เมื่อไม่นานมานี้ ทางทีมงาน MotoRival เราได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรม “Ride with the legends” by Burn Rubber อีกหนึ่งกิจกรรมถ่ายทอดทักษะการขี่กับ 3 นักบิดระดับตำนาน WorldGP บนสนามแข่งระดับโลก ได้แก่ ลอริส คาปิรอซซี (Mr. Loris Capirossi) เจเรมี่ แมควิลเลี่ยม (Mr. Jeremy McWilliams) และ เฟาส์โต ริชชี (Mr. Fausto Ricci) มาร่วมเป็นผู้ฝึกสอนพิเศษ ในโอกาสเปิดตัว “Burn Rubber Riding Academy & Track Days” (เบิร์นรับเบอร์ ไรด์ดิ้ง อะคาเดมี่ แอนด์ แทร็ค เดย์) สถาบันสอนขับขี่แนวมอเตอร์สปอร์ตแห่งแรกในประเทศไทยที่มีมาตรฐานหลักสูตรทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติระดับสากล
ซึ่งกิจกรรมในงาน นอกเหนือจากการได้ขี่รถในรูปแบบ Track Day ซึ่งมีรถหลากหลายแบรนด์ให้เราได้ลองขับขี่กันแล้ว จะมีทีม Instructor ช่วย Guide สอนและดูรายละเอียดการขี่ และจุดที่ต้องแก้ไข ของแต่ละคนว่า ควรมีการปรับแก้เช่นใด
ในกิจกรรมครั้งนี้ได้ Partner หลายแบรนด์ด้วยกัน ทั้งในส่วนของรถ ที่ใช้ขี่ในสนาม และยาง ซึ่งยางที่ได้สวมบนรถทดสอบทุกครั้ง จะเป็นยาง MICHELIN POWER RS
(สามารถอ่านรีวิวยางตัวนี้ได้ที่นี่) ขณะที่รถที่ขี่นำโดยทีม Instructor ซึ่งเป็นรถ Aprilia RSV4 คันสีเหลือง จะสวมยาง MICHELIN POWER CUP EVO
ผมได้มีโอกาส ลองรถในหลากหลายรุ่น ซึ่งจะได้เปลี่ยนสลับรถกันไปในแต่ละ Session ด้วย ซึ่งรถที่ผมได้มีโอกาสลองขี่มีหลายรุ่นด้วยกัน ได้แก่
Yamaha MT-09
รถที่ถือเป็น Master of Torque มากับอัตราเร่งสุดโหด เป็น Naked 3 สูบ ที่แรงและต้นจี๊ดที่สุดเลยก็ว่าได้
Honda CB1000R
Naked ไฟกลม พี่ใหญ่สุด จากตระกูล NSC
YZF-R6
Supersport สุดหล่อ ยอดนิยมจากค่ายส้อมเสียงที่มีดีกรีแชมป์ทั้ง Asia Road Racing SS600 และ ระดับ WSS600
MV Agusta F4
Superbike ตัวแรงเครื่อง 4 สูบเรียงที่ดิบมากที่สุดที่ผู้เขียนได้เคยสัมผัสมา
MV Agusta Brutale 800
Naked 3 สูบ ที่มีดีกรีเป็นรถเปลือยที่สวยงามที่สุดในโลก ขี่สนุก เบา และแรงในระดับที่ยังไม่เครียดจนเกินไป
Yamaha MT-10
Naked พี่ใหญ่สุดจากค่ายส้อมเสียง เครื่องยนต์ R1S แรงพอตัวเลยทีเดียว
Honda CBR1000RR SP
ปิดท้ายด้วยซุปเปอร์ไบค์จากค่ายปีกนก ที่เรียกได้ว่าเป็นสปอร์ตตัวพันที่ขี่ง่ายสุด โดยตัว SP จะมากับโช้ก Ohlins และ เบรกจาก Brembo
ในระหว่างพักเบรก Session ก็จะมีการบรีฟสลับไปด้วย ทั้งในส่วนของเทคนิคการขี่ในสนาม
– เริ่มตั้งแต่ Riding Position จัดท่าทางในการขี่
– การหาจุดเบรก
– การใช้สายตามองก่อนเข้าโค้ง
– ข้อมูลเรื่องตัวยาง Michelin Power RS
และอีกกิจกรรมไฮไลท์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ นั่นคือ “Duo Experience” ที่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ซ้อนท้ายระดับตำนาน WorldGP ทั้ง 3 ท่าน ซึ่งผมก็ไม่พลาดที่จะร่วม ซ้อนเสียว ในครั้งนี้ โดย ผมได้เลือกซ้อน Loris Capirossi อดีตแชมป์โลก 3 สมัย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้าน Safety ของ Dorna Sport
ต้องบอกว่า คิดไม่ผิดที่เลือกซ้อนคุณ Loris เพราะ พี่ท่าน หวดได้เร็วที่สุดในสนามแล้วล่ะ โดยรถที่ใช้จะเป็น Aprilia Tuono V4 1100
ก่อนออกตัว คุณ Loris ได้แนะนำเราว่า ให้เอามือประสานกันล็อกเอวให้ดี เมื่อเบรกให้เอาฝ่ามือยันถังน้ำมันไว้
ถ้าไม่ไหว ให้เอาตบเบาๆ 2 ที หรือ ส่ายหัว Ok พร้อมลุยได้
ในรอบแรกที่ถือเป็นออเดิร์ฟ เบาๆ ซึ่งผมก็รู้สึกว่านี่เบาแล้ว? ปกติเป็นแต่คนขี่ไม่เคยซ้อน และยิ่งต้องมาซ้อนกับนักบิดระดับโลกเช่นนี้ ไม่ชิลด้วยเลย
เพราะขี่เร็วกว่าที่เราขี่กันมากๆ เครื่องยนต์ V4 1100 นี่ ทอร์คมหาศาล บิดทีหน้าแทบหงายหมวกแทบจะทะลุออกจากหัวเวลา Lean โค้งก็เทเรียกได่ว่าเกือบหมดหน้าตัก
เมื่อผ่านโค้ง T12 รอบแรก มีหันมามองทางผม OK ไหม ผมไม่ว่าอะไร เท่านั้นล่ะ ยกยาวๆ เลยผ่านทางตรงหน้า Pit ในรอบถัดมานี้ เริ่มขี่หนักขึ้น และโหดกว่าเดิมมาก
ช่วงเข้าทางตรงยาว 1.1 กม. คันเร่งยัดเต็มหมด เล่นเอาผมเสียวชิบหาย ในแบบที่ไม่เคยเสียวมาก่อน ก่อนหน้านี้ผมเคยเสียวสุดๆ ก็การได้ลองนั่งรถไฟเหาะที่เร็วที่สุดในโลกที่ Ferrari World Dubai แต่ต้องขอบอกว่า การซ้อนบน Super Naked โดยได้นักบิดระดับตำนานแชมป์โลกมาขี่ให้ โดยไม่มีเครื่องยึดเกาะนอกจากท่อนแขนของเรานี่ เป็นอะไรที่โคตรเสียวสุดๆ
ผมแอบชำเลืองไปมองป้ายบอกระยะเบรก ในใจคิด ยังไม่เบรกอีกหรอ Loris เบรกช่วงระยะเหลือประมาณ 100 ม. นิดๆ
โอย เป็นเราหากซัดมาหมดปลอก และเบรกลึกขนาดนี้ มีหวังได้แหกโค้ง T3 แน่ๆ
แต่ดีกรีระดับแชมป์โลก ต้องเบรกลึกมาก และเบรกได้หนักหน่วง แบบจิกเดียว แล้วพับรถเข้าไปหา Apex เลย ก่อนที่จะเดินคันเร่งออกโดยเร็ว
ซึ่งต้องขอบอกว่า แอบแตกต่างจากที่คิดไว้นิด ไม่มี Trail Brake หรือ Early Brake แม้จะมีผู้ซ้อนอย่างเราฝากชีวิตไปด้วย
ต่อมาโค้ง T4 ถัดมา ถือเป็นโค้ง Hi Speed ที่สุดของสนามนี้ มีการ Shift Down เกียร์ลง 1 เกียร์ ก่อนเทเข้าโค้งเข้าไป โดยไม่แตะเบรก ความเร็วประมาณ 200 กม./ชม. เรียกได่ว่าหายใจไม่ทั่วท้องเลยเอียงรถด้วยความเร็วร่วมๆ เท่านี้ ก่อนที่จะวนโค้งต่อไปยาวๆ 5-8 โค้ง T9 เป็นโค้งขวายาวๆ ที่จะเทได้ลึกมากๆ จนผมรู้สึกหวิวเสียวจะจะตกรถไงไม่รู้ ยิ่งซ้อนรถท้ายสูงๆด้วยแล้ว เมื่อผ่าน T12 ก็ ผ่านหน้า Pit อีกครั้งเป็นรอบที่ 2 หวดหนักเหมือนเดิม จนครบจบรอบก็เข้า Pit ลงจากรถนี่เรียกได้ว่า มือไม้สั่นไปหมด แทบจะขี่รถในรอบต่อไปไม่ไหวเลยทีเดียว
แม้เป็นคนซ้อน ต้องเรียนตามตรงว่าเหนื่อยมากๆ ไม่แพ้กับเป็นผู้ขี่เลย เผลอๆ จะเหนื่อยกว่า เพราะเราไม่รู้จังหวะการขี่ เนื่องจากไม่ได้เป็นคนควบคุมตัวรถเอง
แต่อย่างไรก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่สุดแสนจะยอดเยี่ยม ที่เรียกได้ว่าถ้ามีโอกาส ควรจะต้องลองสักครั้งในชีวิต กับการได้ซ้อนนักแข่งดีกรีแชมป์โลก บนสนามแข่งระดับโลกในรายการ MotoGP และ รถที่มีสมรรถนะสูงมากๆ เช่น Aprilia Tuono V4 1100 คันนี้
ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพรับใบประกาศร่วมหลักสูตร “Ride with the legends” ในครั้งนี้
ซ้าย คุณ Gianluca Lozzi (ผู้จัดการของ Burn Rubber Academy)
คนที่ 2 จากซ้าย คุณ Jeremy McWilliams (ผู้ทดสอบและพัฒนารถ KTM)
คนที่ 2 จากขว่่ คุณ Loris Capirossi (ที่ปรึกษาด้าน Safety ของ Dorna Sport)
ขวา คุณ Fausto Ricci (ทีม Instructor MV Agsuta และผู้ฝึกสอน Riding School ในอิตาลี)
สำหรับในครั้งหน้าผมจะมาอัพเดทข้อมูลของ Burn Rubber Academy สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากเรียน และร่วมกิจกรรมดีๆเช่นนี้ ในปีหน้าครับ
ขอขอบคุณ Burn Rubber สำหรับงาน “Ride with the legends” ในครั้งนี้
ขอบคุณภาพจากทาง Override และ Verve
ภณ เพียรทนงกิจ Writer
อ่านรีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่
เพื่อนๆ Bikers สามารถติดตามข่าวสารวงการล้อ ได้ทางแฟนเพจ MotoRival ของเราครับ