซึ่งไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายนักเมื่อเทียบความรู้สึกระหว่างทดสอบ (ในงานทาง Honda จัดให้เราได้ทดสอบทั้ง 2 รุ่น เพื่อเทียบความต่าง) ดังนั้นเราจึงไม่ขอกล่าวถึง
แต่ในส่วนของอัตราเร่ง และอัตราการตอบสนองต่อการเปิดคันเร่งของเครื่องยนต์ถือว่าต่างกันอย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ ถ้าเป็นตัว PCX 150 ในช่วงเปิดคันเร่งเพื่อออกตัว อัตราเร่งในช่วง 0-10 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะมีอาการหน่วงหน่อยๆ ซึ่งเป็นบุคลิกพื้นฐานของรถมอเตอร์ไซค์แนวออโตเมติก หลังจากนั้นเมื่อพ้นความเร็วช่วงนี้ไปอัตราเร่งจึงจะเริ่มลอยตัวไปเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกันกับเจ้า PCX Hybrid นั้นถือว่าต่างออกไปมาก เพราะอาการหน่วงในช่วงต้นที่ว่า (0-10 กิโลเมตร/ชั่วโมง) แทบจะไม่มีอยู่เลยแถมอัตราเร่งเมื่อพ้นช่วงความเร็วดังกล่าวขึ้นไปก็ยังลอยตัวอย่างต่อเนื่องในแบบที่ดึงดีกว่า PCX 150 อย่างเห็นได้ชัด ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะว่าทาง Honda ออกแบบให้ชุดคลัชท์จับตัวไว้ขึ้นกว่าเดิมราวๆ 0.5 วินาที เมื่อรวมกับคุณลักษณะสำคัญของระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถสร้างแรงบิดสูงๆ ได้ทันทีตั้งแต่จ่ายไฟเข้าระบบก็จึงไม่น่าแปลกใจที่รถจะเคลื่อนตัวออกจากหยุดนิ่งได้ดีขนาดนี้ การเคลมทอร์คที่เพิ่มเข้ามาถึง 26% เรียกได้ว่ารู้สึกได้เลยว่ามันแรงขึ้นชัดเจน
ในส่วนของจังหวะเปิดคันเร่งเพื่อออกจากโค้ง จากเดิมที่เราอาจจะต้องเปิดคันเร่งเร็วกว่าปกตินิดหน่อยเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองตรงจังหวะในตัว PCX 150 แต่สำหรับ PCX Hybrid นั้นสามารถตอบสนองได้ทันท่วงทีกว่ามากเพราะระบบ PDU ช่วยสั่งการให้มอเตอร์เข้ามาช่วยเสริมแรงได้ฉับไวตามการเปิดคันเร่งของเราจริงๆ โดยไม่ต้องรอให้เครื่องยนต์ทำงาน ดังนั้นความกระฉับกระเฉงในจังหวะออกโค้งต่างๆ จึงดีกว่าเดิมเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในโหมด S ที่แม้ว่าจะไม่ได้มีอัตราเร่งสูงกว่าโหมด D เท่าไหร่ แต่ความไวในการตอบสนองต่อคันเร่งนั้นถือว่าขยับขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง จึงยิ่งทำให้เจ้า PCX Hybrid เป็นรถที่ขี่สนุกยิ่งขึ้นไปอีก
อีกหนึ่งจุดที่น่าพอใจไม่แพ้กันในตัว PCX Hybrid นอกจากอัตราเร่งที่ดีกว่าเดิมก็คือ ระบบ Idling Stop ที่แต่เดิมใน PCX 150 ตัวระบบจะต้องใช้เวลา 3 วินาทีจากหยุดนิ่งถึงจะดับเครื่อง แต่ในตัว Hybrid ทาง Honda ได้เคลมเอาไว้ว่า “ถ้าขี่มาเร็วมากกว่า 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วจอด ระบบจะสั่งการให้เครื่องยนต์ดับหลังจากหยุดนิ่งด้วยระยะเวลาเพียง 0.5 วินาที” ซึ่งผลการทดสอบที่เราทำได้นั้น อยู่ที่ประมาณ 1 วินาทีเศษๆ ไม่ได้ตามเคลม แต่ก็ถือว่าเร็วกว่าเดิมในเกณฑ์ที่ทำได้น่าประทับใจ
น่าเสียดายนิดหน่อยตรงที่เราไม่สามารถลองทดสอบความต่างของอัตราเร่งในช่วงความเร็วเดินทาง (80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ระหว่าง PCX 150 และ PCX Hybrid ได้ เพราะตัวสนามที่ทาง A.P. Honda จัดไว้ให้นั้นสามารถทำความเร็วได้เต็มที่แค่ราวๆ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งเราคงต้องหาโอกาสทดสอบกันวันหลังในบทความ Full Review อีกที เมื่อมีโอกาส
สรุป รีวิว Honda PCX Hybrid แบบ 1st impression สั้นๆ ในสนามทดสอบนี้ พอให้เรารู้ได้ว่า Motor Assist ในระบบไฮบริด ที่ช่วยรีดทอร์คเพิ่มขึ้น 26% นั้น แรงขึ้นจริงแบบสัมผัสได้ทันทีที่เปิดคันเร่ง และมันช่วยทุกครั้งที่เปิดคันเร่งตราบเท่าที่ประจุแบตเตอรี่ Li-ion 48 V นี้ ยังมีประจุเหลือเพียงพอ
ในด้านการรับประกันเครื่องยนต์ระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 30,000 กม. โดยตัวแบต Li-ion เคลมอายุใช้งาน 6-8 ปี ซึ่งในอนาคตตัวแบตเตอรี่น่าจะมีราคาถูกลงไปอีก สำหรับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะนั้นก็จะไม่แตกต่างจากตัว PCX 150 ซึ่งต้องรอดูกันในระยะยาว
ขณะที่อัตราสิ้นเปลือง พูดกันตามตรงไม่ได้ประหยัดกว่าเดิมเท่าใดนัก PCX Hybrid คันนี้ น่าจะตอบโจทย์ ผู้ที่ต้องการรถ AT ที่มีกำลังเครื่องยนต์แรง เทียบระดับ 200cc ในขนาดตัว 150cc ที่เหลือ ก็แค่ราคา ว่าแต่จะเปิดมาเท่าไร?
ทางผู้บริหารได้กล่าวว่าจะเปิดราคา PCX Hybrid ต้นเดือน ส.ค. โดยมีราคาไม่เกิน 1.2 แสนบาท แน่นอน เนื่องจากการเผยราคานี้จะเป็นการคิดแบบ + ต้นทุน เข้าไปจาก แบต Li-ion, ระบบไฮบริด จาก PDU และ ACG
นอกจากนี้ การตั้งราคาในระดับนี้นั้นอาจเป็นการโยนหินถามทาง ลองดู Feedback จากผู้บริโภคด้วย ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคาดว่า อาจมีเซอร์ไพร์ส ได้เห็น ต่ำกว่า 1 แสนก็เป็นได้ ซึ่งมีแนวโน้มในช่วงราคา 9.8 หมื่น – 1.1 แสนบาท เอาเป็นว่าเรามารอลุ้นไปด้วยกันครับ ทางทีมงาน MotoRival เราจะรีบมาอัพเดทกันให้ทราบอย่างแน่นอน
ภณ เพียรทนงกิจ Writer + Photos
รณกฤต ลิมปิชาติ Test Driver
อ่านรีวิว อื่นๆ ได้ที่นี่
อ่านข่าว Honda เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Hybrid เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ