รีวิว Kawasaki ZX-4R SE สปอร์ตเรพลิก้า พิกัด 400cc บิดมันส์ขึ้นอีกระดับ
รีวิว Kawasaki ZX-4R SE กับการขี่ครั้งแรกในไทย ที่ สนามพีระฯ เซอร์กิต พัทยา โดยทาง Kawasaki Motors Enterprise ได้เชิญทีมงาน MotoRival เราร่วมทดสอบในวันนี้
หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ในงาน Motor Show 2023 [BIMS2023]
ต้องบอกว่า รูปลักษณ์นั้นดูคล้ายกับ ZX-25R มากๆ จุดที่เราเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า 4R มันต่างจาก 25R ได้แก่
ท่อไอเสีย จากออกใต้ท้องมาเป็นออกข้างแบบพี่กลาง
จานดิสก์เบรก อัพเกรดมาเป็น ทวินดิสก์ (แต่ลดขนาดจานลง เหลือ 290 มม.)
ไซส์ยาง อัพเกรดขึ้นมา 1 เบอร์ ด้านหน้าให้หน้ากว้างมาเป็น 120 ส่วนด้านหลัง 160
เบาะสูงขึ้นมาเป็น 800 มม. (สูงขึ้น 15 มม.)
และเครื่องยนต์ 398cc ให้กำลังสูงสุด 75hp และ 77hp (เมื่อ Ram Air ทำงานเต็มที่)
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็คล้ายๆ กับ ZX-25R ไม่ว่าจะเป็นไฟรูปลักษณ์ชุดไฟ Full LED แบบ ตัวไมเนอร์เชนจ์
จอสี TFT 4.3″ รองรับระบบเชื่อมต่อ Rideology
หน้าจอปรับ TCS ได้ 3 ระดับ + Off ส่วน Power Modes เลือกปรับ F/L 2 ระดับเท่านั้น นอกจากนั้น
และมี Riding Mode ปรับได้ 3 แบบ Rain Road Sport และ Individual ซึ่งจะมีการ Mapping Power Mode และ KTRC ที่ต่างกันไป
มิติรถ ZX-4R
กว้างxยาวxสูง = 765 x 1,990 x 1,110 มม.
ระยะฐานล้อ 1,380 มม.
นน.ตัว 188 กก.
เบาะสูง 800 มม. ส่งผลให้ Ground Clearance เพิ่ม 10 มม. มาอยู่ที่ 135 มม.
ถังน้ำมันจุ 15 ลิตร
ท่านั่ง
เริ่มที่ความสูงเบาะ 800 มม. สูงขึ้น 15 มม. จาก ตัว 25R ที่เน้นทำตลาดฝั่ง Asia เป็นหลัก ซึ่ง 4R ก็ทำตลาดที่ US และอีกหลายประเทศจึงทำให้มันขยับความสูงเบาะขึ้นมา แต่อย่างไรก็ดี
ผมเอง สูง 175 สวมเรซซิ่งบูท ยังหย่อนเข่าได้อยู่พอประมาณ ซึ่งก็ขอบคุณเบาะที่แคบ และคอดเว้าทำให้ลงได้เต็มเท้าอยู่
แฮนด์จับโช้ก ใต้แผงคอ ที่ไม่ได้เตี้ยมากจนทำให้ขี่แล้วปวดหลัง ยังขี่ถนนได้ไม่เมื่อยนัก และองศาแฮนด์กว้างพอควร ทำให้เรา เลี้ยววงแคบไม่ยากลำบาก พลิกรถหรือ โยกสลาลอม ทำได้ง่าย แม้ว่าเราหักแฮนด์สุดแล้ว แต่แขนก็ยังไม่ติดถัง
ถังน้ำมัน ขนาดไม่ใหญ่ เพรียวดี ไม่มีโหนกใหญ่โตเหมือนพี่ใหญ่ พอดีกับการหนีบถัง เก็บศอก
แต่ช่วงศอกกับเข่าผม จะดูติดกันอยู่หน่อยเวลาหมอบขี่ ยิ่งใส่เรซสูทจะยิ่งดูแน่นเข้าไปอีก
แต่น้ำหนักตัว 188 กก. ถือว่าหนักพอควรเวลาเข็น เพราะเป็นสี่สูบ แต่ถ้าเราขี่พลิกคอนโทรลได้คล่องแคล่วดีมากๆ ไม่รู้สึกถึงปัญหาใดๆ บาลานซ์รถยังทำได้ดีเช่นเดิม
ขุมพลังเครื่องยนต์ Kawasaki ZX-4R ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ความจุจริง 398cc
โดยสเป็กไทย แรงม้า75hp และ 77hp@14500rpm เมื่อ Ram Air ทำงานเต็มที่
แรงขึ้นกว่า 25R ถึง 30 ม้าเลย
แต่แรงบิด 37.6 Nm@12,500rpm พอๆ กับตัว 400 2สูบ
ให้ระบบ Assist Slipper Clutch และที่สำคัญเลย Quick Shifter 2 Way ในรุ่น SE มาด้วยเหมือน ZX-25R
ฟีลลิ่งนั้น ต้องบอกว่า มันยังคงเป็นรถรอบจัด ต้องเค้นกำลังที่รอบสูงเช่นเดิม คาแรกเตอร์ ยังคล้ายๆ กับ 25R คือ ทอร์ครอบต่ำไม่ค่อยจะมีมามากนัก แต่อย่างว่าการขี่ในสนามเราเล่นแต่รอบสูงแทบจะตลอด ไม่ได้มาขี่เรื่อยๆ บนท้องถนน
การขับขี่ในแทร็กต้องบอกว่ากำลัง 75-77hp ในแทร็กพีระฯ ผมว่ากำลังพอดีมือเลย คือ ไม่มากไม่น้อยไป ผมสามารถยัดคันเร่งได้เต็ม แบบไม่ต้องกลัวล้น คันเร่งตอบสนองดี 
และการต่อเกียร์ QS ของ ZX ตั้งแต่ 25R แล้ว มันเนียนดีมากๆ
และการที่มันมี Slip Assist Clutch มาด้วย ทำให้เวลาลดเกียร์ดูจะไม่ค่อยมี Engine Brake มากนัก หลายโค้ง ผมจึงต้องกดเบรกหนักเข้าช่วย แต่ก็แอบรู้สึกว่าถ้าเรากดหนักหน้ามันยุบเยอะไปหน่อย ทำให้พลิกคอนโทรลรถอาจจะเสียจังหวะไปนิด แต่เอาเป็นว่าภาพรวม กำลังเครื่องขนาดนี้ผมว่ามันขี่สนุกมากๆ ไม่เครียดจนเกินไป สุดทางตรง ผมทำ TopSpeed หน้าปัดได้ ราว 186 kmph ที่เกียร์ 5
สำหรับการทดสอบ TopSpeed Test บนท้องถนนไม่ได้ลองนะครับ เพราะครั้งนี้เราได้แค่ลองในแทร็กเท่านั้น ถ้ามีโอกาสค่อยว่ากันอีกที
ส่วนประเด็นความร้อนต้องบอกว่าวันที่เราเทส ร้อนจัดมากๆ และ ขี่เซสชั่นนึง ครึ่งชม. สลับกันแบบนี้ ประมาณ 4 เซสชั่น ในช่วงเช้า ผมพบว่าตัวรถ ยังไม่ได้รู้สึกถึงไอร้อนจากตัวเครื่องยนต์ออกมาให้เห็นมากนัก ยังดูสบายๆ อยู่ และไม่มีงอแงมาให้เห็น แม้เครื่องยนต์จะโดนบรรดา สื่ออย่างพวกเราเฆี่ยนคันเร่งรอบสูงกันตลอด
ระบบกันสะเทือน
โช้กหน้าหัวกลับ ขนาดแกน 37 มม. จาก SHOWA แบบ SFF-BP (Separate Function Fork – Big Piston) ทาง คาวา แจ้งว่ามีการปรับเซ็ทค่าต่างๆ ภายในใหม่ ในตัว 4R แม้ภายนอกจะดูเหมือนเดิม ซึ่งในรุ่น 4R SE จะมาพร้อมการปรับพรีโหลดได้ที่หัวโช้กฝั่งขวา
ด้านหลังโช้กเดี่ยววางนอน Horizon Back Link ปรับสปริงได้ 5 ระดับ พร้อมกระเดื่องทดเแรง วางบนสวิงอาร์มเหล็ก
การใช้งานด้านหน้า USD SFF BP จาก Showa นี่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ทั้งเรื่องการซับแรง ได้ดี แต่เนื่องด้วยการเซ็ทโช้กเดิมๆ ร่วมกับผิวแทร็ก พีระฯ ผมพบว่า ยังมีหลายจุดที่มี Bump และรถไซส์นี้ไม่มีกันสะบัดมาให้ รวมไปถึงหลายโค้งผมเดินคันเร่งหนักตลอด ผมยังพบว่ามีอาการดีดๆ โยนๆ นิดๆ ซึ่งผมมองว่าอาจเป็นเพราะ นน.ตัวผมไม่มากนัก ด้วย และถ้าได้มีการขันพรีโหลด เพิ่มน่าจะทำได้ดีกว่านี้อีกสักหน่อย
ด้านหลัง ผมแทบไม่มีปัญหาเลย โช้กวางนอน และมีกระเดื่องทดแรง ก็ถือว่าซับแรงได้ประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่เท่าสปอร์ตทัวริ่งอย่างคลาส 400 2 สูบ แต่ในแทร็กเช่นนี้ ผมว่ามันทำได้ดี และมั่นใจเวลาเจอ Bump ไม่ดีดเยอะเหมือนทางด้านหน้า
ระบบเบรก
ด้านหน้า ทวินดิสก์ แต่ลดขนาดจานลงเหลือ 290 มม.มาพร้อมปั๊ม Radial Mount Monobloc 4 pots
ส่วนระบบเบรกด้านหลังจานเดี่ยวขนาด 220 มม. ใช้ปั๊ม Nissin 1 Pot
ฟีลลิ่งปั๊มเบรก ก็ยังคงไม่ได้จับจิกนัก ยังไล่น้ำหนักแบบค่อยๆ กดลงแบบเนียนๆ ได้ แต่ถ้าจะเอาให้อยู่ก็กดกำลังหมับ เข้าไปได้เลย ส่วน ABS ยังไม่ได้ลองกดถึงขั้น ABS ทำงาน
ด้านเทคโนโลยี การขับขี่ ผมกด โหมด Sport ตลอดเวลาที่ขี่ ซึ่ง จะเซ็ท KTRC มาระดับ 1 คือ ทำงานน้อยสุด มีบางจังหวะ ที่ล้อ Slip ในจังหวะผมเปิดคันเร่งออกโค้งแรงๆ ก็เข้ามาช่วยนิดหน่อย ให้ไม่เสียจังหวะมากนัก ยังพอมีอาการ Slip อยู่นิดๆ ไม่ได้ ตัดการทำงานของคันเร่งจนโกร๋น ทำให้ไม่เสียจังหวะ เดินคันเร่งในโค้งต่อได้
สรุป รีวิว Kawasaki ZX-4R SE ถือได้ว่าเป็นรถ Sport Replica ที่อัพเกรดขุมกำลังมาจาก 25R ขี่มันส์กว่าเดิม แต่คอนโทรลดีเยี่ยมไม่แพ้เดิม อย่างว่าใครหาเป็นรถ Track Day หรือรถซ้อมขี่ เมื่อ 25R ดูจะกำลังน้อยไป 4R คันนี้ น่าสนใจมากๆ เพราะสามารถหวดได้เต็มคันเร่งไม่ต้องกลัวล้น กับแทร็กอย่าง พีระฯ เช่นนี้ ผมว่ามันเพียงพอแล้ว
Kawasaki ZX-4R SE ราคา 3.6 แสนบาท โดยมี ลายเดียวคือ KRT ส่วน
Kawasaki ZX-4R ราคา 3.2 แสนบาท โดยมี สีดำล้วน เท่านั้น
อ่านข่าว Kawasaki เพิ่มเติมได้ที่นี่
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
