หลังจากที่ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) ได้เปิดตัวรถใหม่ในไลน์อัพ Bonneville ใหม่ พื้นฐาน Street Twin ทั้ง Street Cup, New Bonneville T100 และ Street Scrambler กันไปแล้ว เมื่อช่วยเดือนที่ผ่านมาทาง Triumph Motorcycles Thailand ได้จัดทริปทดสอบรถ Triumph Street Cup และ 2017 Bonneville T100 ใหม่ ไปเมื่อวันที่ 23-24 มกราคม ที่ผ่านมาบนเส้นทางพิษณุโลก-ภูทับเบิก ระยะทางรวมทั้งสิ้น 439 กิโลเมตร ซึ่ง MotoRival เราได้รับเกียรติในการเข้าร่วมทริปทดสอบในครั้งนี้ด้วย
สำหรับการทดสอบในทริปนี้ ผู้ร่วมทริปทุกคนจะได้ทดสอบขี่ทั้ง Street Cup และ Bonneville T100 ใหม่
โดยเริ่มต้นจาก Triumph พิษณุโลก ผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ ที่ทันสมัยที่สุดทางภาคเหนือตอนล่าง ใช้เส้นทาง พิษณุโลก-เขาค้อ-ภูทับเบิก
รูปลักษณ์ภายนอก
เริ่มที่ Triumph Street Cup ที่ผู้เขียนได้ทดสอบเป็นสีเหลือง Racing Yellow / Silver Ice มันถือเป็นรถสไตล์ Café Racer ที่มาต่อยอดจาก Thruxton 900 เดิม เข้ามาทำตลาดในระดับที่ต่ำกว่า Thruxton R
Street Cup จะเป็นการต่อยอดตัวถังจาก Street Twin (ตัวถังแบบมินิมัล) แฝงความโมเดิร์นคลาสสิคไว้อย่างลงตัว
ไฟหน้าทรงกลม แบบเดียวกับ T100 และ Street Twin
เบาะนั่ง Bullet seat ตะเข็บเย็บมือ หนัง Alcantara แบบดั้งเดิมครอบเบาะ Cafe Racer แบบถอดได้ เพื่อให้คนซ้อนได้
กระจกปลายแฮนด์ ‘Ace’ ทรงต่ำ ได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง
ท่อเก็บเสียงออกคู่แบบปลายปัดดำ ให้อารมณ์ดุดันรับกับสีของฝาครอบเครื่องยนต์
ด้านพักเท้าเป็นแบบ สแตนเลสสไตล์สปอร์ตไม่มียางรอง
ล้ออัลลอยดำพร้อมสติกเกอร์ขอบล้อสีเหลือง สวมยาง Pirelli Phantom ไซส์ 100/90/R18, 150/70/R17 (หน้า-หลัง)
ขณะที่ Bonneville T100 จะเป็นการใช้พื้นฐานจากตระกูล Bonneville อย่าง T120 ซึ่งต่อยอดมาจาก Bonneville ปี 59 มาปรับสไตล์และเส้นสายใหม่
รายละเอียดจะดูคล้ายกับ T120 ถังน้ำมันสีทูโทน การตกแต่งในส่วนต่างๆด้วยโครเมียม อาทิ กระจกมองข้าง ท่อไอเสียทรง Pea Shooter ชุบโครม รับกับฝาครอบเครื่องยนต์ เพลท Triumph
กระบอกโช้กหุ้มยางสไตล์ คลาสสิค และล้อซี่ลวดขนาด 32 ก้าน สวมยางแบบเดียวกับ Street Cup
พักเท้ามียางรองเช่นเดียวกับ T120 และ Street Twin
มาตรวัดแบบถ้วยคู่ บอกความเร็ว และวัดรอบเครื่องแบบอนาล็อก และแสดงผลส่วนอื่นแบบดิจิตอล ได้แก่ มาตรวัดระยะทาง จอแสดงตำแหน่งเกียร์ เกจ์น้ำมัน แสดงระยะคงเหลือ, ไฟเตือนการเข้ารับบริการ, นาฬิกา, Set Trip 2 ค่า, อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยและ Realtime, เปิด-ปิดระบบ TTC
โดยสามารถควบคุมโดยปุ่มบนแฮนด์ฝั่งซ้าย
ขณะที่สวิทช์ไฟขวา มีปุ่มไฟ Hazard มาให้
(สวิทช์ไฟของ Street Cup จะเหมือน Street Twin ขณะที่ T100 จะเหมือน T120)
เมื่อเปิดใต้เบาะรถทั้งคู่ จะพบไฮไลท์ของตระกูล New Bonneville นั่นคือ ช่องชาร์จไฟ USB เช่นเดียวกับ Bonneville รุ่นอื่นๆ
มิติรถ
Street Cup
มีความสูงเบาะเพียง 780 มม., น้ำหนักแห้ง 200 กก. และความจุถังน้ำมัน 12 ลิตร
Bonneville T100
มีความสูงเบาะเพียง 790 มม., น้ำหนักแห้ง 213 กก. และความจุถังน้ำมัน 14.5 ลิตร
ท่านั่ง
Street Cup ใช้แฮนด์บาร์องศาแบบจับโช้ก ทำให้ท่านั่งหมอบขี่แบบสปอร์ต ในขณะที่พักเท้านั้นถูกยกสูงขึ้นกว่า T100 อีกเล็กน้อยต้องงอเข่าเพิ่มหน่อย เพื่อหนีบถังน้ำมันได้กระชับดียิ่งขึ้น
มีจุดหนึ่งที่แอบจะรู้สึกรำคาญนิดๆ ก็คือ ตำแหน่งของปลายท่อไอเสียที่ในบางจังหวะส้นเท้าจะไปโดนถูกปลายท่อ หากนั่งร่นไปข้างหลังมากๆ
Bonneville T100 นั้น มีองศาท่านั่งใกล้เคียงกับ T120 แต่เบาะสูงกว่าเล็กน้อย 5 มม.
ด้วยแฮนด์บาร์ที่ยกสูง องศ งุ้มเข้าหาลำตัวจึงทำให้ท่านั่งต้องบล็อกหลังให้ตรงตามแบบรถคลาสสิค เน้นสบายๆ ไม่เน้นเร็ว
ปลอกแฮนด์ที่ดูใหญ่และหนากว่า Street Cup อาจทำให้ผู้ที่มือไม่ใหญ่จับไม่กระชับนัก
ในส่วนของเบาะนั่งซ้อน T100 จะอยุ่ในระนาบเดียวกับเบาะคนขี่ ซึ่ง T120 ได้มีการเพิ่มความหนาของโฟมที่เบาะนั่งคนซ้อนจึงให้ความนุ่มสบายกว่า T100
ขุมพลังเครื่องยนต์ 900 HT (High Torque) ความจุ 900cc 2 สูบเรียง SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำจาก Street Twin กำลัง 55 PS @ 5,900 rpm แรงบิด 80 Nm @ 3,230 rpm
ใช้คันเร่งไฟฟ้า ride-by-wire ในการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ลงสู่เกียร์ 5 Speed เคลมอัตราสิ้นเปลือง 27 กม./ลิตร (Street Twin) และ 26.1 กม./ลิตร (T100)
เริ่มต้นออกตัวกำคลัทช์ รู้สึกได้ทันทีว่า น้ำหนักค่อนข้างเบานิ้วมือ เนื่องจากมีระบบ Torque Assist Clutch เข้ามาช่วย จึงทำให้การขี่ในเมืองที่รถติดไม่เมื่อยนิ้วนัก
ลองเบิ้ลเครื่องดูกันหน่อย พบว่า 2 คันนี้ เสียงต่างกัน หลักๆ นั้นมาจากลักษณะของปลายท่อคู่ที่ดีไซน์แตกต่างกัน T100 จะให้เสียงที่ดูแน่นสุขุมกว่า ขณะที่ Street Cup จะออกแตกกว่าเล็กน้อย
สำหรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ นั้นถือว่าไม่แตกต่างอย่างมีนัยเพราะมันเป็นเครื่องบล็อกเดียวกัน คันเร่งไฟฟ้ายังคงมีการหน่วงมือเล็กน้อยในช่วงเปิดคันเร่ง
ในการเดินทางขึ้นเขาที่มีความชัน และคดเคี้ยว ด้วยชื่อเครื่อง (High Torque) ที่มีแรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำ ช่วยให้คุณเปิดคันเร่งเดินกำลังเครื่องบนทางลาดชันต่อได้โดยไม่ต้องลดเกียร์ลงมา แม้ว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งเกียร์ 3 แล้วก็ตามแค่กระแทกคันเร่งเพิ่มรถก็สามารถทะยานขึ้นไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก รวมถึงการออกตัวในเมืองที่เน้นแรงบิดเพื่อเร่งแซง นั้นทอร์คหนักมาให้ใช้ตั้งแต่รอบต่ำขี่ในเมืองได้สบายๆ
สำหรับการขี่เดินทางไกลด้วยความเร็วสูง ความเร็วในช่วง 160 กม./ชม.ขึ้นไปนั้น ดูจะเริ่มช้าลง เมื่อเทียบกับช่วงอัตราเร่ง จาก 100-140 กม./ชม. ที่ดูมาเร็วทันท่วงที
ในโมเดล Street Cup ผู้เขียนมีโอกาสลอง Top Speed ซึ่งทำได้ราว 195 กม./ชม.
สำหรับความร้อนและอัตราสิ้นเปลือง ที่ได้เห็นความดีความชอบใน Street Twin ไปแล้ว มันยังทำหน้าที่ได้ดีเช่นเคยใน 2 โมเดล ซึ่งอัตราสิ้นเปลือง จากการขี่ด้วยความเร็วพอสมควร และขี่บนทางชันในช่วงขึ้นเขาเขาค้อ เราทำตัวเลขได้ 22.22 กม./ลิตร ในโมเดล Street Cup ซึ่งหากมองจะระยะ Range ที่วิ่งได้แล้ว การเดินทางบนเขาด้วยความเร็วสูงน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้เกือบ 280 กม. เลยทีเดียว (Street Cup)
ระบบกันสะเทือน โช้กหน้า KYB มียางหุ้มแกนขนาดแกน 41 มม. มีระยะเคลื่อนตัวยาว 120 มม.
โช้กหลังคู่ KYB ปรับ Preload ได้ ระยะยุบ 120 มม. เช่นกัน
โดยรวมนั้นสมรรถนะในการขับขี่ยึดเกาะ อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากการขี่ใช้งานทั้ง 2 โมเดล อาจจะไม่ได้ให้คุณขี่สนุกเทโค้งได้ลึกนัก เนื่องจากยางหน้าขอบ 18” จาก Pirelli Phantom Sport comp ที่แก้มยางอาจไม่ได้ทำมาเพื่อรองรับการเข้าโค้งด้วยความเร็ว
สำหรับตัวช่วงล่างเหมือนกันกับ Street Twin แต่ใน 2 โมเดลนี้ได้ปรับเซ็ทออกมาให้แข็งกระชับขึ้นกว่า Street Twin ที่ดูจะย้วยเกินไปหน่อย
Street Cup ที่มีท่านั่งแบบสปอร์ต และการปรับเซ็ทช่วงล่างด้านหลังใหม่ ทำให้มันดูลงตัวทีเดียว เป็นคาเฟ่สปอร์ตที่ใช้งานได้ในทุกๆวัน และแอบซิ่งได้อย่างมั่นใจ
ขณะที่ Bonneville T100 ให้ความสบายในการขับขี่ แต่แน่นเฟิร์มกำลังดี เมื่อขี่เดินทางไกล และเมื่อขี่ด้วยความเร็ว T100 ดูจะมอบความมั่นใจขึ้นอีกเล็กน้อย
ระบบดิสก์เบรก ABS ด้านหน้าจานเบรกแบบ Floating Disc ขนาด 310 มม. คาลิปเปอร์ Nissin 2 ลูกสูบ
เบรกหลังจานเดี่ยวขนาด 255 มม. คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ จาก Nissin เช่นกัน
เริ่มต้น ลองขี่อาจจะยังไม่ชินกับน้ำหนักแป้นเบรกหลังที่ค่อนข้างแข็ง จึงต้องลงน้ำหนักมากหน่อยในช่วงแรกๆ ที่ยังขี่ไม่ชินเท้า เนื่องจากปั๊มเบรกหลังเป็นแบบ 2 สูบ มันจึงทำหน้าที่ได้ดีกว่ารถคันอื่นๆ ทั่วไปในส่วนของการใช้งานเบรกหลัง ทั้งการเลียเบรกเบาๆ เมื่อความเร็วเกินในช่วงโค้ง รวมถึงช่วยเสริมประสิทธิภาพในการหยุดรถร่วมกับเบรกหน้า
ในส่วนของเบรกหน้า
Street Cup ที่ใช้ปั๊มเบรกแบบตัวสปอร์ต 650cc จะสัมผัสได้ว่าให้น้ำหนักการเบรกชะลอรถที่ดูหนักหน่วงกว่า T100 ที่ใช้ปั๊มเบรก 2 สูบเล็กในแบบเดียวกับ Street Twin จึงให้ความมั่นใจได้ดีกว่า เหมาะสมกับการขี่ในสไตล์สปอร์ต แม้จะเป็นจานดิสก์หน้าเดี่ยวก็ตาม
Bonneville T100 นั้น ด้วยการใช้จานดิสก์เดี่ยว และปั๊มเบรกขนาดเล็กกว่า ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ Street Twin แต่ด้วยน้ำหนักตัวรถที่มากกว่าจึงทำให้การเบรกนั้นอาจทำประสิทธิภาพได้ไม่ดีเท่ากับทาง Street Twin นัก ซึ่งหากขี่ตามสไตล์สายคลาสสิคก็ถือว่าชะลอความเร็วได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ถ้าหากต้องลดความเร็วลงมากๆ จำเป็นต้อง ใช้ Engine Brake ลดเกียร์ช่วยชะลอช่วย แต่การที่ใช้เกียร์ 5 Speed ทำให้สัมผัสได้ถึงแรงที่กระทำต่อล้อคู่หลังค่อนข้างหนัก เบรกแรงๆ มีล้อล็อกอยู่หลายครั้ง จึงต้องควบคุมบาลานซ์รถให้ดี
สรุป รีวิว Triumph Street Cup & 2017 Bonneville T100 ใหม่ Café และ คลาสสิค ร่วมสมัยพื้นฐาน Street Twin ได้เข้ามาเพิ่มไลน์อัพทางเลือก ให้กับทั้งสาย คาเฟ่ และ คลาสสิค ที่ต้องการรถใช้งานได้ในทุกๆ วัน รวมถึงให้นักบิดเป็นเจ้าของรถฝันของตัวเองง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องเก็บเงินเพื่อไปถึง Thruxton R หรือ T120 อีกต่อไป
ที่สำคัญมัน เป็นมิตรกว่าในด้านการขี่ทั้งอัตราสิ้นเปลือง, ความร้อน และน้ำหนักตัวที่เบาลง แต่ยังคงขี่สนุกได้เหมือนกัน เพราะแรงบิดเพียงพอต่อการใช้งานไม่ว่าจะเดินทางใกล้ไกล แม้จะไม่มี Riding Mode แต่ระบบ TTC ที่ให้มาก็มอบความมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะช่วยเซฟความปลอดภัยขณะพื้นลื่น หรือ เผลอเปิดคันเร่งหนักเกินไป
– ดีไซน์สวยงามตามแบบฉบับ Café และ Classic ที่โดดเด่นแบบร่วมสมัย + มีช่อง USB Socket ใต้เบาะ
– เครื่องยนต์ 900 HT เด่นที่ทอร์คหนัก ระบายความร้อนได้ดี และมีอัตราสิ้นเปลืองดีเยี่ยม
– มีระบบ TTC ให้ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
- เกียร์ 5 Speed ทำให้จังหวะลดเกียร์เพื่อทำ E-Brake มีแรงฉุดของกำลังเครื่องมากส่งผลให้ล้อหลังล็อกได้
- ฝาถังน้ำมันหมุนเปิดดีไซน์คลาสสิค น่าจะเป็นแบบบานพับจะได้ไม่ต้องยกออกมาถือ
Triumph Street Cup มากับ 2 สี ได้แก่ สี Racing Yellow / Silver Ice และ Jet Black / Silver Ice โดยมีราคา 450,000 บาท
2017 Triumph Bonneville T100 มี 3 โทนสี ได้แก่ สี Aegean Blue / Fusion White, สี Intense Orange / New England White และ สี Jet Black
T100 Black มี 2 โทนสีให้เลือก ได้แก่ สี Jet Black และสี Matt Black โดยทั้งหมดมีราคา 430,000 บาท
ขอขอบคุณ Triumph Motorcycles Thailand สำหรับทริปทดสอบ Triumph Street Cup และ Bonneville T100 ใหม่ ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver & Photo + VDO
สุภิญญา ชำนาญกุล Photo + VDO
อ่านรีวิวรถอื่น เพิ่มเติมเติมได้ที่นี่
อ่านข่าว Triumph เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ
รีวิว Triumph Street Cup & 2017 Bonneville T100 ใหม่
Triumph Street Cup & 2017 Bonneville T100 ใหม่ Café และ คลาสสิค ร่วมสมัยพื้นฐาน Street Twin 900HT เติมเต็มไลน์อัพ Bonneville รุ่นเล็ก 900cc จับต้องง่ายขึ้น เป็นมิตรกว่ารุ่นใหญ่รหัส 1200HT
-
รูปลักษณ์
-
เครื่องยนต์
-
การควบคุม
-
เทคโนโลยี
-
ความคุ้มค่า