ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอาจจะเห็นว่า Suzuki มีรถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ต-เนคเก็ทเพียงแค่ตระกูล GSX-S เท่านั้น แต่หากย้อนไปช่วงปี 2010 ค่ายคนบ้าแห่งนี้ได้เคยมีสปอร์ต-เนคเก็ทไบค์อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยวางจำหน่ายอยู่ เพราะมันคือเนคเก็ทไบค์ที่ใช้พื้นฐานชิ้นส่วนสำคัญอย่างเครื่องยนต์ ร่วมกันกับเจ้าเหยี่ยวอ้วน GSX-R1300 หรือ Hayabusa และชื่อรถมอเตอร์ไซค์ปริศนาที่ว่านั้นก็คือเจ้า Suzuki B-King ที่เพื่อนๆเห็นกันอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
Suzuki B-King ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในฐานะคอนเซปท์ไบค์เมื่อปี 2001 ซึ่ง ณ ขณะนั้นจุดเด่นที่ทำให้มันเป็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ก็คือการที่มันจะเป็นเนคเก็ทไบค์ไซส์บิ๊ก หน้าตาแหวกยุคสมัย ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,298cc ลูกเดียวกันกับรถมอเตอร์ไซค์ที่เร็วที่สุดในโลก(ในยุคนั้น)อย่าง Suzuki Hayabusa รุ่น 1 แต่จะยิ่งเหนือกว่านั้นขึ้นไปอีกเพราะทาง Suzuki ได้ระบุว่ามันจะได้รับการติดตั้งระบบอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จเจอร์เข้าไปด้วยจนคาดว่าแรงม้าอาจจะพุ่งไปสูงถึง 240 ตัว (ในหน่วย HP) เลยต้องใช้ยางหลังไซส์ 240 เพื่อลดอาการล้อลื่นไถลให้มากที่สุด ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง แม้แต่เจ้า Kawasaki H2 ที่เป็นซุปเปอร์ไบค์ใส่ซุปเปอร์ชาร์จที่แรงจนขี่ยากสุดๆในยุคนี้เองก็อาจสู้ไมได้ เพราะบล็อคเครื่องยนต์ที่ยักษเขียวตนนี้ใช้อยู่ก็ยังเป็นบล็อค 4 สูบเรียง 999cc 231 แรงม้า (PS) เท่านั้น
อย่างไรก็ดี อาจจะด้วยความที่ Suzuki กลัวลูกค้าจะคุมเจ้า B-King ไม่อยู่ จึงทำให้พอถึงตอนที่มันจะต้องถูกวางจำหน่ายจริงๆในช่วงปี 2008 ทางค่ายกลับเลือกให้มันใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 1,340cc ไร้ระบบอัดอากาศใดๆทั้งสิ้นแทนเสียอย่างนั้น แต่นั่นก็แรงมากพอแล้ว เพราะพอมันได้รับการปรับจูนแรงม้าเพิ่มอีก 10 ตัว แล้วกลายเป็นเครื่องยนต์ของ Hayabusa รุ่น 3 (โฉมปี 2008) เป็นต้นมา เจ้าขุมกำลังบล๋็อคนี้ก็ยังทำให้เจ้าเหยี่ยวอ้วนรักษาตำแหน่งรถมอเตอร์ไซค์ (โปรดักชันไบค์) ที่เร็วที่สุดในโลกได้อีกนานหลายปีเลยทีเดียว
นอกนั้นในส่วนของดีไซน์ภายนอกรวมถึงโครงสร้างหลักเจ้า B-King เอง ก็ถือว่ามีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร เพราะมันมาพร้อมกับชิ้นแฟริ่งใหม่ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อตัวมันเองโดยเฉพาะ, ใช้ชุดโคมไฟเดี่ยวด้านหน้าดีไซน์ล้ำสมัย มาพร้อมกับหลอดไส้ 60 วัตต์, ชุดไฟเลี้ยวติดตั้งแบบฝังรวมกับแฟริ่งกาบข้างหม้อน้ำ แถมยังมีการเจาะช่องสำหรับดักอากาศเข้าเครื่องยนต์, และที่สำคัญที่สุด เป็นที่น่าจดจำที่สุด เพราะโดดเด่นสุดๆ ก็คือชุดปลายท่อไอเสียคู่ขนาดใหญ่ที่เดินแนวไปออกหลังผู้ขี่ซึ่งดูไปดูมาแล้วราวกับเป็นปลากปล่องระบายไอพ่นของเครื่องบินเจ็ทยังไงยังงั้น
ชุดมาตรวัดก็เป็นแบบลูกผสมระหว่างเข็มกวาดวัดรอบ กับการแสดงผลตัวเลขความเร็ว, ระดับน้ำมัน, ระดับอุณหภูมิเครื่องยนต์, ระยะทางรวมกับระยะทางทริป A/B, สถานะแจ้งเตือนการเช็คระยะ, ความเร็วเฉลี่ย, ระดับเกียร์, โหมดเครื่องยนต์ (2 รูปแบบ) ที่ทั้งหมดจะล้วนแสดงผลด้วยหน้าจอดิจิตอลทั้งหมด
ส่วนจุดขายอื่นๆที่น่าสนใจของเจ้า Suzuki B-King ก็มีทั้ง ชุดโช้กอัพหน้าหัวกลับ โช้กหลังต้นเดี่ยวทำงานร่วมสวิงอาร์มอลูมิเนียมอันเขื่อง ที่สามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่า, กันสะบัด, ระบบเบรกแบบดิสก์คู่ด้านหน้า/ดิสก์เดี่ยวด้านหลัง ทำงานร่วมกับปั๊มเบรกเรเดียลเมาท์ 4 พอร์ทด้านหน้ากับปั๊มโฟลทติ้งเมาท์ 2 พอร์ท ด้านหลัง ซึ่งออกแบบมาเพื่อมันโดยเฉพาะ ทว่ายังไม่มีระบบ ABS มาให้แต่อย่างใด
น่าเสียดายที่พอเข้าสู่ช่วงปี 2012 ดูเหมือนจะเป็นขาลงของรถมอเตอร์ไซค์แนวเนคเก็ทไบค์อย่างเจ้า B-King ประกอบกับการที่เครื่องยนต์ของมันไม่ได้รับการพัฒนาให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro4 จึงทำให้ Suzuki ประกาศยุติการผลิตและวางจำหน่ายมันไปในที่สุด เหลือไว้แต่ชื่อที่น่าเกรงขามของมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้นให้เราได้กล่าวถึง (แต่ในเมื่อตอนนี้ Suzuki Hayabusa ได้ถูกนำกลับมาพัฒนาใหม่ ใส่เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไปอีกมากมาย รวมถึงเครื่องยนต์ก็ถูกปรับให้ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ Euro5 แล้ว จึงน่าสนใจไม่น้อยถ้าหากวันหนึ่ง Suzuki จะกลับมารื้อฟื้นชื่อของเจ้า B-King ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งบ้าง)
ด้านข้อมูลทางเทคนิคของ Suzuki B-King มีรายละเอียดดังนี้
ชื่อรุ่น | Suzuki B-King
ปีที่ผลิต | 2008-2012
เครื่องยนต์ | 4 จังหวะ, 4 สูบเรียง, DOHC, 4 วาล์วต่อ 1 ลูกสูบ
ความจุเครื่องยนต์ | 1,340 cc
ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก | 81 x 65 มิลลิเมตร
ระบบระบายความร้อนเครื่องยนต์ | ระบายความร้อนด้วยน้ำ
อัตราส่วนกำลังอัด | 12.5:1
ระบบน้ำมันหล่อลื่น | แบบเปียก
ท่อไอเสีย | ท่อสแตนเลสเดินคอ 4-2-1-2 ออกท้ายรถ
ระบบจ่ายน้ำมัน | ระบบหัวฉีด Suzuki SDTV 2 หัวฉีดต่อลูกสูบ
ระบบสตาร์ท | ไฟฟ้า
แรงม้าสูงสุด | 177 hp ที่ 9,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด | 146 Nm ที่ 7,200 รอบ/นาที
ระบบตัดต่อกำลัง | คลัทช์แห้งหลายแผ่นซ้อนกัน พร้อมระบบควบคุมด้วยแรงดันไฮดรอลิก (ปั๊มคลัทช์)
ระบบเกียร์ | 6 สปีด
ระบบส่งกำลังไปยังล้อหลัง | โซ่ RK GB50GSV
ความจุถังน้ำมัน | 16.5 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย | 16.1 กิโลเมตร/ลิตร
อัตราเร่งในระยะ ¼ ไมล์ (402 เมตร) จากหยุดนิ่ง | 10.4 วินาที
ความเร็วสูงสุด | 290+ กิโลเมตร/ชั่วโมง
เฟรม | อลูมิเนียม
ระบบกันสะเทือนหน้า | ตะเกียบคู่หัวกลับ ปรับเซ็ทได้ทุกค่า
ระยะยุบโช้กหน้า | 120 มิลลิเมตร
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง | โช้กเดี่ยวปรับเซ็ทได้ทุกค่าพร้อมระบบกระเดื่องทดแรง
ระยะยุบโช้กหลัง | 137 มิลลิเมตร
ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรกคู่ 310 มิลลิเมตร พร้อมเรเดียลเมาท์คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบจาก Brembo
ระบบเบรกด้านหลัง | ดิสก์เบรกเดี่ยว 260 มิลลิเมตร พร้อมโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ
ล้อหน้า | อัลลอย์น้ำหนักเบา ทรง 3 ก้าน ขนาด 3.50 x 17 นิ้ว
ล้อหลัง | อัลลอย์น้ำหนักเบา ทรง 3 ก้าน ขนาด 6.00 x 17 นิ้ว
ยางหน้า | 120/70-ZR17
ยางหลัง | 200/50-ZR17
มุมเรค | 25.7°
ระยะเทรล | 107 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ | 1,525 มิลลิเมตร
มิติตัวรถ | ยาว 2,245 มิลลิเมตร, กว้าง 800 มิลลิเมตร
ความสูงเบาะ | 805 มิลลิเมตร
น้ำหนักแห้ง | 235 กิโลกรัม
ขอบคุณข้อมูลจาก MotorcycleSpecs
อ่านข่าว Suzuki เพิ่มเติมได้ที่นี่