รีวิว Iso UNO-X ครั้งแรกในโลก กับ แบรนด์อิตาลี่ ระดับตำนานยุค 50′ คัมแบ็คในร่าง EV
วันนี้เราอยู่กับ Iso รถมอเตอร์ไซค์แบรนด์ตำนานอิตาลี่ จากยุค 1948 ซึ่งปัจจุบันได้คัมแบ็ค กลับมาทำตลาด ด้วยรถ EV ตามเทรนด์นิยม ซึ่ง ก็คือ Iso UNO-X คันนี้
Iso ปัจจุบัน ได้ทางคุณ Ferruccio Lamborghini เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของแบรนด์กระทิงดุ Supercar ซึ่งเขาเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์ได้แชมป์ CIV Moto2 2012 ที่อิตาลี
ด้วย Passion จึงนำแบรนด์ Iso กลับมาทำตลาดอีกครั้ง เขาได้ร่วมมือกับแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไทย Edioson Motors มาร่วมพัฒนารถ และผลิตรถให้ ส่งขายทั่วโลก
และจากการที่ฐานผลิตในไทย ดังนั้น Supplier ต่างๆ ก็ใช้ของไทย ในแบบเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำของไทย
กลับมาที่รถ Iso UNO-X มันเป็นรถที่มีดีไซน์ยูนีค เป็นเอกลักษณ์
โดดเด่นด้วยไฟโปรเจคเตอร์คู่แนวตั้ง ตามแบบฉบับรถ X-Treme
ไฟท้าย LED 10 ดวง ส่วนไฟเลี้ยวเป็นไฟ Sequential
บั้นท้ายสั้น แต่เบาะยังมี Step คนซ้อนมาให้ และพักเท้าหลัง
ชุดกุญแจ จะให้มาเป็น Keycard ในแบบเดียวกับรถยนต์ Tesla อนาคต สามารถใช้ Smartphone เป็นรีโมทได้
จอสี Full LED 7″ ในอนาคต จะสามารถเชื่อมต่อแอพ UNO-X แสดงผลบน Smartphone ได้
แสดงผลความเร็ว อุณหภูมิระบบ (มอเตอร์+แบต), %แบต ระยะทางที่เหลือวิ่งได้, odo, Trip A/B
รายละเอียด เบื้องต้น ก็จะมีให้ปรับได้ ทั้ง Auto Lock คือ รถดับเองเมื่อทิ้งไว้ 30 วินาที เผื่อเราลืมปิดระบบรถ
สามารถเซ็ทเปิด-ปิด Brake Regen
เปิดปิด Wifi Cellular GPS ได้ ซึ่งจะมีการส่งข้อมูลไปยัง Edison Motors ดังนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องรถหาย
สวิทช์แฮนด์ซ้าย มีปุ่ม Menu และ ปุ่มด้านหลัง เลือกเซ็ทได้ว่าจะเป็นไฟ Pass หรือ แสดงผลอื่นๆ
มีปุ่ม R วิธีใช้ คือ ให้เข้าโหมด D หรือ S และ กดปุ่ม R ค้างไว้แล้ว บิดคันเร่ง ซึ่งจุดนี้ ต้องระวัง ค่อยๆ บิดเพราะรถจะพุ่งทันที มันจะไม่มีหน่วงเหมือน เวลาบิดในโหมดเดินหน้า อย่าง D และ S
สวิทช์ขวา มีปุ่ม ปุ่ม Menu ปุ่ม เปิด-ปิด และ ปุ่ม Kill Switch ในแบบของ Run-off
มีลิ้นชักหน้าเปิดปิดด้วยแม่เหล็ก
ข้อดีของการที่เขาออกแบบให้แบตอยู่ในเฟรมด้านใต้ท้องรถคือ มีช่อง Ubox ขนาด 25 ลิตร วางหมวก SHOEI Neotec II ลงไปได้
และรถ EV ข้อดี คือ Ubox ไม่อมความร้อนเหมือนเครื่องยนต์
ส่วนสาเหตุที่เขาไม่ออกแบบมาให้ Swap เนื่องจากแบตลูกใหญ่ หนัก ประมาณ 20 กก. คงจะไม่เหมาะในการยกออกมา Swap จึงวางไว้ใต้ท้องเพื่อให้ CG รถต่ำ ช่วยเรื่องการยึดเกาะคอนโทรล
มิติ Iso UNO-X
เบาะสูง 765 มม.
นน. 120 กก.
ใต้เบาะ จุ 25 ลิตร
ฐานล้อ 1284 มม.
ท่านั่ง
เบาะสูงแค่ 765 มม. ถือว่า ไม่สูงนั่งได้สบายๆ และไซส์รถ ขนาดเล็ก ทำให้คนตัวไม่ใหญ่สามารถขี่มันได้ไม่ลำบาก
แม้ว่าช่วงหน้ารถจะดูต่ำจากตัวชุดไฟหน้า แต่ตำแหน่งแฮนด์ผมรู้สึกว่าสูงกว่ารถ AT ทั่วไปอยู่หน่อย ทำให้การขี่ลัดเลาะรถติด ช่วงแฮนด์ผมยังพบกว่า ระนาบจะอยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์ และ กระจกอยู่ในระดับรถยกสูง ซึ่งก็อาจต้องโยกตัวหลบช่องจราจรซ้ายขวากันหน่อย
ส่วน Clearance ช่วงเข่าสำหรับสรีระผม ยังถือว่าหักเลี้ยวแล้วพอดี ยังไม่ถึงกับติดช่วงเข่า แต่ถ้าใครตัวสูงมากๆ ก็อาจต้องยกขาลงหน่อย
Floorboard เนื่องจากพื้นที่ใต้ท้องเป็นที่วางแบต จึงอาจทำให้ Floorboard เขาไม่เรียบนัก ใครสวมรองเท้าใหญ่ๆ อาจเหยียบไม่เต็มเท้า
ส่วนคนซ้อน เบาะสั้น แต่ก็กว้างพอประมาณ คนตัวไม่ใหญ่ยังนั่งซ้อนได้ แต่ว่า มันไม่มีมือจับกันตก ดังนั้นคนซ้อน ต้องเกาะคนขี่ให้ดี หรือ จะหนีบสะโพก เพราะว่า รถคันนี้ พุ่งกระชากเอาเร่ื่องในโหมด S แต่เอาจริงๆ รถทรงนี้ผมว่าเขาออกแบบมาเน้นขี่คนเดียวมากกว่าอยู่แล้ว
ขุมกำลังเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 5000W วางแบบ Mid Drive ขับด้วยสายพาน
กำลังสูงสุด 15 แรงม้า (11kW) มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ
(0-50kmph 3.7 วินาที) TopSpeed เคลม 110+ kmph
แบจ NMC Lithium Ion ขนาด 3.2kWh ขนาดประมาณ 20 กก.
ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้ 92 กม. ใช้เวลาประมาณ 4 ชม.เต็ม โดยการชาร์จจาก 20-80% จะใช้เวลาเพียง 2.5 ชม.
จากการใช้งานต้องบอกว่าจังหวะออกตัวไม่กระชาก จะมาแบบค่อยๆไป จนผมแอบรู้สึกว่าเซ็ทมาหน่วงเกินไป เมื่อเทียบกับ Mid Drive EV คันอื่นๆ ทำให้รู้สึกออกตัวช้าไฟแดง หรือ ออกจาก U-Turn จะช้าไปหน่อย แต่หลังจากรถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปแล้ว รถจะพุ่งเลย
ขี่ในโหมด D เราจะได้ความเร็วหน้าไมล์ได้ไม่เกิน 80kmph ผมทำได้ 79
ขณะที่โหมด S บอกเลยว่า พอสับมาเป็นโหมดนี้รถดึงกระชากแบบสะใจคนบ้าความแรง อัตราเร่งพุ่งทะยานพร้อมแซงรถบ้านๆ ได้แบบสบายๆ หายห่วง
ความเร็วปลายบอกเลยว่าแบตเต็มๆ มีเกือบแตะ 120 แต่ความเร็วเกิน 110+ จุดนี้ จะขึ้นช้าแล้ว
สำหรับ TopSpeed หน้าไมล์ ผมเทส 2 ครั้ง ครั้งแรกได้ 118kmph ตอนแบตเหลือ 93%
อีกครั้งเหลือ 116kmph หลังจากเทสครั้งแรก แบตเหลือ 88% เพราะว่า ยิ่งถ้าแบตเต็มๆ กำลังไฟจะมาได้เต็มกว่าทำให้มันทำความเร็วได้สูงกว่า ดังนั้นเลย ต้องบอกก่อนครับว่า หากเราแบตเต็มๆ มาถึงมีทางโล่งซัดเลย อาจจะทำได้ถึง 120kmph ตามหน้าไมล์
GPS ได้เท่าไร รับชมได้ในคลิปนี้
ในด้านการใช้งานต่อ 1 การชาร์จ ผมลองชาร์จเต็ม และวิ่งไปกลับ ระยะทางประมาณ 50 กม. ซ้อน2 นน. ร่วมๆ 110 กก. และสไตล์ผมผมขี่ซัดแทบจะตลอดทาง ถึงบ้านเหลือ 20% พอดี คือ ถ้าใครไม่ได้ซิ่งซัดแบบผม ขี่ไปเรื่อยๆ ผมว่าระยะต้องมีได้ 70 กม.+ มีจุดสังเกตุ นิดหน่อยครับ คือ พอแบตจาก 21% หล่นลงเหลือ 20% ช่วงนี้ ต้องระวัง เพราะ มันจะตัด TopSpeed ลงมาเลย D จะไม่เกิน 50 และ S จะไม่เกิน 60 เรียกว่าดึงหัวทิ่มเหมือนกัน ดังนั้นถ้าขี่เร็วๆ มาเลนขวา ต้องระวังเลย อาจต้องคอยมอนิเตอร์ % แบตให้ดี ถ้าเหลือ 20ต้นๆ อย่าไปขี่เร็วแช่ขวา แบบผมนะครับ
ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าสวิงอาร์มอลูมีเนียมแบบเซาะร่อง + โช้กอัพสปริงคู่ จาก KYB
ด้านหลัง สวิงอาร์มอลูมีเนียมเช่นกัน + โช้กอัพสปริงคู่ จาก KYB
ด้านการควบคุม ด้วยความที่คุณ Ferruccio เป็นนักแข่งดีกรีแชมป์ เขาจึงช่วยพัฒนารถให้มันเบา CG ต่ำ ช่วงล่างนิ่ง คอนโทรลง่าย
เพราะแบตใต้ท้อง กด CG รถให้ต่ำ ทำให้มันมีการยึดเกาะที่ถือว่าดีกว่า EV bike ทั่วๆไป
แต่ การที่เขาออกแบบสวิงอาร์มหน้าแบบนี้กับโช้ก 4 ต้น ทั้งหน้า-หลัง แม้มันจะมีความเสถียรที่ดี แต่มันก็ติดแข็งในจังหวะที่เจอพื้นผิวโลกพระจันทร์ ก็ถือว่ากระแทกอยู่พอควร
กับผมมองว่าช่วงหน้า ระยะยุบมันน้อยไปหน่อย เพราะใช้โช้กหน้าหลัง แบบเดียวกัน 4 ต้น เลยทำให้ ฟีลช่วงล่างหน้ากับหลังจะออกมาเหมือนๆกัน
ระบบเบรก CBS
จานหน้าหลัง เท่ากัน 220 มม. ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์ 2pots เหมือนกันเพียงแต่ปั๊มด้านหน้าจะขนาดใหญ่กว่าหน่อย และมากับสายเบรกถัก
ปั๊มบนเป็นทรงตู้ปลา สไตล์ปั๊มแต่ง
ฟีลแม่ปั๊มบน เวลาบีบกดลงไปจะแข็งๆ หน่อย การทำงานผมรู้สึกว่า เบรกหลังจะจับดีกว่าเบรกหน้า ถ้าจะให้อยู่ต้องกำเบรกลงน้ำหนักไปแรงสักหน่อย ทั้ง 2 ฝั่ง
แต่ด้วยความที่เบรกหลัง จับไวกว่าเบรกหน้า ทำให้กำเบรกหลังแรงๆ อาจต้องระวังล้อหลังล็อก
ส่วนตัวผมแนะนำให้ set เปิดระบบ Brake Regen ไว้เพราะ จะช่วยให้เรามี engine brake มาหน่วงในจังหวะปิดคันเร่ง ซึ่งรถถือว่ามีความแรงพอสมควรในการขี่โหมด S ดังนั้น ผมแนะนำจะช่วยให้เบรกได้มั่นใจมากกว่า
ชุดล้ออัลลอย 12″ ไซส์ยาง 120/70 และ 130/70 สวมยาง Pirelli Angel ซึ่งจุดนี้ ถือว่าเป็นยาง Scooter ที่ดีหลายคนนิยมใช้ และรีดน้ำได้ดีพอตัวเลย ขี่ทางแห้ง Grip ก็ดี ขี่ทางเปียกผมเจอจุดน้ำขังก็ไม่ดิ้น
สรุป รีวิว Iso UNO-X มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพรีเมี่ยม ดีไซน์ยูนีค แรง เหมาะกับคนเมืองไปกลับวันนึงประมาณ 70 กม. สามารถไปได้โดยกลับมาชาร์จที่บ้าน เด่นการควบคุม และการบริหารจัดการแบต
Iso UNO-X ราคา 1.49 แสน มี 5 สี ได้แก่ แดง, ดำ เบาะน้ำตาล, น้ำเงิน, เทา, ขาว เบาะน้ำเงิน
รถรับประกัน 2 ปี หรือ 30,000 กม.
เอาเป็นว่าใครสนใจ ติดต่อได้ที่ Edison Studio หรือ เพจ Edison Motors และดีลเลอร์ อีก 4 แห่ง EVMe ตึก รัชดา One, Move Motorcycle รัชดา 17, Fast Corner พระราม 3, Mugello Shop ตลิ่งชัน
อ่านข่าว Iso เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่