รีวิว Triumph Scrambler 400 X ขี่ทดสอบครั้งแรกในเอเชีย ขี่ดีเลย ตัวเริ่ม สำหรับคนอยากเล่นแบรนด์ยุโรป

เมื่อวานนี้ Triumph Motorcycles ได้จัดทริปทดสอบ Triumph 400 แบบ Asia Press Test ให้สื่อโซนเอเชีย ได้ทดสอบรถทั้ง 2 รุ่น กันก่อน โดยในประเทศไทยเราจะได้ทดสอบก่อน ซึ่งผมเองจะได้ขี่ Scrambler 400 X และ Speed 400 ตามลำดับ โดยจะขี่รุ่นนึงระยะทางประมาณ 50 กม. เท่านั้น ซึ่ง MotoRival เราจะขอมารีวิวสัมผัสแรกในรุ่น Scrambler 400 X กันก่อน เพราะเป็นรุ่นแรกที่เราได้ขี่ใน Session เช้า

สำหรับรายละเอียดดีเทลตัวรถ เราก็เคยได้นำเสนอไปหลายครั้งด้วยกันแล้ว อ่านได้ที่นี่
ดังนั้น เราจะขอไม่ลงรายละเอียด ดีเทลตัวรถกันซ้ำ ผมจะขอมาเข้าที่ฟีลลิ่งการขับขี่กันเลย

จุดเแรก เรื่องของหน้าจอ แบบอนาล็อกเข็มความเร็ว และดิจิตอล รายละเอียด information ผมมองว่า
สเกล บอกรอบเครื่องที่เป็นแนวตั้งมันเล็กเกินไป ยิ่งตอนแดดจ้าๆ ทำให้มองรอบเครื่องลำบาก ต้องอาศัยจังหวะ เปลี่ยนเกียร์เอาเอง ซึ่งจังหวะนั้น
กลายเป็นว่าตัวเลขที่มีขนาดใหญ่ จะเป็นเลขบอกตำแหน่งเกียร์ ซึ่งผมคิดว่า เข็มควรบอกรอบเครื่อง ความเร็วควรเป็นตัวเลข ขนาดใหญ่ ส่วนเลขบอกเกียร์ อาจเป็นตำแหน่งเล็กๆ แทน จะทำให้มองรายละเอียดได้เห็นชัดกว่า

ท่านั่ง
เบาะสูง 835 มม. ก็ต้องถือว่าสูงมากกว่า Speed พอสมควรเลย +45 มม. แต่ก็ยังโชคดีที่ช่วงยุบโช้ก มีพอประมาณ และปลายเบาะแคบ ทำให้ผมสวมรองเท้าบูท ยังพอลงได้เต็มเท้า แต่ถ้าใครตัวไม่สูง ก็ถือว่าอาจจะลำบากสักหน่อย เพราะว่า มันไม่ใช่รถ Enduro ที่นั่งคร่อมแล้ว ช่วงล่างยุบตัวลงมามากนัก

ตำแหน่งแฮนด์บาร์ 22 มม. องศา กำลังดี และไม่สุงมาก ทรงกลางๆ ขี่ได้สบายๆ แบบไหล่ไม่ตก หรือ ต้องยกไหล่มากนัก โดยรวมขี่ออกทริป ทัวริ่งแล้ว กำลังดีเลย

แต่ ถ้าเราได้ลองยืนขี่ ก็แน่นอน แฮนด์ไม่ได้ยกสูง ก็อาจจะต้องโน้มตัวไปด้านหน้านิดนึง ถึงจะคอนโทรลได้กำลังดี

ถังน้ำมัน 13 ลิตร ไม่ใหญ่มาก ทรงสลิม ในรุ่น 400X ติด Tank Pad ด้วยทำให้สามารถขี่เอาช่วงเข่าหนีบถังได้เป็นอย่างดี

พักเท้าก็จะวางลงตรงๆ ดูจะผ่อนคลายกว่า Speed400 เวลาเดินทางยาวๆ ยังไม่เมื่อช่วงขา
นอกจากนั้น นน. 179 กก.ก็ดูจะหนักกว่า Speed ขึ้นมา 9 กก. ถือว่าก็หนักขึ้นพอสมควร คือ ถ้าเวลาขี่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ ผมพบว่า ถ้าเราต้องคร่อมรถแล้วเข็นรถถอยหลังจอด อะไรแบบนี้ดูจะลำบาก
ลงจากรถ และเข็นเอาเลยจะง่ายกว่า

ขุมกำลัง TR Series 400
1 สูบ หม้อน้ำ พิกัด 398cc ให้กำลัง 40 แรงม้า@8,000rpm แรงบิด 37.5 Nm@6,500rpm ขับด้วยโซ่ X-Ring

ส่วนกราฟแรงบิดก็ไหลขึ้นมาเป็น Flat Torque ตั้งแต่ 3,000rpm+ ในจังหวะเปิดคันเร่งช่วงแรก ผมยังพบว่ามีช่วง Lag นิดๆ แต่พอย่านกำลังมาแล้ว รู้สึกรถพุ่งมีอัตราเร่งที่ดีพอสมควร

จุดแรกที่ผมประทับใจเลย คือ เครื่องนี่ล่ะ เพราะว่า คาแรกเตอร์ ของรถยุโรป เอนทรี่สูบโต ช่วง 300-400cc ที่ผมเคยขี่มันจะเป็นฟีลแบบเปิดคันเร่งขึ้น แล้ว จะมีอาการสั่น แบบขึ้นมาเป็นลูกๆ พรึบๆๆๆ
แต่ TR Series นี้ ให้ความรู้สึกที่ลื่นสมูท ไหลลื่นเป็นอย่างดี คันเร่งไฟฟ้า ก็ตอบสนองได้แม่นยำ ไม่ได้รู้สึก Delay บิดมันส์

และเนื่องจากสเกลรอบเครื่องมองยากไปหน่อย ผมพบว่ารอบน่าจะตัดแถวช่วงประมาณ 9,000rpm หรือ เกือบๆ หมื่น เนื่องจากมองเห็นไม่ถนัด
โดย TopSpeed ในคัน Scrambler400X นี้ผมได้ลองไหลไปถึงประมาณ 155kmph บนหน้าปัด ซึ่งคิดว่าน่าจะไหลได้อีกนิด เพราะ Speed400 ผมได้ ประมาณ 165kmph แล้วรอบตัดไปต่อไม่ได้แล้ว

สำหรับรถคันนี้ เสียดายนิดตรงที่ไม่มี QS มาให้ และยังไม่มี Option เสริม แต่รถมี Slipper Clutch ก็ช่วยให้บีบคลัทช์ไม่รู้สึกหนัก และ Engine Brake ไม่หนักเวลาลดเกียร์ จนทำให้เสียการควบคุม

ช่วงล่าง
โช้ก USD ด้านหน้าขนาดแกนใหญ่ 43 มม. กระบอกสีทอง ดูดีสวยงาม
มันมีระยะยุบ + 10 มม. จาก Speed400 ด้านหน้า ระยะยุบขึ้นมาเป็น 150 มม.
ด้านหลัง + 20 มม. จาก Speed400 ขึ้นมาเป็น 150 มม.

อย่างไรก็ดี ช่วงล่างสำหรับผม มองว่า กำลังดีเฟิร์ม ไม่ย้วย หรือ มีช่วงยุบเยอะให้ตัวมากเกินไป เวลาขี่เร็วๆ
เจอทางขรุขระ ก็ยกก้นนิดหน่อยรูดได้เลย แต่ถ้าปีนป่าย จริงจังล้อขอบ 19″ อัลลอย ก็ดูจะไม่เหมาะเท่าไรนัก

ระบบเบรก
ด้านหน้าปั๊ม เรเดียลเม้าส์ 4 pots จานดิสก์เบรก 320 มม. แม้จะใหญ่กว่า Speed400 20 มม. แต่ให้จานมาเป็น Fix Disc
ผมพบว่า ปั๊มเบรกบน มีระยะฟรี ก้านเบรกเยอะ ต้องบีบลงมาถึงเกือบครึ่งนิ้วแล้วค่อย เจอ นน.เบรก ซึ่งจุดนี้ผมพบว่าจะเอาให้อยู่กลายเป็นต้องลง นน.กดมากแล้ว
เราควรใช้ Engine Brake ช่วยด้วย แต่อย่างที่บอกไป มี Slipper Clutch มันทำให้ Engine Brake ไม่ได้หนักมาก ดังนั้น ขี่ซัดๆ มาก็แนะนำว่าควรต้องเผื่อระยะเบรกกันสักหน่อย

นอกจากนี้ 400X สามารถกดเข้าโหมด Off Road ได้ ซึ่งจะปิด ABS ทั้งหน้า-หลัง เพื่อการขี่ในทางฝุ่น

สรุป รีวิว Triumph Scrambler 400 X น้องเล็กสแครมพิกัด 400cc ที่ถือ่าขี่ดี ใช้ได้เลย
เครื่องยนต์ ถือว่าให้คาแรกเตอร์ที่โดดเด่น กว่าคู่แห่ง ทั้งความสมูท และพละกำลัง ช่วงล่าง ก็กำลังดี
เบรก ถ้าใครไม่ซีเรียสขี่เร็ว ผมว่าก็คงเพียงพอ แต่ถ้าใครสายซัด แนะนำว่าอาจต้องเปลี่ยนปั๊มบน หรือ ผ้าเบรกสักหน่อย