รีวิว Kawasaki ZX-25R สปอร์ตเรพลิก้า พิกัด 1/4 ลิตร 4สูบเรียง หล่อ ขี่ดี ขี่ง่าย ในเมืองก็คล่องตัว สมูทนิ่มๆ เทคโนโลยีจัดเต็มสุดในคลาส
รีวิว Kawasaki ZX-25R ของพวกเรา MotoRival ในที่สุดก็ได้คลอดออกมาเสียที
หลังจากที่เปิดตัวในบ้านเราไปแล้วเมื่อช่วงงาน Motor Show 2020 กลางเดือน 7 ที่ผ่านมา ซึ่งทางเราก็เพิ่งได้มีโอกาส รับรถมาทดสอบ และเจ้า สปอร์ตไบค์ 4 สูบ ไซส์ควอเตอร์ลิตร คันนี้ มันจะขี่ดีแค่ไหน มีจุดสังเกตที่ควรรู้หรือไม่ เดี๋ยวมารีวิว แบบจัดเต็มให้ฟังกันครับ
เริ่มที่ชุด Cowling หน้า จะดูคล้ายกับ ZX-6R ทั้งชุดไฟหน้าโคมคู่ LED มาพร้อมช่องแรมแอร์ตรงกลาง
ชุดบั้นท้ายในสไตล์ ZX ที่จะมีมุมหักเข้ามา ทำให้ท้ายดูแหลมกว่า และเบ้าไฟท้ายก็เป็นแบบ ZX-10R, Ninja 400
ด้านตัวเบาะนั่งเป็นทรงแบบเดียวกับ Ninja 400
สเป็กที่ขายในไทย จะเป็นตัวท็อป KRT และ SE จะให้ กันล้ม และครอบตูดมดมาด้วย
และแน่นอนว่า ตระกูล ZX แฮนด์จับโช้กจะต้องจับใต้แผงคอ ให้ดูหมอบจิกต่ำ ตามสไตล์ Sport Replica
ก้านเบรก/ก้านคลัทช์ เป็นแบบเหรียญหมุนปรับได้ 5 ระดับ
สวิทช์ไฟซ้าย แบบ ZX-6R มาพร้อมปุ่ม SEL ใช้เซ็ทติ้งค่าหน้าจอ นอกจากนี้มีไฟ Pass และฉุกเฉินมาให้ด้วย
ทางฝั่งขวา ปุ่ม Run-off เป็นแบบดันลง Engine Start แบบ
ชุดหน้าจอ เหมือน Ninja 400, ZX-6R
ตัวเลขดิจิตอลบอกความเร็ว และมีเลขบอกตำแหน่งเกียร์, มาตรวัดรอบเป็นทรงกลม บอก Redline สูงถึง 20,000rpm จากที่ลองรอบตัดที่ 18,000rpm
ระบบเทคโนโลยี ค่อนข้างน่าสนใจ ทั้ง คันเร่งไฟฟ้า
หน้าจอปรับ TCS ได้ 3 ระดับ + ปิดได้
ส่วน Power Modes เลือกปรับ F/L 2 ระดับเท่านั้น ถ้า คู่แข่งจะปรับได้ 3 ระดับ
Shift Light สามารถเซ็ทรอบทำงานได้ ผมได้ทำคลิปสอนการเซ็ทไว้ สามารถรับชมได้ที่นี่ครับ
ชุดท่อไอเสียเป็นแบบออกใต้ท้อง ซึ่งจะเป็นลักษณะของพี่ Ninja 650 ซึ่งอันนี้ เชื่อว่าหลายคนมองว่าภาพลักษณ์รถสปอร์ตควรเป็นท่อออกข้างมากกว่า
ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านตัว Y จาก Ninja 400 สวมยางหน้าไซส์ 110/70R17 และ 150/60R17
แต่ในคันนี้ มีพิมพ์ตัวนูนที่ก้านล้อหน้าว่า Made in Thailand ด้วย
มิติรถ ZX-25R
กว้างxยาวxสูง = 750 x 1,980 x 1,110 มม.
ระยะฐานล้อ 1,380 มม.
นน.ตัว 184 กก.
เบาะสูง 785 มม.
ถังน้ำมันจุ 15 ลิตร
ท่านั่ง
เริ่มที่ความสูงเบาะ 785 มม. ความสูงระดับนี้ ใกล้ๆ กับรถ Sport Entry ทั้งหลาย อย่าง Ninja 250/400
ผมเอง สูง 175 สวมผ้าใบ ต้องเรียกได้ว่าหย่อนเท้าแบบเหลือๆ สบายๆ เลย
ตำแหน่งพักเท้าพบว่า มันจะสูง และ ร่นไปด้านหลังเพิ่มเติมจาก Sport Entry อีกเล็กน้อย แต่โดยรวม ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องงอเข่าเยอะ
ถังน้ำมัน ขนาด 15 ลิตร ขนาดกำลังพอดี ทรงเพรียว ไม่ใหญ่ สำหรับผมเอง รู้สึกมันเข้ากับช่วงสรีระท่อนขาดี หนีบได้กระชับ ไม่รู้สึกอึดอัด ว่าอวบอ้วนอึดอัด
ต่อมาแฮนด์จับโช้ก ใต้แผงคอ ตรงนี้ผมชอบมากๆ เพราะว่า มันเตี้ยลงจาก Ninja 250/400 แต่ ก็ไม่ถึงกับต้องก้มต่ำจนเมื่อยแบบ SS600 หรือ SBK
ทำให้ไม่เมื่อยนักเมื่อขี่ในเมือง
แถมด้วยองศาแฮนด์กว้าง ทำให้เรา คอนโทรลรถในวงแคบได้ดีไม่แพ้ Ninja 250 ที่ผมใข้อยู่เลย เลี้ยวง่าย หักแฮนด์สุด แขนก็ไม่ติดถัง
ขี่ในเมือง ซอกแซกได้สะดวกสบายมากๆ เมื่อพับกระจกรูดช่องจราจรไม่แพ้รถเล็กเลย
แต่มีจุดสังเกตนิดหนึ่ง คือ ด้วยความที่ แฮนด์แม้จะเตี้ยลงนิดหน่อย แต่ระยะพักเท้าดูจะ ไม่ต่างจาก Sport Entry จึงทำให้ท่านั่งเวลาหมอบ อาจจะไม่เอื้อสักเท่าไร เหมือนช่วง ศอกจะติดๆ เข่าอยู่นิดหน่อย
แต่น้ำหนักตัว 184 กก. ถ้าเทียบกับคู่แข่งในพิกัดนี้ ก็ถือว่าหนักกว่าพอประมาณเลย
เพราะ เครื่องเป็น 4 สูบ และ สวิงอาร์มเป็นเหล็ก
คือ อาจจะรู้สึกหนักช่วงเข็น แต่ตอนขี่ไปแล้ว อย่างที่บอก ไม่พบปัญหาเลย บาลานซ์ ดีมากๆ
ท่านั่งคนซ้อน
ต้องบอกอย่างนี้ครับ ถ้า เพื่อนๆ มีสาวซ้อน ที่ตัวเล็ก และเคยซ้อนพวกรถ Sport ทั้งหลายอยู่แล้ว ZX-25R คันนี้ ไม่เป็นอุปสรรคเลย แม้เบาะจะดูเล็ก
เพราะรถ สปอร์ตหลายคันเบาะใหญ่ กว่า แต่ มันบาดช่วงง่ามขา ทำให้นั่งไม่สบายก็มีหลายคัน
ขุมพลังเครื่องยนต์ Kawasaki ZX-25R ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุจริง 249.8cc
โดยสเป็กไทย แรงม้าจะถูกตอนลงมา 5 ตัว จากอินโด อยู่ที่ 45 แรงม้า@14,500rpm ซึ่งยังไงก็ดี ตัวเลขนี้ก็เป็นแรงม้าเท่ากับสเป็กญี่ปุ่น
และถ้านับในรถคลาส Entry ไม่เกิน 500cc มันมีแรงม้าเป็นรองแค่เพียงตัว CBR500R ที่มีกำลังอยู่ที่ 47.5 แรงม้า แต่อันนั้น พิกัดเค้า 471cc
อย่างไรก็ดี มันก็ยังถือว่าแรงกว่าคู่แข่งอยู่มาก
ขณะที่แรงบิด 21 Nm@13,000rpm อาจจะน้อยกว่าคู่แข่งที่เป็น 2 สูบอยู่เล็กหน่อย
ให้ระบบ Assist Slipper Clutch และที่สำคัญเลย Quick Shifter 2 Way รวมถึงคันเร่งไฟฟ้าอันนนี้ดีมากๆ แม่นยำ ตอบสนองเร็วฉับไว
มาเริ่มตั้งแต่ ผมกำคลัทช์ เตะเกียร์เลย
รู้สึกได้เลยว่าคลัทช์นิ่มมากๆ ขี่ในเมืองรถติดๆ นี่สบายแน่นอน
และเกียร์ก็รู้สึกเข้าได้ง่าย นิ่ม หาเกียร์ว่างง่ายมาก
ฟีลลิ่งเวลาเตะเกียร์ คือ มันเนียนลื่นมากๆ
ช่วงรอยต่ำเกียร์น้อย ที่สำคัญให้ทั้งขึ้นและลง คือ ดีงาม! แบบ Superbike ยุโรป เลย
แต่ถ้าขี่โหมด L ผมจะพบว่า ช่วงรอบต่ำเกียร์ จะค่อนข้างกว้างแบบรู้สึกได้
เข้ามาที่ประเด็นกำลัง
ต้องบอกว่า ถ้าใครขี่พวก 300-400cc 2 สูบอยู่ คงไม่ถูกใจทอร์ค ที่รอบต่ำแน่นอน
เพราะมันออกตัวสมูทมากๆ ทำให้เวลาจะแซง ถ้าขี่มาแบบเรื่อยๆ ต้องลดเกียร์ เพื่อเล่นรอบในการแซง
ซึ่งแรงดึงจะมีให้ใช้จริงจังก็ช่วง 8-9,000rpm ไปแล้ว
ถ้าขี่ปกติ เปลี่ยนเกียร์สักช่วงประมาณ 6,000rpm ก็กำลังดี
สำหรับความเร็วเดินทาง ผมได้ขี่ชิลๆ ย่าน 100 กม./ชม. แบบแช่ยาวๆ ช่วงรอบ@10,000rpm พบว่า สั่นที่มือขวามากพอสมควรเลย ลงจากรถมาแอบมือชาอยํู่แปปนึง
สำหรับการทดสอบ TopSpeed ผมได้ 187 กม./ชม.
หากใครอยากชมคลิปทดสอบอัตราเร่ง จนถึง TopSpeed ก็รับชมได้ที่นี่เลย
ด้านความร้อนนั้นสำหรับผม ก็ต้องถือว่าร้อนเอาเรื่องเลย เมื่อเทียบกับรถในคลาส พิกัดนี้ ไอร้อนแผ่ออกมาช่วงบริเวณ ข้อเท้าทั้ง 2 ฝั่ง
ส่วนอัตราสิ้นเปลืองก็ต้องบอกว่า กินเอาเรื่องเช่นกัน เพราะจากที่ผมทดสอบ ในเมืองกับ วิ่งออกชานเมือง แบบไม่เน้นประหยัดมาก แต่ก็ไม่ได้ ถึงกับยัดคันเร่งตลอดเวลา
ได้อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 18-20 กม./ลิตร ซึ่งกินพอๆ กับพวกตัว 650cc เลยทีเดียว
ระบบกันสะเทือน
โช้กหน้าหัวกลับ ขนาดแกน 37 มม. จาก SHOWA แบบ SFF-BP (Separate Function Fork – Big Piston)
ซึ่งจะแยกฝั่งการทำงาน ฝั่งหนึ่ง Compress ยุบ อีกฝั่ง Rebound คืนตัว เป็นแบบลูกสูบโต
โดยไม่สามารถปรับเซ็ทค่าได้
ด้านหลังโช้กเดี่ยววางนอน ปรับสปริงได้ 5 ระดับ พร้อมกระเดื่องทดเแรง วางบนสวิงอาร์มเหล็ก (ของคู่แข่งเป็น สวิงอาร์มมีเนียม)
การใช้งานด้านหน้า USD SFF BP จาก Showa นี่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ทั้งเรื่องการซับแรง และการยึดเกาะ ไม่มีปัญหาเลย
ด้านหลัง ในเรื่องความนุ่มนวลอาจไม่เท่าพวกโช้กวางตั้งอย่าง Sport Entry คันอื่นๆ แต่โดยรวม แล้วโช้กวางนอน บนกระเดื่องทดแรงนี้
มันมีช่วง Compress กับ Rebound ที่กระชับ
ส่วนของการซับแรงก็ทำได้ดีเลย คนซ้อนไม่อึดอัด เรื่องความเฟิร์ม ก็มั่นใจได้ทั้งเวลาเจอ Bump หรือ ขี่เร็วๆ
ระบบเบรก ABS
ด้านหน้า ดิสก์เดี่ยวขนาดจานใหญ่ 310 มม. ใช้ปั๊ม Radial Mount Monobloc แบบพี่ใหญ่ ตัวพัน (Z1000, Versys 1000, Ninja 1000)
ส่วนระบบเบรกด้านหลังจานเดี่ยวขนาด 210 มม. ใช้ปั๊ม Nissin 1 Pot แบบ Ninja 650
การใช้งานต้องถือว่า จะเบรกนิ่มนวลก็ได้ เพียงแค่ใช้นิ้วเดียว ค่อยๆ แตะไล่น้ำหนัก
แต่ถ้าอยากได้ฟีลจับจิกแบบ Supersport หรือ Superbike ก็กำลงน้ำหนักลงไปอีก 1 ก๊อก หรือ ใช้ 2 นิ้ม 4 นิ้ว กำหมับเลย อันนี้อยู่แน่นอน
กับ 4 Pot Radial ตัวนี้
เทคโนโลยี อย่าง Power Mode และ KTRC ปรับได้ 3 ระดับ + Off
ส่วนตัวผมมองว่า ด้วยความที่เป็น 4 สูบ ออกตัวสมูทมากๆ รอบต่ำทอร์คไม่หนัก
เอาจริงๆ โหมด L ไม่ค่อยได้ใช้เลย แต่ก็มีไว้ เผื่อใครขี่ฝนตก หรือ อาจจะอยากขี่ประหยัดหน่อย ให้คันเร่งหน่วงๆ ก็พอใช้ได้
สำหรับ Traction Control ผมมองว่า Ninja 400 ออกตัวกระชากเยอะ โอกาส Slip มากกว่าดูจะจำเป็นกว่าด้วยซ้ำ
ถ้าใครเคยขี่ตัวพวกนี้มาแล้ว แทบจะปิด Off ได้เลย
สรุป รีวิว Kawasaki ZX-25R ถือได้ว่าเป็นรถ Sport Replica เครื่องยนต์ 4 สูบที่ขี่ง่าย และเป็นมิตร
มือใหม่ ขี่ได้แน่นอน คอนโทรลก็เยี่ยม ขี่ในเมืองก็คล่อง และถ้าลง Track ผมมั่นใจเลยว่า ขี่สนุกแน่ เมื่อถึงช่วงรอบของมัน รถพลิกง่าย คม
แต่ จุดสังเกต 2 เรื่องเลย
1.)ถ้าใครเคยขี่ 300-400cc 2 สูบมาก่อน
จะพบว่า คันนี้ ทอร์ครอบต่ำไม่มีเลย ขี่ในเมืองจะเร่งแซง ต้องเล่นรอบ อย่างเดียว แต่ข้อดีคือ มันสมูทมากๆ ถ้าไม่เน้นตีนต้น ผมว่า ZX25R เหมาะสม
และนั่นส่งผลมาที่ข้อ 2.)มันกินน้ำมันมากๆ สำหรับผม กินใกล้ๆ กับ 650cc 2 สูบเลย
Kawasaki ZX-25R ราคา 269,000 บาท โดยมี 2 สี คือ เขียว ลาย KRT และ แดง-ขาว SE Edition
ภณ เพียรทนงกิจ Tester + Writer + Photo + VDO
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่